วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Bye bye my last day of 2019


Add caption

Dear diary,

We've come to the last page of 365 pages. Here we go.

The new year is approaching just tomorrow. I hope you have a joyful year ahead.  Do you write any new year resolutions?  To me, almost every year I write some, but think this year I may write the same resolutions so I quit :) 

Thailand has a long holiday starting from Sat. 28 Dec. - 1 Jan. 2020. Ritually, I mostly stay at home during this period reading and sorting out stuff.  Have you ever heard about the idea of Ms. Marie Kondo, the Japanese organizational guru, who initiated the idea of 'spark joy'? That is, if you want to dump things, you may think if those things still spark joy or not. If not, just let them go. Sounds simple, right?  

Therefore, my plan is to sorting books out.  I have tons of books on a bookshelf. They are now maybe crying as the owner has ignored them for so long.  Admittedly,  I can't help buying both first hand and 2nd- hand books when I visit a bookstore.  

2 days ago I climbed the mountain to see the Black & White pagodas on the other side of the Songkhla pier. The local govt. has promoted it to be the sacred place and link this route to Songkhla World Heritage ( which is still in a process). I just realized that I wasn't that strong. Climbing up steep stairs made me so exhausted. I really wanted to crawl. I saw 1 strayed dog walking elegantly past me. I would really like to be his friend so that he could carry me on top to the top of the mount. (The reason to befriend with the dog is quite weird, huh? If that dog knows, it probably thinks I'm not a good friend as I just look for my own benefit;). 

 Each time I successfully climbed up the mount, the sense of achievement excites me and I would like to do it again once a year at least. 

Well, this month I am kind of Ms. Santa Claus. I mainly organized the Christmas Party for Eng. major on 22 Dec. 2019 and also on 25 Dec. Sterling my American co-worker, 15 Eng.major freshmen, & I did a flashmob walking from classroom to classroom and also a canteen to sing Christmas carols and happily, the students in other classes look surprised and I thought this activity brighten their days and also woke them up:)   20 students & I also visited the orphanage in Hatyai to read and play with kids.  ( Pls see a Christmas card that I helped the staff at the orphanage made it.) 

Happy new year 2020.
Till we meet again. And we'll start fresh. 
See you, the first page of new 365 pages. 

Nok 

วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ภูเขาและเป้าหมายสูงใหญ่



 We have no limit if we set our goal high

High ในที่นี่ของเราไม่ใช่เป้าหมายสูงๆ แต่กลับเป็นสถานที่สูงที่เคยแหงนมองแล้วก็เคยพิชิตมาแล้ว (มีความเชิ่ดหน้าได้ ณ จุดๆนี้) แต่ความเป็นจริง คือ...

เราโม้เพื่อนว่าหากอยากเที่ยวสงขลาแบบที่นักท่องเที่ยวคนอื่นๆมักจะไม่ค่อยได้ไปถึงกัน คือการต้องไปฝั่งหัวเขาแดง ปีนเขาดูป้อมปราการ (fortress) กำแพงเมืองเก่าๆของสงขลา และเห็นเจดีย์ที่อยู่บนเขาแบบลิบๆนั่นไหม นั่นล่ะ เราจะไปพิชิตกัน  "ภูเขามีไว้ให้คนกล้าได้ปีนป่าย" ( 55 มีความฮึกเหิมเบอร์ 10)

เมื่อเพื่อนตกลงโดยง่าย เราก็ได้ใจ นึกในใจเดินขึ้นเขาไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่มหาลัย เราก็เดินบันไดขึ้นลงๆอยู่บ่อยๆ แถมไปครั้งนี้ไปเส้นทางใหม่ มีทางบันไดให้เดิน 

นี่นับเป็นประสบการณ์การปีน (หรือจะเรียกว่าเดินขึ้นเขาดีนะ) ครั้งที่ 2 ของเรา   (เอิ่ม จะมีครั้งต่อไปไหม ยังไม่แน่ใจ แฮ่) 
การไปครั้งแรกของเราเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เราไปในรายวิชาการอบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่น: สงขลาเมืองเก่า ซึ่งกำหนดว่าผู้เข้าร่วมอบรมทุกคนต้องไปที่นี่เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์สงขลายุคแรกๆ ครั้งนั้นใช้อีกเส้นทางนึง เดินเข้าป่า ไม่ได้มีบันไดชันๆมากเท่านี้ ตอนนั้นกล่อมน้องแบม จุ๋ม และแม่จุ๋มให้ร่วมผจญภัยไปด้วยกันได้)  

ครั้งนี้ทำไมเหนื๊อย เหนื่อย เหนื่อยมากกกก (ลากยาวไปถึงยอดเขาเจดีย์องค์ดำ) เราว่าเราคงขึ้นผิดทาง (แน่ะโทษทาง) เราขึ้นทางที่ใช้เป็นทางลง เรามีความเสียอาการมาก เห็นที่พักระหว่างทางไม่ได้ ร่ำร้องขอพัก โดยมีเพื่อนคอยกระตุ้นอยู่ตลอดเวลา เหนื่อย หายใจไม่ค่อยทัน ขาล้า ยกขาเดินต่อไม่ไหว ไม่เอาๆอยากพัก แผ่ร่าง ลงนอน (เอิ่ม มีที่นอนไหม) 

เราอยากเดินชิลล์ๆในจังหวะเดียวกับเพื่อน ซึ่งทำไมดูไม่เหนื่อย เพื่อนต้องแอบความรู้สึกไว้แน่เลย มันเหนื่อยมากๆนะ  

เมื่อมีครอบครัวที่เดินสวนลงมา เราซึ่งไม่มีแรงทักทายใคร ไม่ได้พูดอะไรกับครอบครัวนั้น แต่เพื่อนซึ่งนิสัยดีระหว่างทางเกินคาด ทักทายเค้า เค้าเลยถามว่าทำไมไม่มาอีกเส้นทางนึง เดินสบายกว่ากันเยอะ พี่ผญ. (ซึ่งหมายถึงเรา) ไม่น่าจะเดินขึ้นไปถึงนะ หากมาทางนี้

จึ๊ก!! พูดแบบนี้ได้เช่นไรกัน โกรธนะฮับ แต่จากสภาพของเรา ณ จุดๆนั้น คงเป็นคำตอบที่ผช.คนนั้นเห็น (มีความหน้าตาออกอาการเหนื่อยโฮก) 

เรามีหมาดำนำทางด้วยนะ มันเดินของมันไปเรื่อยๆ ดูไม่เหนื่อย และยังมีแวะพักชมป้อมข้างทาง เดินนำไปจนถึงจุดหมาย สงสัยมันจะมาเที่ยวบ่อย เมื่อต้องการความสงบทางจิตใจ ต้องหาที่ยึดเหนี่ยว  (ช่างเหมือนเราเลย เราก็หาที่ยึดเหนี่ยว เป็นที่พักระหว่างขั้นบันได 55) 

แม้เมื่อเขียนเรื่องนี้ในวันนี้ ซึ่งผ่านเหตุการณ์ไปแล้ว 1 วัน เราก็ยังรู้สึกถึงความเหนื่อยได้อย่างชัดเจน 
เราเห็นความแข็งแรงของเพื่อนและหมา (ซึ่งดูประหนึ่งว่าเพื่อนเราได้หมาเป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้ว หมาน้อยเดินตามเหมือนกับรู้จักกันมานาน แถมหมาน้อยยังมาส่งจนขึ้นรถ ดูดีงาม พระราม 9) 

อ้อ...เขียนมาถึงตรงนี้ จะบอกว่าเราก็ถึงเส้นชัยนะ วิวข้างบนสวยมาก ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนที่สูง มองสิ่งต่างๆข้างล่างเล็กไปถนัดตา เราใหญ่ เราใหญ่กว่าใคร (แค่เสียมาดไปนิดหน่อยแล้วจากอาการเหนื่อยที่พูดถึงมาตอนต้น อิๆ ) 

ไว้แก้ตัวใหม่ 

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ฉันได้อะไรจาก "Homo Finisher"



Homo Finisher

เราชอบอ่านหนังสือของนิ้วกลม แต่ไม่เคยคิดว่าจะซื้อหนังสือ Homo Finisher ของนิ้วกลม เพราะไม่รู้สึก in กับเรื่องวิ่ง และแอบคิดไปเอง (ก่อนอ่าน)ว่าคนไม่วิ่ง จะให้ in กับเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน 

เมื่อเพื่อน 1 คนที่เป็นทั้งสายวิ่งและสายดื่ม (ว่าแต่สายสุขภาพกับสายย่อ เอ๊ยสายดื่ม มาอยู่ในคนๆเดียวกันได้ไงนะ อิๆ) บอกว่ามีหนังสือที่อยากให้อ่าน และก็ส่งมาเรื่องนี้มาให้อ่าน !  เราก็รับมา
แบบงงๆ ด้วยความหนาที่เห็นในครั้งแรก คิดในใจ "แล้วเราจะอ่านจบเมื่อไหร่เนี่ย" 

เย้! อ่านจบไปแล้วเมื่อคืน ( 27 ธ.ค.62) เพราะตั้งใจไว้ว่าควรจะอ่านเล่มนี้จบภายในสิ้นปี 62 
ช่วงแรกที่ได้มาเราเห่อมาก พกพาไปหลายๆที่ มีเวลาเมื่อไหร่ก็หยิบมาอ่าน จนทำหายไป 1 ครั้ง 55 
หลังจากนั้นเลยตั้งมันเป็นที่เป็นทาง กันหาย เดี๋ยวเพื่อนงอน

เราพบว่าเรื่องการวิ่งที่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนชีวิต ของนิ้วกลม ช่างชวนติดตาม นิ้วกลมก่อนหน้านี้ที่เรารู้จักจากตัวหนังสือ เราว่าเขาเป็นคน "สุขนิยม" เรื่องราวที่เขียนมักเกี่ยวกับความสุขรอบตัว เรื่องราวแง่บวก ให้แง่คิด แต่ก็ไม่ได้ลงลึกไปถึงระดับปรัชญาชีวิตเท่าเรื่องนี้ Homo Finisher 

นิ้วกลมเล่าเรื่องราวการเริ่มตัดสินใจวิ่งของเค้า แต่ละบทแทรกด้วยคำคมภาษาอังกฤษแบบกระแทกใจ แทบจะทำให้คนอ่านลุกขึ้นมาสวมรองเท้าวิ่งกันเลยทีเดียว

เราเป็นคนชอบเดินมากกว่าวิ่ง แทบจะไม่วิ่งเลย ถ้าให้วิ่ง คือวิ่งเข้าห้องเรียน เพราะตั้งใจว่าจะต้องถึงห้องเรียนไม่สายทุกๆครั้ง เราชอบเดินเร็วและเดินจ้ำ แถมยังเป็นคนไม่ชอบตื่นเช้าก่อน 07.00 น. 
(หากตื่นเช้ากว่านั้นได้ จะต้องเป็นโอกาสพิเศษมากๆ เช่นต้องเดินทางไปไหนและต้องตื่นมาให้ทันตามเวลา) การได้นอนอืดๆอยู่บนฟูก พลิกไปพลิกมาแล้วก็หลับไปอีกรอบ เป็นความสุขของชีวิตอย่างหนึ่งนะ 

แม่มักบอกว่าเวลาเรานอนเป็นเพื่อนยาย  ยายมักปลุกก่อนเวลา 15 นาที และแม่อยากให้ตื่นก่อนเวลาสัก 15 นาที เพื่อมาจัดที่นอน แต่เราก็จะแค่อือๆตามเสียงเรียก และเมื่อดูเวลาว่าเวลายังไม่ถึงที่(ใจ)เราตั้งไว้ เราก็จะยังไม่ลุก

 แม่คงรู้สึกว่าตั้งชื่อลูกสาวผิด "นก" ที่น่าจะเป็นสัตว์ตื่นเช้าๆมาจับนอน เอ๊ย หนอน ก่อนใคร ดังสุภาษิตที่ว่า An early bird gets / catches the worm. นกที่ออกหากินแต่เช้าก็จะจับหนอนมากินได้ก่อนนกตัวอื่นๆ 


การได้มาอ่าน Homo Finisher และการได้รับรู้เรื่องราวของเพื่อนที่มีวินัยกับการวิ่ง วิ่งมาราธอน และการได้สอนบทอ่านนิสิตเรื่อง Running the Natural Way / Running barefoot ทำให้เราสนใจอ่านหนังสือแนวนี้ ( การเป็นนักอ่านทำให้อยากอ่าน แต่ไม่ได้หมายความว่าความอยากจะออกวิ่งเกิดขึ้นแล้วนะ) 
เราชอบอ่านอะไรก็ตามให้รู้ลึก 55 จะขาดก็แต่ปฏิบัติ หนังที่ให้แรงบันดาลใจให้คนลุกขึ้นมาวิ่ง
หากให้นึกก็คือเรื่อง "รัก 7 ปี ดี 7 หน" เราว่าถ้าทั้งหนัง + หนังสือ เล่มนี้ออกมาไล่เลี่ยกัน
มันน่าจะทำให้นัก(อยาก)วิ่งเกิดแรงบันดาลใจแบบพุ่งประฉูดเลยทีเดียว 

หนังสือเล่มนี้สอนหลายอย่าง ที่เรารู้สึกได้มากๆคือ เรื่องการชนะใจตนเองและการมีวินัย การวิ่งทำให้เขามีวินัยกับเรื่องอื่นๆไปด้วย เช่นเรื่องการกินอาหารเพื่อเสริมสุขภาพ การนอนเป็นเวลา แถมนิ้วกลมยังได้กัลยาณมิตรเพิ่มจากการวิ่งอีกด้วย 

การวิ่งทำให้ผู้วิ่งได้อยู่กับความคิดตัวเอง การวิ่งเเป็นการบำบัดของใครหลายคน (แต่หลายๆกิจกรรมก็ถือเป็นการบำบัดได้ ไม่ว่าการอ่านหนังสือ การเดิน การเขียน blog ) แต่ละคนล้วนมีวิถีการบำบัดต่างกันไป

สำหรับเราที่ชอบอ่านหนังสือก็มีหนังสือบำบัด สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ คือการออกเดินมากขึ้น เมื่อคนอื่นออกวิ่ง เราอาจจะกำลังเดินอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของเกาะ หรือมหาวิทยาลัย :) 

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Crosswords in class





In our Vocabulary Skills Development class, playing crosswords is a part of learning new words and developing vocab. skills.  30 students including Indonesian exchange students, Hanna & Lin, were divided into a team of 4-5. I encouraged them to try to put words related to the Christmas theme. For those who are able to make it would get a chance to win 4 notebooks, I bought from 1 Ed. Eng. freshman. It's kind of support I want to do for him. It's just 20 B. / 1 notebook.



Student's reflection after playing games. 

-We had 3 words related to Christmas day. We got ‘Give, Santa, & Pie’. From this activity, we learn many words that we never know the meaning before. This game makes us spend time with friends more and helps each other to find the words. Moreover, I think this activity makes us forget everything around because we only focus on it.



---------------------------------------

-LED. (Christmas tree lights)
This game is really fun. In this game we try to find a Christmas word. This game is quite hard actually for me but I love this. Although this is like a competition but I feel this game is like a friendly game because we can encourage and help our friends to find out when there's no clue.




------------------------------------------------------------------------------------------


The words related to Christmas are red and gift. This game helps us to practice vocabulary. We learn a lot of new word from our friends. We also learn how to play this game and how to get more points. We have a great time together and help each other to play this game.
 


----------------------------------------------------------------------------------------------

We got the words ‘tow’ and ‘eve’ which we thought they were related to Christmas the most.
‘Tow’ means to pull a vehicle behind another vehicle. It made us think about santa ‘s sleigh which is towed with reindeers.
‘Eve’ means a day before an important event. It made us think about Christmas’s Eve. We are always excited, and prepare many things for coming Christmas.



--------------------------------------------------------------------------------------------

The words related to Christmas which are gift and gods. We feel really fun with this game. This game helps us to practice vocabulary. At last, we got scores 222:111. It was surprising us. We have a great time together and we want to play it again at another time. Thank you so much.





-----------------------------------------------------------------------


We got BELL, GOD, SNOW, ARTS, BUY for Christmas words. We think this game is really fun and challenging. We learn a lot of new words from friends. We think of the vocabulary. If it has more time, it would be more fun. Thank you.







Hopefully, this crossword game nurtures life-long learning habits.  Find more time to play it on your own when available, guys. 

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

การกลับมาของเพื่อน (ภาค 3)





การกลับมาของเพื่อน (ภาค 3)

คนแบบไหนกันนะที่ฉันจะสนิทได้เร็ว คบเป็นเพื่อนได้ในระยะเวลาอันสั้น และรู้สึกสนิทใจที่จะคุย คุยได้บ่อยๆ

เพื่อนที่ทำให้ฉันนึกเรื่องย้อนวัยไปไกล (เอ่อ...บางทีก็ย้อนไปไกลจนเพื่อนอีกคนอาจลืมอายุจริง)
เพื่อนที่เหมือนเรานั่งประตูทะลุเวลา time machine ของโดราเอมอน ย้อน....ย้อน...ย้อน...ไปไกลกว่าสมัยอยุธยา (เอ๊ะ ชักไกลเกินไปละ อิๆ)

เพื่อนที่ฉันต้องคอยระวังตัว จะเพลี่ยงพล้ำเมื่อไหร่เนี่ย ตอนเด็กๆเพื่อนคนนี้เรียนเก่งกว่าฉัน เป็นหัวหน้าห้อง ถือ พ.พาน (วางตั้ง) นำสวดมนต์ ทำกิจกรรมที่คนเป็นหัวหน้าเค้าทำกัน เพื่อนยังได้รางวัลคัดลายมือด้วย (ตอนนี้คุณครูอาจมีการขอรางวัลคืน เนื่องจากลายมือผิดอาชีพไปมาก คุณไม่ได้เป็นหมอนะคะ ไม่ต้องเขี่ย เอ๊ย เขียนหวัดขนาดน๊านนน)

เพื่อนที่เมื่อเติบใหญ่ ก็ไม่ได้เขียนบันทึก ไดอารี่ สักเท่าไหร่ ไดอารี่ ถือเป็นไดอารี่ร้าง เล่มเดียวก็ไม่จบ (ข่มๆ)
ไม่น่าเชื่อ ! เพื่อนเหมือนมีความเป็นนักเขียนซ่อนอยู่ เพื่อนรู้จักเปรียบเปรย หรือเขียนให้คิด (และบางครั้งฉันแอบสะดุ้งว่ากำลังว่าฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย)

เพื่อนทำให้ฉันสงสัยว่าเพื่อนเขียน(ดี)ได้อย่างไร หรือนี่คือ talent ของเพื่อนที่มีอยู่เดิม เมื่อโดนกระตุ้นและแรงฮึดของเพื่อน เพื่อนเลยทำได้

เพื่อนอยู่ที่ชอบๆของเพื่อน ส่วนฉันก็อยู่ที่ชอบของฉัน พวกเราต่างดำเนินชีวิตไปวันแล้ววันเล่า ตามกาลเวลา ตามทางของตนเอง และมันจะไม่บรรจบกัน ถ้าวันหนึ่งเพื่อนจะไม่ add FB มาหา (ขอบคุณ Mr. Mark Zuckerberg มา ณ จุดๆนี้) 
เพื่อนที่ถ้าไม่เริ่มคุยมาก่อน เราก็จะยังหยิ่งๆ (เหรอ? ) ไม่รับ add FB

เพื่อนที่เริ่มเผยหลายมุมของตัวเองให้ฉันเห็น และเป็นมุมที่ฉันมองไม่เห็นเลยในตอนวัยเด็ก (พวกเราน่าจะอยู่กันคนละมิติ อิๆ รับรู้ข่าวคราวของอีกฝ่ายแบบห่างๆ ว่าใครอยู่ไหน ทำอะไร เธออยู่กทม. ฉันติด เอ๊ย อยู่เกาะ ชีวิตเราสวนทางกันไปมา เหมือนเกาะยอที่เส้นทางเดินวนเวียน (เอ่อ...เปรียบได้เกร๋มั๊ยคะคุณ)

เพื่อนทำให้ฉันนึกถึงนิสิตบางคนที่ฉันมักจะบอกให้ทำโน่นนี่ และเมื่อเขาทำ ฉันก็จะให้ทำอีก ทำอีก ทำไปเรื่อยๆ จนตอนนี้นิสิตหลายคนที่ขอหนังสือฉันอ่าน หรือขอเข้าร่วมกิจกรรมที่ฉันทำ หลายคนฉันไม่ต้องบอกให้เขาทำแล้ว เขาทำเพราะเขาชอบและสนุก มีความสุขกับการทำกิจกรรมไปแล้ว ฉันชื่นใจที่มีนิสิตแบบนี้ ต้นไม้ของฉันกำลังเจริญเติบโตได้ดี

ขอบคุณเพื่อนที่เข้ามาในชีวิตฉันอีกครั้ง เราจะนับเวลาไปด้วยกันว่าเราจะติดต่อกันนานแค่ไหน (อิๆ )
                                                                                                                           น.ก.  ( *มีความคล้าย บ.ก.)

Running barefoot: Class Reflection















Yesterday we learned about "A Natural Way to Run", in the Vocabulary Skill Development class. I learned that running had two ways that are running with shoes and running barefoot or without shoes. After the lesson completion, we played a game. We were divided into two groups: group 1 and group 2. In this game, we had to tell our selected lecturer 5 words which contained the letter we picked before. 




Actually, it's like a vocabulary test for me but I enjoyed this game. Haha.
In my group, we did some vocabulary reviews for some hard letters like "Z" and "X". I felt so happy and I enjoyed this game from the beginning until the end. I can take a lot of value in this game like teamwork and encouraging one other. For me, encouragement is the most important thing because when our friend felt weak, we helped him/her to become spiritually strong again.
                                                                             ( Merlin, Indonesian exchange student)
  




To join the activity, it makes me enjoyable. We can show teamwork. We encouraged each other to be active players. I didn't​know why I could not ​stop laughing and smiling while playing the game. It's​a really productive​activity​ to promote both knowledge and friendship.
We reviewed vocabulary to our team members. We thought beforehand about some letters which aren’t regularly seen as a first letter of the word such as the letter ''​X''.
                                                                        (Mon, 4th year  Ed. Eng. student)



22/11/2019

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Begin again & a request from panda's friend


Begin Again เมื่อเรามาเริ่มกันใหม่

ในชีวิตของคนๆหนึ่ง มีกี่ครั้งที่ล้มเหลว และกี่ครั้งที่ลุกขึ้นมา begin again กันนะ บางคนล้มๆลุกๆ บางคนล้มแล้วก็จมอยู่กับอดีต ความพ่ายแพ้

เมื่อต้องดูหนังเรื่องนี้ (อิๆ ใช้คำว่าต้อง เพราะเพื่อนบอกว่าอยากเป็นนางเอกเรื่องนี้ และมันแสดงบุคลิกบางอย่างของเพื่อนๆ ที่มี Q. มาถามบ่อยๆ pandaล่ะมึนจริงๆ ตอบถูกตอบผิด

เอ่อ...ตอบผิดซะก็บ่อย  คาดว่าเพื่อนตั้งใจเลือกคำถามโดยประเมินความสามารถของ panda ว่าด้านนั้น panda ไม่เก่ง panda จะต้องตอบผิด และแพ้เกมค่อนข้างแน่นอน)

แฮ่ม ออกนอกเรื่องซะไกล บ่นเพื่อน panda ซะนาน   ได้เวลาเข้าเรื่องซะที

เรื่องนี้สำหรับpanda panda จัดมันเป็นประเภทหนัง feel good ที่ panda ดูแนวนี้มาค่อนข้างบ่อยจน pand อิ่มยอดไผ่ เอ๊ย อิ่มตัว ถึงแม้ว่ามันจะปูเรื่องมาด้วยความผิดหวังของคน 2 คน แต่สุดท้ายก็จบ happy ending อาจจะไม่ถูกใจวัยรุ่นมากเพราะพระเอก นางเอก ไม่ได้กลับมารักกัน (แน่ะ...มี spoiled ตอนท้าย ซึ่งคงเรียกว่า spoiled ไม่ค่อยได้อีก เพราะเรื่องนี้เค้าดูกันตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว panda ไปอยู่ไหนม๊าาา

แฮ่...panda หลบไปกินยอดไผ่เอาแรงไว้ฝึก kungfu เพราะ panda หวังไว้ว่า panda จะต้องเป็น Kungfu Champion ทุ่มศัตรูจนอยู่หมัด โฮะๆๆ ( ...นี่ panda หรือ santa วานบอก)

เมื่อนางเอกนักร้องและนักแต่งเพลง ผู้ผิดหวังกับคนรักและ producer ที่ล้มเหลวในด้านความสัมพันธ์กับครอบครัวและลูกสาวมาเจอกัน สิ่งดีๆตามประสาหนัง hollywood ก็เกิดขึ้น ทั้งสองได้ใช้เวลาทำอัลบั้มเพลงด้วยกัน และเรียนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของอีกฝ่าย มีการให้คำปรึกษา (นางเอกให้คำปรึกษาซะมากกว่าอะนะ) จนท้ายสุดทั้ง 2 ก็ฝ่าฟันทำอัลบั้มเพื่อกอบกู้เอกราช เอ๊ย กอบกู้ความเป็นคนที่คิดว่าตนเองล้มเหลว ได้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง


-- นางเอกก้าวออกมาจากความลังเลใจในความสัมพันธ์กับคนรักเก่า ว่าจะเอายังไงดี จะไปต่อ หรือมุ่งไปตามทางของตนเอง ชอบฉากที่นางเอกมาฟังเพลงของคนรัก แต่ก็ไม่ได้หันกลับมาคืนดี เธอเลือกที่จะยิ้มและร้องไห้ไปกับความรู้สึกของตนเอง และเริ่มใหม่อีกครั้ง ด้วยการไปมีชีวิตของตนเอง ไม่ยึดติดกับชายที่เหมือนเธอก็ยังรักอยู่ (แต่รู้ว่าชีวิตเริ่มคนละสไตล์กันละ ทางใครทางมันน่าจะดีสุด)
-- producer ซึ่งติดเหล้า และลูกคิดว่าไม่รัก มีความพยายามกอบกู้ศักดิ์ศรีการทำงานของตนเองขึ้นมา และเมื่อตั้งใจจริงๆ ลุกขึ้นมาจริงจังกับมันอีกครั้ง เมื่อถึงตาจน เค้าก็ทำได้

เห็นไหมว่าใครๆก็ begin again กันได้ทั้งนั้น
ดูหนังแล้วก็ต้องย้อนมาดูตัวกันนะ .....


วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Buddy Program Reflection: Nov. 2019





Mathew team
การได้เข้าร่วกิจกรรม Buddy Program ทำให้ดิฉันได้เปิดโลกทัศน์ของดิฉันให้กว้างขึ้นของการใช้​ภาษา จากที่ดิฉันเป็นคนไม่กล้าที่จะเข้าหาชาวต่างชาติ แต่กิจกรรมนี้ทำให้ดิฉันเริ่มมีความกล้ามากขึ้น เกมส์แต่ละเกมส์ที่อาจารย์นำมาเล่นมีความสนุกและแฝงไปด้วยประโยชน์ 

1.เกมส์แนะนำตัวเองกับผ้าขาวม้า1ผืน ทำให้ผู้ที่ร่วมกิจกรรมได้ทำความรู้จักกัน

2.เกมส์วิ่งไปหาตัวอักษรภาษาอังกฤษ มีความสนุกมาก ขึ้นกับดวงว่ากลุ่มใหนจะได้ตัวอักษรตรงกับที่อาจารย์พูด
3.เกมส์ทำตรงกันข้าม เป็นเกมส์ที่ฝึกสมาธิเพราะต้องแยกประสาทเพื่อทำตรงข้ามกับสิ่งที่อีกทีมสั่ง 

4.แบ่งกลุ่มทำการสำรวจ TSUเป็นเกมส์ที่ดีมากๆเพราะทำให้ดิฉันได้ใช้ภาษาพูดคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติทำให้เพื่อนต่างชาติได้รู้จัก TSUของเรามากขึ้นและทำให้เกิดการสามัคคีภายในกลุ่มเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ

5.การรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมเพื่อนชาวต่างชาติเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับฉันทำให้ฉันได้รู้จักเค้ามากขึ้นและแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันระหว่างประเทศไทยกับประเทศฝรั่งเศส 

6.ทำภารกิจที่เมืองเก่าสงขลา เป็นภารกิจที่สนุก ทำให้ดิฉันรู้สึกได้เป็นไกด์แนะนำสถานที่ต่างๆ เราได้ถ่ายรูปร่วมกันกับภาพถ่ายstreet art ได้พาเพื่อนชาวต่างชาติไปกินไอติมโคมซึ่งเค้าชอบรสชาติไอติมมาก การร่วมกิจกรรมBuddy Programครั้งนี้ดิฉันได้ทั้งความรู้ ความสนุก ความสุข การรู้จักเพื่อนใหม่ ความกล้าและการใช้ภาษาของดิฉันมากขึ้น ทั้งการพูดและการฟัง ซึ่งเกินวัตถุประสงค์ที่ดิฉันได้ตั้งไว้ในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ 
                                                                                                                            Nalinnipa, Accounting Major

-------
Mathew team


Hi, this is the first time I join this program. My team got Mathew who came from France. He was really keen on learning the Thai language and traditional! He also taught us the French words back when we taught Thai to him. He looked so cute when he tried to say “สวัสดีครับ” “ผมมาจากฝรั่งเศสครับ” or “ผมชอบอาหารไทยครับ!” (but he couldn’t eat spicy food like me lol)

Thanks to Ajarn.Nok and P’Tum for arranging the buddy program. Because of it, I can improve speaking skill and gain more confidence. Also, big thanks to my team, Fatihah, P’Vick, P’Fern and Mathew for being so friendly and easy to get along. Hope we can meet again!  

                                                                                                        Panida, Eng.major
                                                                                                        3/11/2019

------------



Agata, from Poland, is an international friend in my team. She came from Poland. She is lovely and friendly. She said, she likes sunny weather in Thailand and spicy food, for example, papaya salad. We talk about Loy Krathong Festival and tourist attractions in Krabi, Songkhla, Chumphon, and Trang. She is one of the VSA volunteers that I like.

Other Thai friends, P'Wanmai, P'Golf, P'Plai, P'Anne, and Ram are lovely and friendly too. When we plan about the mission, they put their idea to our team. They always go along well.


Thank you, Aj. Nok. This program helps us meet one another.
See you in the next program.
                                                                                                      Nattanon, frequent Eng.major participant

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

การกลับมาของเพื่อน



การกลับมาของเพื่อน ภาค 1
บางทีเพื่อนก็มาอย่างแปลกๆ เช่นการฝันถึง เพื่อนผู้ห่างไกลคงคิดถึงช่วงวัยเด็ก และเพื่อนที่หล่นหายไป ตอนเด็กๆเราสนิทกับเพื่อนผู้ชายไหม ก็ไม่ค่อยนะ เราสนิทกับเพื่อนผญ.คือ มล เตือน กาญ เพื่อนผช.เราหล่นหายไปตามทาง น่าจะเหลือเพียงเอ็มที่บ้านใกล้(มาก) เลยได้เจอกันอยู่บ้าง

มอนทักขอ add เพื่อนทาง Facebook มา ธรรมเนียมการรับเพื่อนทาง FB ของเรา คือถ้าคนนั้นไม่เอ่ยใดๆมา เราก็จะคิดว่าเค้าก็คง add ไปงั้นล่ะ แต่เมื่อมอนแนะนำตัวมา ก็เลยเริ่มคุยกัน  ไม่น่าเชื่อเกือบ 1 เดือนที่ก็ยังคุยกัน (ไม่ได้กลับไปดูวันที่เริ่มคุย แต่คิดว่ายังไม่ถึงเดือน ยังงงๆอยู่เล็กน้อยว่าคุยกันได้เรื่อย เรื่อยที่เรียกว่าทุกวันได้เลยเหรอ

เราว่าเหมือนเราได้ย้อนทบทวนตัวเอง และเรื่องราวที่เราทำ – ปัจจุบัน เพราะมอนมักจะมีคำถาม ถามเรื่อยๆให้เราเล่า และไม่น่าเชื่อ (อีกที) ที่มอนก็มีเรื่องราวที่แสดงความมุ่งมั่นในแบบของเค้า เช่นการเป็นนักวิ่งมาราธอน (ตอนนี้ advanced ถึงขั้นลองไม่ใส่รองเท้าวิ่งแล้ว นัยว่าเป็น the natural way to run ;)

มอนยังเป็นนักอ่านที่ดี เมื่อบ.ก. (เอ๊ย ม่ายช่าย) บอกให้เรียนรู้เรื่องราวบ.ก.ผ่านการอ่านเรื่องใน blog เพื่อย่นเวลาการรู้จักกัน มอนก็ทำ (ดีมาก ให้ 1 คะแนน) หรือบอกให้เขียนเล่าเรื่องตัวเองบ้าง จะได้รู้เขารู้เรา (เราจะได้รบชนะบ้าง 55) มอนก็เขียนได้หลายเรื่องแล้ว

ไม่น่าเชื่อ (จะพูดอีกกี่ทีเนี่ย!) มอนเขียนได้ดี – ดีมาก จนบ.ก.เริ่มหนาว เพราะบ.ก.คิดว่าตัวเองมีประสบการณ์(ในการเขียน)มากกว่าเป็นไหนๆ (ดูจำนวนหลักฐานจาก blog 800 เรื่อง ) มุมมองต่อเรื่องต่างๆ หรือการต่อปากต่อคำ มอนก็คม (รับไม่ได้ ! เราต้องคมกว่านะ) ดูทีรึ ทำเราเพลี่ยงพล้ำหลายครั้ง เราว่าเราก็หัวไวแล้วนะ (เอ่อ...แน่ใจเหรอ)

(To be continued)

---------------------

การกลับมาของเพื่อน ภาค 2






                                                                 5/11/2562 


วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

India กับการเดินทาง



INDIA: Back to the Basic

กลับจากอินเดีย มีแต่คนถามว่าอินเดียเป็นยังไงบ้าง สนุกไหม ท้องเสียไหม (เอิ่ม...ภาพลักษณ์อินเดียก็จะพ่วงเรื่องนี้เข้าไปด้วย

เมื่อเราบอกใครๆว่าในบรรดา 3 ประเทศปีนี้ที่ไปอบรม Adventure Education ในเชิงการผจญภัย เราชอบอินเดียที่สุด คือแบบว่าสถานการณ์กำหนดเองไม่ได้ ให้ลมฟ้าอากาศอินเดียพาไปโดยแท้ เราว่านี่คือวิถีอินเดีย ไม่ได้รีบร้อน มีความสุขกับ ณ ปัจจุบัน เป็นชีวิต slow life

มีวัวมาขวางการเดินทาง อ่ะ... รอกันก่อน ให้พี่ใหญ่(วัว) ผ่านไปก่อน ผู้โดยสารและคนขับรอได้ และรอกันไป
ระหว่างทาง ไม่เห็นวัวตายเลย (ถ้ามันตายคงเป็นเรื่องใหญ่เนอะ )



หรือการเดินทางโดยใช้จักรยานแบบรุ่นเก่าๆ โบราณๆ เหมือนที่เห็นสักสมัย 30 ปีก่อน จักรยานเหล็ก เบาะนั่งแข็งๆก็ยังเป็นการสัญจรของคนที่นี่อยู่ มอเตอร์ไซค์ที่นี่ก็รุ่นเก่า ตอนแรกเรากับน้องคะน้า ตาม ยังสงสัยว่าคนที่นี่เค้าไม่มีแฟชั่น ไม่ตามแฟชั่นเหรอ พอเจอสภาวะฝนตก น้ำท่วม เลยได้รู้ ณ บัดนาว ว่าแฟชั่นมีวันมา & ไป มีเพียงรถที่ทนทานเท่านั้นจะต้านสภาพอากาศอินเดียได้




สถานีรถไฟอินเดีย



ร้านของขนมที่สถานีรถไฟอินเดียและแทบทุกแห่งในเมืองภูบเนศวร มีหลักการจัดร้านแบบเดียวกัน ประหนึ่งว่าลอกเลียนแบบกันมา หรือไม่ก็แบบนี้แหละลูกค้าจะได้รู้เลยว่าคือร้านขายขนม ขนมห่อละ 5 บาทจะถูกเอามาพาดยาวหน้าร้าน เรียงๆกันไปประหนึ่งโมบาย ดูแล้วก็มีสีสันแบบอินเดีย ช่างไม่เน้นตกแต่งใดๆเอาซะเลย 

ความเกร๋ๆของร้านที่อินเดียคือเค้าห่วงเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมาตั้งนานแล้ว เค้าไม่มีถุงพลาสติกให้ใส่ของนะ และหากซื้อของหลายอย่างเค้าจะใส่ถุงกระดาษให้ สมาชิก Green Peace อย่างเราเห็นแล้วชื่นใจ 
No single-use plastic 


หากซื้อน้ำขวด ที่นี่ก็มีขาย ดื่มหมดแล้วไม่ต้องซื้อขวดใหม่ เอาขวดเก่ามาที่ร้านเติมน้ำ แม่ค้าจะเติมน้ำให้ จ่ายในราคาถูกกว่าซื้อขวดใหม่ซะอีก (ลดขยะด้วยนะ) 



ที่สถานีรถไฟ มีความสับสนวุ่นวายด้วยผู้โดยสารจำนวนมาก สภาพรถไฟ หากใครเคยบ่นรถไฟไทย ก็จะสงบปากสงบคำกันไปเลย ที่นี่เก่าแก่โบร่ำโบราณกว่าเยอะ 

แต่สิ่งดีที่มองเห็นของที่นี่คือ การอ่านหนังสือ การซื้อหนังสือ ร้านหนังสือขนาดเล็กที่สถานีรถไฟยังอยู่ได้ (การจัดเรียงมีความเหมือนร้านขนมแบบลอกกันมา หรือนี่คือการจัดการพื้นที่การขายในที่ๆจำกัด) 





หนังสือภาษาอังกฤษที่อินเดียราคาถูกนะ ขนาดว่าซื้อที่สนามบินซึ่งราคาน่าจะเพิ่มขึ้นจากร้านทั่วไปอีกเล็กน้อย เราเลือกมาได้ 2 เล่ม เล่มละประมาณ 180-200 บ. เรื่องแรก My India Ideas for the Future เขียนโดยอดีตนายกของอินเดีย ข้างในเป็น speech ของท่านเวลาเดินทางไปเยี่ยมคนและสถานที่ตามที่ต่างๆ ภาษาท่านเรียบง่าย อ่านเข้าใจง่าย และอ่านๆหยุดๆก็ยังต่อกันติด 


เล่มที่ 2 Everyday Ayurveda พยายามอ่านภาษาแขก ก็พบว่ามันคือ อายุรเวช เย้ๆ ไปอยู่อินเดียได้แล้ว (มันใช่เหรอ อิๆ)  เรื่องนี้เขียนโดยคุณหมอที่เคยป่วย(ซะเอง) จนเมื่อคิดถึงวิถี วิธีที่ปู่ย่าตายาย พ่อแม่เคยสอน แล้วเอามาปฏิบัติ เธอพบว่ามันช่วยให้ชีวิตที่เหมือนวุ่นวายของเธอดีขึ้นเยอะ และทำให้เธอสุขภาพแข็งแรงโดยไม่ต้องพึ่งยาปัจจุบัน เธอเลยเอาความรู้มาเผยแพร่ต่อ อ่านง่าย แนะนำ

โรงเรียนเก่า VS ภารกิจใหม่

โรงเรียนเก่า กับภารกิจใหม่

เวลานั่งรถผ่านโรงเรียนวัดท้ายยอ ฉันมักจะคิดๆว่าฉันทำอะไรเพื่อโรงเรียนได้บ้าง ฉันว่ามันน่ารักดีถ้าศิษย์เก่ารุ่นพี่ๆเมื่อจบไป ได้หวนกลับมามองโรงเรียนเก่า และใช้กำลังกาย / สมอง ที่เรามีในการช่วยพัฒนาโรงเรียน

ในช่วงหลังอาจารย์เก่าๆเกษียณกันไปแทบจะหมดแล้ว เมื่อเข้าไปโรงเรียนครั้งใด คุณครูหน้าตาใหม่ๆกันทั้งนั้น

------
เมื่อ 10ปีก่อน ( 23-30 Oct. 2009)   Angela เพื่อนสิงคโปร์ ซึ่งเป็นครูสอนมัธยม คิดจะนำนร.ชมรมสิ่งแวดล้อมของเธอมาเรียนรู้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในไทย ฉันเลยบอกให้เธอมาสงขลา เดี๋ยวฉันหากิจกรรมให้ทำเอง เธอ & อ. Mike เลยนำนร. 15 คนมา ฉันมีนศ.เอกอังกฤษมาร่วมค่ายอีก 15 คน รวมกันก็เป็นกลุ่มใหญ่พอดู

 ฉันวางแผนการทำกิจกรรมทั้งท่องเที่ยว และทำงานอาสาให้กลุ่มนร. เช่น การไปพักที่โรงเรียนวัดท้ายยอ พัฒนาวัด (เอากระเบื้องลงมาขัดล้างใหม่ กระเบื้องเกาะยอจะมีลักษณะพิเศษคือ ด้วยความที่ทำจากดินเผา เมื่อเอามาขัด ล้าง ก็จะกลับเหมือนใหม่ เอาไปมุงหลังคา ก็จะประหนึ่งได้หลังคาใหม่) ปลูกป่าชายเลนหน้าวัดท้ายยอ เดินขึ้นเขา ล่องเรือดูวิถีการให้อาหารปลากะพง

นับว่าเป็นการนำนร.มาลำบากโดยแท้ ฮ่าๆ เพราะห้องน้ำรร.มีจำกัด และนอนรวมกันในห้องเรียน
นร.สิงคโปร์ให้ comment ที่น่าสนใจว่า เค้าคิดว่าโรงเรียนในไทยจะยากจน แต่เมื่อเห็นสนามบอลหน้าโรงเรียน และสนามบาส ลานเด็กเล่น แปลงผัก เค้ารู้สึกอิจฉาว่าที่โรงเรียนมีพื้นที่วิ่งเล่นเยอะ โรงเรียน Chong Boon ที่พวกเขาเรียน พื้นที่เป็นตึกทั้งนั้น สวนผักมีอยู่นิดเดียว มองไปทางไหนก็เป็นตึก ในขณะที่รร.วัดท้ายยอ มีแต่พื้นที่สีเขียว มองออกไปนอกโรงเรียน หลังโรงเรียนก็ล้วนมีต้นไม้สีเขียว

ฉันสั่งขนมเจาะหูมาให้นร.ทานเป็นของว่าง เพราะฉันชอบ เอ๊ย ม่ายช่าย  นร.ชอบมากพวกเขาเรียกมันว่า local donut พวกเขาอยากสั่งกลับไปกินที่สิงคโปร์ต่อ หลังจากนั้นขนมเจาะหูก็เป็นขนมประจำค่ายของพวกเรา

ฉันได้เรียนรู้การทำงาน การดูแลนิสิตจาก Angela & อ. Mike ด้วย
เวลานร.จะขัดล้างกระเบื้อง พวกเขาจะใส่ถุงมือ หรือเวลาลงปลูกป่าชายเลน ก็มีถุงมือ รองเท้าบู๊ต (ซึ่งเดินไม่ได้ในโคลน เอิ่ม...ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ณ จุดๆนี้) 

นร.แต่ละคนจะมีสมุดบันทึกซึ่งต้องทำการบ้านทุกคืน คำถามที่เอามาถามก็น่าสนใจ เราว่ามันทำให้นร.ฝึกคิดทบทวนตัวเอง ว่าทำอะไรไปบ้างแต่ละวัน และจะแก้ไขสถานการณ์ไม่ดีได้อย่างไร

เช่น แต่ละวันนร.ต้องบันทึกชื่อกิจกรรม ( Activity) & My Thoughts
1. What were the good experience of the day? Why were they good?
2. What were the bad experiences of the day? Why were they bad?
3. How could I have made it any different?
4. What did I learn today
5. What I would like to remember about today?

นร.ของ Angela ยังต้องเซ็นข้อตกลงด้วย!

Personal Pledge

I pledge to 
- Observe all rules at all times
- be engaged & participate actively in all activities at all times.
- follower instructions and respect my accompanying teachers at all times.
- be a good ambassador for my school & nation * (ข้อนี้เด็ด)

ความมีระเบียบ เคร่งครัดของนร. + ครูสิงคโปร์ ช่างน่านับถือ



วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562

รื่นรมย์ดมดอกไม้ Fragrance of life


Green thumb / green finger ใครมือเขียว นิ้วชี้เขียว มือเย็น ก็จะมีความสามารถของการปลูกพืชให้รอดชีวิตได้ง่าย

ช่วงหลังๆฉันไม่ค่อยได้ปลูกต้นไม้มากอย่างที่ตั้งใจอยากปลูก แต่งานเกษตรแฟร์ที่มอ.หาดใหญ่ ฉันตั้งหน้ารอคอยทุกปีนะ สิ่งที่ได้กลับมาแต่ละปีมักเป็นหนังสือ 55 ฉันมักจะหยุดอยู่ที่มุมหนังสือและคุ้ยๆเขี่ยๆหาหนังสืออยู่แถวนั้น

ฉันมักชอบซื้อต้นไม้เล็กๆ มาแขวน เช่นหนวดฤาษี กระบองเพชร (ซึ่งเลิกเห่อแล้ว) ฉันชอบต้นมิ๊นท์มาก ฉันซื้อติดๆกันมา 2-3 ปีแล้ว เพราะตายทุกปี (อิๆ มันใช่เหรอ) ฉันปลูกเพื่อจะเด็ดใบมาดมเล่น กลิ่นมันให้ความรู้สึกสดชื่น เหมือนเวลากินไอศกรีมรส mint หรือกินยาสีฟันรส mint  (เอ๊ย อันนี้ไม่ใช่ละ)

หากถามว่าฉันชอบปลูกพืชแบบไหน

ฉันชอบปลูกไม้ประดับ เช่น บานไม่รู้โรย (หรือกุนหยี ในภาษาใต้)  บานชื่น บานเย็น   คุณนายตื่นสาย สาวเชียงใหม่ พลูด่าง เศรษฐีพันล้าน (ใบคล้ายๆมีสะเปอร์ (เรียกแบบนี้ไหม) ที่จะแพร่พันธุ์ไปได้เยอะมาก คล้ายๆกับใบคว่ำตายหงายเป็น ที่ตอนเด็กๆชอบเอามาใส่ในหนังสือ มันจะมีรากงอกออกมาในเวลาไม่นาน และเหี่ยวยากมาก เวลาเดินไปโรงเรียน ผ่านป่าช้า จะเห็นต้นคว่ำตายหงายเป็นเยอะมากๆ  นอกจากต้นนี้ ไมยราพก็เยอะ ฉันชอบเอานิ้วไปจิ้มเพื่อให้ใบมันหุบตัว มัน sensitive น่าดู แตะนิดแตะหน่อย ก็ปิดตัวเอง  

เวลาเดินเล่นตอนค่ำ ผ่านบ้านน้ารัตน์ ต้นจำปี/จำปา (ยังแยกไม่ค่อยออก จำผิดจำถูก) กลิ่นหอมมาก ฉันมักหยุดเดินเพื่อสูดกลิ่นแล้วไปต่อ (เพื่อนอินโด Tutik เคยพูดเรื่องการการดมกลิ่นดอกไม้แบบตั้งใจสูดกลิ่นดมว่า เราควรปล่อยให้ความรู้สึกของการหอมดอกไม้เป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่ต้องตั้งใจมาก จะดูรื่นรมย์กว่า)

อบต.ส่งเสริมการปลูกผักสวนครัวด้วยนะ ด้วยการแจกกระถางสีดำพลาสติกบ้านละ 5 กระถาง พร้อมดิน ให้ปลูกอะไรก็ได้ ทั้ง 5 กระถางของฉันจะมีความสมรม fusion สูงมาก ฉันปลูกมะเขีอยาว กระเพราะ แซมด้วยบานชื่น (ยังไม่โผล่จากดิน) ต้อยติ่ง ที่โอนเอนไปมา ตามอารมณ์เจ้าของ 55 

เวลาฉันเดินผ่านหน้าบ้านที่มีดอกไม้ ต้นไม้ทั้งกินได้ และกินไม่ได้ ฉันจะหยุดชื่นชมทั้งต้นไม้ และคนปลูกที่เค้าดูแลมันจนงอกงาม 

การปลูกต้นไม้ก็คงเหมือนกับการดูแลเด็ก เฝ้าดูเขาเติบโต ออกกิ่งก้าน ฉันสอนหนังสือ ฉันมีลูกศิษย์เป็นต้นไม้ ระหว่าง 4 ปี โตบ้างไม่โตบ้างทางความคิด แต่ส่วนใหญ่ต้นไม้ของฉันเป็นเด็กดี (สรุปว่าเป็นต้นไม้หรือคน ;) เมื่อจบกันไปพวกเขายังคิดถึงมหาลัย คิดถึงที่ดินที่เคยเพาะพันธุ์พวกเขาในระยะเวลาหนึ่ง 

เราล้วนต่างมีความทรงจำกับมหาลัยกันทั้งนั้นสินะ 

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ช้าง + นก


ช้าง ช้าง ช้าง

สมัยเรียนประถม มีเพื่อนผู้ชายชื่อ "ช้าง" 2 คน ทั้ง 2 คนมีลักษณะที่ต่างกันเลยถูกเรียกว่า ช้างขาว (ผิวขาว) และ ช้างดำ เราเรียกเพื่อนว่าช้างขาว ช้างดำ จนแทบลืมไปว่าเพื่อนชื่อ "ช้าง" เฉยๆ

ป้าเหวียง แม่ของช้าง มักเล่าให้ฟังบ่อยๆ จนโตเวลาเจอกันก็ยังชอบเล่าเรื่องนี้ว่าวันคลอด แม่กับป้า
เหวียงนอนที่รพ.ด้วยกัน และคืนวันที่ 19 ม.ค. คลอดช้าง ส่วนนกเกิดเวลา 00.10 น. นกเลยถือว่าเกิดวันที่ 20 ม.ค. ชื่อพวกเราก็ยังเป็นตระกูลสัตว์เหมือนกันอีกด้วย แต่เป็นสัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก 55

พี่สาวช้าง คือ พี่กา + น้องช้าง
ส่วนเราพี่สาวชื่อ หนู แม่เลยตั้งชื่อให้คล้องๆตระกูลเดียวกัน ผลจากการตั้งชื่อจากวันนั้น - วันนี้ บ้านมีสภาพเป็นรังมาก รังนก รังหนู (นี่โทษการตั้งชื่อของแม่)

ป้าเหวียงและแม่มักจะเล่าเรื่องพี่หนูตอนเกิดอยู่บ่อยๆ (แม่คงจำไม่ได้ว่าตอนเกิดเราเป็นยังไง) เพราะพี่เกิดที่เกาะยอ ตัวแดงๆเหมือนหนู ตัวเล็ก และเหมือนจะไม่รอด จนคิดว่าน่าจะตาย แม่ร้องไห้ แต่ผ่านไประยะหนึ่ง พี่ร้องเสียงดัง เลยรู้ว่าไม่ตาย พี่เลยได้ชื่อจริง "บุญญา" (โชคดี ยังมีบุญ ที่รอดมีชีวิตมาได้)

ส่วนชื่อนก ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษอย่างที่บอกไว้ข้างต้น
เมื่อเด็กๆรู้สึกชื่อมันโหลๆ โชคดีที่ชื่อจริง ทำให้รู้สึกว่าเป็นนกที่มีตัวเดียวในโลก "ดิญะพร"
ซึ่งคนก็มักอ่านผิดอ่านถูกเป็น ศิญะพร ดิศยะพร ดิศพร ติญะพร ทั้งที่ชื่อมันตรงตัวขนาดนั้น

จำได้ว่าแม่บอกว่าตั้งใจให้เป็น เด็กผู้หญิง (ดิญะ มีตัวอักษรคล้าย ดญ.) ที่มีพรสวรรค์
ที่จนป่านนี้ฉันก็ยังสงสัยว่าพรสวรรค์อันใดบ้าง ที่มาสิงร่างของฉัน: )

ฉันมีแต่ "พรแสวง" อิๆ

------
เมื่อฉันสอนหลานเรื่องเสียงร้องของสัตว์ น้องเกียร์ ลูกแม่ไก่ ร้องได้ทุกเสียง เมื่อฉันถามว่า

Q: ช้างร้องยังไง

A: "ช้าง ช้าง ช้าง" คือคำตอบของเด็กน้อย เพราะเพลงของเด็กๆจะมีเพลงนี้เป็นเพลงหลัก ช้างๆๆ น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า ช้างมันตัวโตไม่เบา จมูกยาวๆ เรียกว่างวง (tusk) มีเขี้ยวใต้งวงเรียกว่างา (ivory) 


๋Japan trip: 1 night in BKK


แพ็คกระเป๋าเดินทางเป็นอาทิตย์และเพิ่งจะเสร็จเอาเมื่อวันเดินทาง 55  ตอนแรกกะจะเอากระเป๋าใบสีฟ้าขนาดกลาง แต่เมื่อซื้อเสื้อกันหนาวซะ 2 ตัวและเครื่องกันหนาวสารพัด มันเลยไม่น่าจะพอ เลยเอาใบใหญ่สุดเท่าที่มี (ใบที่ซื้อกลับมาจากอเมริกาเนื่องจากว่าใบที่เอาไปจากไทยล้อหลุด เลยทิ้งไว้ที่โน่น) ใบนี้เพิ่งจะได้ฤกษ์ใช้เป็นครั้งที่ 2 เอง อิๆ กลัวจะไม่คุ้มเลยต้องใช้ซะหน่อย

ก่อนหน้าการเดินทาง 1 อาทิตย์เราไปซื้อเสื้อผ้ากันหนาวมือสองตลาดนัดรถไฟ โอ้โฮ ใช้เงินหมดจนหยดสุดท้าย ได้ทั้งผ้าพันคอ เสื้อโค๊ต หมวก หมดไป 1000 กว่าบาท

กลับมารีบซักด้วยความเห่อ และจัดกระเป๋าพลางๆ ระหว่างจัดก็จะมีลูกสมุนแมว (ต่อไปกรุณาเรียกเราว่า "นก แมวดำ เอ๊ย มนต์ดำ" อิๆ)

รู้จาก อ.ทากายูกิ Akira & Yuka ว่าญี่ปุ่นอุณหภูมิติดลบ เลยกลัวหนาวขึ้นสมองค่ะงานนี้

ลองชั่งกิโลกระเป๋า นน.อยู่ที่ 15.6 กก.เราเลยเอาออกมาแบ่งใส่ในเป้เดินทางอีกหน่อย เพราะสายการบินในประเทศคือ Thai Lion Air อนุญาตแค่ 15 ก.ก. (แต่ใจดีสามารถเอาขึ้นเครื่องได้อีก 7 ก.ก.)

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562

สวนผักของฉัน


ผักสวนครัว รั้วกินได้ 

โรงเรียนประถมส่วนใหญ่ แต่ไหนแต่ไรมักจะฝึกเด็กๆให้หัดทำสวน ปลูกผักสวนครัว ที่โรงเรียนวัดท้ายยอก็เหมือนกัน หลังห้อง ป. 1 จะมีแปลงผักหลายแปลงให้เด็กๆได้ลองฝึกเป็นชาวสวน
เมื่อตอนอยู่ป.1 ฉันมักชะเง้อหน้าต่างดูพี่ๆชั้นโตๆมาปลูกผัก รดน้ำผัก พรวนดิน ดูพี่ๆมีความสุขจัง

เมื่อไหร่ฉันจะได้ทำบ้างน๊า...

เวลาเรียนผ่านไปจนเข้าป. 4 ฉันก็ได้เวลาลงแปลง เพื่อปลูกผักบุ้ง (ผักยอดฮิตของเด็กๆที่ทำอาหารกินง่าย ผัดผักบุ้งเป็นมื้อง่ายๆ เป็นเมนูไม่คิดมากในสมัยนั้น) เพื่อนผู้ชายเป็นฝ่ายลงแรง (ซะส่วนใหญ่) ในขณะที่ฉันกินแรง (Oops! ม่ายช่าย) การปลูกผักบุ้งด้วยเมล็ด มันสนุกตรงที่ต้องรอลุ้นให้ต้นอ่อนขึ้น และเมื่อต้นอ่อนโต ก็รอเวลามันจะโตเรื่อยๆจนสามารถเก็บไปกินได้ บ่อน้ำอยู่ใกล้ๆกับแปลง ทุกเย็นและเช้าจะมีเวรให้นร.ไปรดน้ำต้นผักบุ้ง อันนี้ถึงจะเป็นงานของฉัน อิๆ 

เช้า-เย็น นักเรียนเวียนรดต้นผักบุ้ง จนเมื่อมันตัดได้ ก็จะมีการตัดผักบุ้งแบ่งเอากลับบ้าน จำได้ว่าสมัยนั้นวิชาเกษตร คุณครูสุรินทร์ ครูขนิษฐ์ ครูกษิตเป็นคนสอน (วิชา outdoor ครูสุรินทร์สอนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นวิชาพลศึกษา / เกษตร)

------------------
ผักบุ้งย้ายถิ่น

 2 สัปดาห์ที่แล้ว ฉันเข้าไปในโรงเรียนและแอบดูว่าที่โรงเรียนปลูกผักสวนครัวอะไรบ้าง เวลาผ่านไปความนิยมของการปลูกผักบุ้งเริ่มน้อยลง ผักบุ้งถูกปลูกอยู่ในยางล้อรถ 2-3 กระถาง ส่วนแปลงที่อยู่หน้าห้องป.3-4 ที่มักจะปลูกดอกไม้ ก็กลายเป็นแปลงมะเขือยาวงามๆที่กำลังออกลูก(ยาวๆ)ห้อยระย้า น่าจะคล้ายๆกับนมยานๆของย่าที่เราชอบจับเล่นเย็นๆตอนเด็กๆ :) 

การได้เล่นดิน ณ ขณะทำแปลงผัก ได้จับต้องธรรมชาติ ทำให้วัยเด็กนร.ของฉันจะมีความทรงจำเรื่องต้นไม้ปะปนอยู่ด้วยเสมอ

---------------------

สวนผัก(ลอยฟ้า)ของฉัน
  



พี่แวว (เพื่อนร่วมงาน) บอกว่าฉันช่างกล้าที่ใช้คำว่าสวนผัก 55 เพราะสวนที่ฉันว่ามีแค่ต้นกระเพรา 
จนโตฉันก็ยังสับสนระหว่างต้นโหระพากับกระเพรา (เป็นคนที่ไม่กินข้าวผัดกระเพราเลยจำไม่ค่อยได้ เหตุผลนี้มีความ logic ไหม อิๆ)

เมื่อหลังสนง.ชั้น 4 มีที่ดินว่าง (ใช้คำว่าที่ดิน มีความดูรวย 55) และไม่มีใครปลูกอะไร ฉันเลยดูว่ามีต้นอะไรที่บ้านบ้างที่น่าจะปลูกแบบ(ทอด)ทิ้งได้ (น่าน... นิสัย) เอ๊ย ไม่ต้องดูแลมาก ฝากเทวดาเลี้ยง เวลาท่านเศร้าๆ ฝนตก ต้นไม้ก็จะชุ่มชื้น ดูแลตัวเองไป 

ฉันยังไปขอดอกคุณนายตื่นสายมาแซมๆ เพื่อให้ทั้ง 2 พืช อยู่ด้วยกัน เห็นไหมเริ่มเป็น"สวนผักสมรม"แล้ว ฉันโฆษณาผักกระเพราให้เพื่อนๆที่สนง.เอาไปกินได้เลย จะได้เริ่มปลูกต้นอย่างอื่นอีก 

พื้นที่สวนของฉันยังเหลืออีกเยอะ ฉันจะปลูกอะไรดีน๊า...