วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข: การ์ดแสดงความขอบคุณช่วยได้









นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้เขียนสคส.หรือการ์ดสักใบ ในช่วงใกล้ปีใหม่นี้อยากแนะนำให้ลองเขียนการ์ดขอบคุณดูค่ะ 
สิ่งที่ต้องทำมีแค่กลั่นความรู้สึกของเราที่อยากบอกคนๆนั้นออกมา เขียนด้วยลายมืออ่านง่าย อาจเพิ่มลวดลายอีกนิดให้การ์ดเน่าสนใจขึ้น ในยุคดิจิตัล หลายคนหลงลืมการเขียนด้วยลายมือ เหลายคนมักรู้สึกสะดวกกว่าหากให้นั่งลงตรงหน้าคอมพิวเตอร์และพิมพ์ข้อความส่งทางอีเมลและ Facebook  การได้เขียนและนึกขอบคุณคนอื่นอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สุขภาพจิตเราแข็งแรง มันเป็นวิธีหนึ่งที่มีการแนะนำกันต่อๆว่าเป็นวิธีสร้างสุขวิธีหนึ่ง
ในบทเรียนเรื่อง Great Lives  ของนิสิตชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยทักษิณ นิสิตจะได้เรียนรู้ประวัติของบุคคลสำคัญระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นแพทย์หญิงคนแรกของโลก  นักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์วัคซีนโปลิโอ หรืออาจารย์ผู้สร้างตู้เย็นได้สำเร็จเป็นคนแรกของโลก  ในความจริงนั้นเรื่องเหล่านี้ล้วนอยู่ไกลตัวนิสิตและเป็นสิ่งที่นิสิตได้เรียนรู้และอาจลืมในเวลาไม่กีวัน (หรือเมื่อออกจากห้อง)

 ข้าพเจ้าลองให้นิสิตนึกถึงบุคคลรอบตัวในมหาวิทยาลัยที่พวกเขาอาจจะมองข้าม คนที่ทำงานเล็กๆแต่ส่งผลต่อความสะดวกสบายของพวกเขา โดยเลือกบุคคลนอกเหนือจากอาชีพอาจารย์ เพื่อให้พวกเขาได้มองออกไปไกลตัวและเห็นความสำคัญของอาชีพอื่นๆที่เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนสังคมเช่นกัน นอกจากนี้มันจะทำให้ผู้คนที่ทำงานในอาชีพเหล่านั้น เห็นความสำคัญของตนเอง และสร้างรอยยิ้ม สร้างความภาคภูมิใจให้พวกเค้าในการประกอบอาชีพนั้นๆด้วย
เมื่อนิสิตเลือกอาชีพได้แล้ว นิสิตก็ใช้เวลาในคาบเรียนสุดท้าย เขียนการ์ด วาดลวดลาย และเตรียมพร้อมปฏิบัติการไปหาบุคคลในการ์ด
นิสิตหลายคนเล่าให้ฟังว่าพวกเขาเขินในการยื่นการ์ดและขอถ่ายรูปกับพี่ป้าน้าอา และป้าๆก็เขิน อาชีพที่นิสิตเลือกหลากหลายตั้งแต่ ลุงยาม ป้าแม่บ้าน พี่ที่ดูแลหอ น้าที่ขายข้าว ข้าพเจ้าเชื่อว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาที่น่ารักและเปิดการพูดคุยกับคนที่เราได้แต่เดินผ่านหน้ากันไป ไม่เคยสร้างบทสนทนากันมาก่อน   ป้าบางคนบอกว่าขอให้นิสิตถ่ายภาพออกมาให้สวยๆ หรือบางคนบอกว่ามันเป็นกำลังใจในการทำงานที่ดีมากของป้า  นับว่ารอยยิ้มได้เกิดขึ้นแล้วทั้งผู้ให้และผู้รับ

โลกนี้จะน่าอยู่เมื่อเรารู้จักพูดคำว่า "ขอบคุณ ขอโทษ และไม่เป็นไร" ค่ะ เริ่มด้วยการขอบคุณใครสักคนก่อนสิ้นปีกันนะคะ







http://news.gimyong.com/article/6237 


วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

็Healthy Living: Thank you note










Showing your gratitude is a tip for healthy living.
When you are in a negative mood and you want to feel better, I recommend you to write a thank you note to 3 persons. By doing so, your mood will change as you start thinking positively of someone.
Plus, you'll make the card receiver happy too. From this activity, I've seen many happy faces of security guards, housekeepers, food sellers and so on.
You also get good feeling after sending cards, don't you? You all look happy as well.






เคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข: 
การแสดงความขอบคุณด้วยการเขียนการ์ดขอบคุณ แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลย นอกจากกลั่นความรู้สึกของเราที่อยากบอกคนๆนั้นออกมา
การได้เขียนและนึกขอบคุณคนอื่นจะช่วยให้สุขภาพจิตเราแข็งแรง มันเป็นวิธีหนึ่งที่อเมริกานิยมทำกันมากและอยากให้พวกเราลองทำกันดู เพื่อให้ผู้ทำมีความสุข และคนที่รับ(ที่เค้าไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับ หรือมีคนเห็นสิ่งที่เค้ากระทำ) มีความสุขไปด้วยค่ะ
พวกเรายังได้ทำให้ผู้คนที่ทำงานในอาชีพเล็กๆ เห็นความสำคัญของตนเอง และสร้างรอยยิ้ม สร้างความภาคภูมิใจให้พวกเค้าในวันนั้นค่ะ
สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ พวกเราอาจจะไม่เคยได้คุยกับลุงป้าน้าอาเหล่านี้เลย นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ครั้งหน้าพวกเราเจอกันกับลุงป้า เราจะมีรอยยิ้มให้กันค่ะ
โลกนี้จะน่าอยู่เมื่อเรารู้จักพูดคำว่า "ขอบคุณ ขอโทษ และไม่เป็นไร" ค่ะ

--------------
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ....
นิสิตกลุ่ม 31 วิชา Basic Eng. for Daily Life เรียนบทที่ 7: Great Lives ซึ่งเกี่ยวกับประวัติของ hero/heroine แต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่คิดตู้เย็น สร้างวัคซีนโปลิโอ หรือเป็นแพทย์หญิงคนแรกของโลก   เราเลยเกิดไอเดียว่าจริงๆแล้วทุกคนก็มีความเป็น hero อยู่ในตัว คนอาชีพทั่วๆไป อาชีพเล็กๆก็สามารถสร้างงานดีๆได้เมื่อเค้ามีความสุขกับการทำงาน หรือทำให้พวกเรามีความสุข มีสภาพแวดล้อมที่ดี มหาวิทยาลัยที่สะอาด

เราเลยพยายามจะโยงกับการเรียนเรื่อง Healthy Living ที่นิสิตจะต้องทำ VDO เวลาพูดถึงประเด็นนี้นิสิตจะนึกถึงการกินอาหารดีๆ การออกกำลังกาย การพักผ่อน แต่จริงๆแล้วสำหรับเรา การคิดดีก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุข จึงได้เกิดเป็นกิจกรรมนี้ขึ้น 

---------------------------

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เจ้าชายไม่วิเศษ: หนังสือในดวงใจ (พลาดไป 14 ปี )


เมื่อคิดจะเข้าร่วมกิจกรรม "หนังสือในดวงใจ" เรามานั่งนึกๆ มีรายชื่อหนังสือในหัวเต็มไปหมด ทั้งไทยและเทศ ....

ที่ๆดีที่สุดของการหา "หนังสือดีในดวงใจ" เล่มที่ 100 (เอ๊ย ม่ายช่าย) คือห้องสมุดสินะ 

ว่าแล้วก็ไปเข้าห้องสมุดสุดที่รัก "ห้องนวนิยาย" 55 แต่เราไม่ค่อยได้หยิบนิยายมาเป็นหนังสือที่จะหยิบยกมาเป็นตัวอย่างสักเท่าไหร่ เพราะโดยส่วนใหญ่ เราอ่านเพื่อความเพลิดเพลินมากกว่า 

หากได้อ่านหนังสือประเภทอื่นๆ แล้วเกิดอาการคันไม้คันมืออยากหยิบมาเขียนไว้ใน blog นั่นล่ะ ถึงจะเรียกว่า "หนังสือเล่มโปรด" 

เราเข้าห้องนวนิยาย ชั้น 5 แล้วก็เดินยาวๆไปมุมหนังสือเยาวชน จริงๆเราไม่ค่อยได้อ่านแนววรรณกรรมเยาวชนนานแล้วนะ หากไม่นับ "เจ้าหงิญ" ซึ่งเป็นกึ่งๆวรรณกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความรู้สึกเราๆว่ามันเหมาะกับผู้ใหญ่ กระตุกความคิดผู้ใหญ่ได้มากกว่าเด็ก (นี่ก็เป็นอีกเล่มที่อยากแนะนำใครๆ) 

เราไปหยิบเรื่องนี้มาจ๊ะ "เจ้าชายไม่วิเศษ" วรรณกรรมเยาวชนยอดเยี่ยมรางวัลนายอินทร์อวอร์ด ปี 2556 (พิมพ์ครั้งที่ 6) *




ว้าว++ ขอร้องว้าวดังๆ เพราะอ่านเรื่องนี้ให้ความรู้สึกประหนึ่งว่ากำลังอ่าน "เจ้าหงิญ" ที่เราอ่านแล้วหยุดไม่ได้ มีความน่าติดตามมาก - มากที่สุด

เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถึงแม้ว่าเมื่อเราอ่านๆไปเราจะรู้สึกว่ามันมีกลิ่นอายคล้ายๆ "เจ้าหงิญ" ตรงที่เป็นเรื่องเจ้าชาย เจ้าหญิง และมีอะไรให้ขบคิด หรือตีความ (ตามวัยและวุฒิภาวะอยู่เป็นระยะ) แต่เรื่องนี้ก็น่าติดตามไม่แพ้กัน

เราใช้เวลาตอนนั่งรถสองแถวอ่านเรื่องนี้ และอ่านยาวจนมาหน้ามหาวิทยาลัย เพลินจน(เกือบ)ถึงจุดหมาย หลังจากนั้นเมื่อกลับถึงบ้านเมื่อวาน ก็อ่านรวดเดียวจนจบ ก่อนนอน

มีความรู้สึกราวกับว่า เราเจอเรื่องนี้ช้าจัง เมื่อพลิกดูพ.ศ.ที่หนังสือเรื่องนี้วางแผง มันตั้งแต่ปี 2546 แน่ะ !! ทำไมหนอนหนังสืออย่างเราพลาดไปได้ (ตบอก ปุๆ)

เรื่องนี้ยังทำให้นึกถึงหนังเรื่อง Life of Pi ซึ่งออกฉายมาร่วม 10 ปี ใครๆก็ว่าดี แต่เราก็ยังไม่อยากดู จนเมื่อได้ดู เพราะจะทำใบงาน "เรียนรู้วัฒนธรรมผ่านแผ่นฟิล์ม" ให้นิสิตที่เข้าร่วมโครงการ ก็ถึงเวลาที่ต้องดูอย่างจริงจัง แล้วก็ " Wow!" (อีกตามเคย)

เราได้หนังสือ version ภาษาอังกฤษของเรื่องนี้มาด้วย เลยพยายามจะอ่านก่อนดู 55
เราอ่านมาได้ครึ่งเรื่อง แล้วมาดูหนังซะก่อน

อิๆ ดูหนังจบ หนังสือยัง(อ่าน)ไม่จบ :) 

เรื่องนี้ทำให้นึกถึงอีกเรื่อง คือ "เจ้าชายน้อย" เพราะทั้ง 2 เรื่อง เจ้าชายมีความใสซื่อ ใจดี มองโลกในแง่ดี มีน้ำใจต่อคนรอบข้างและสัตว์ theme ทั้ง 2 เรื่อง ยังเป็นการมองโลกจากมุมเด็ก แต่สะกิดใจผู้ใหญ่ได้ดีมากๆ การไม่คิดตามขนบ ธรรมเนียมปฎิบัติ ทำให้เจ้าชายเป็นคนที่ใครๆก็รัก

เรื่องราวความน่ารักของเรื่องนี้ต้องติดตามอ่านกันเองนะ นอกจากการผจญภัยแล้ว ยังมี romantic กุ๊กกิ๊กๆอีกต่างหาก อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะปรากฎใน (ท้าย) เรื่อง 55 ต้องชื่นชมคนเขียนที่นอกจากหยิบเรื่องราววรรณคดีไทยมาใช้ได้ดีแล้ว ยังหยิบขนบที่มักเจอได้บ่อยในละครไทยมาใช้อีกแน่ะ มุขพระเอกไม่รู้ว่าผู้ช่วยตัวเองเป็นผู้หญิง แต่ชาวบ้านชาวช่องเค้ารู้กันหมดแล้ว :)

เจ้าชายไม่วิเศษในเรื่องไม่มีของวิเศษให้ใช้ แต่ด้วยน้ำใจอันแสนพิเศษและวิเศษของเจ้าชาย ใครๆก็พร้อมจะช่วยเหลือ ดั่งมีของวิเศษไว้ปกป้องกาย อย่างไรอย่างนั้นเลย


----------------------

เหตุการณ์ก่อนหน้า

17.11.2560 



หนังสือที่นึกๆเอาไว้ว่าหากใครถามว่าอยากแนะนำเรื่องอะไร เราคงไม่พ้นเอ่ยนามตามนี้


- แมงมุมเพื่อนรัก
-โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง
- Present Perfect 
- I Am Malala 
- Pay It Forward
- A Day
- The Story of Olympic
- Tuesday with Morrie
- Charlie and the Chocolate Factory
- Life of Pi
- เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก
- ครอบครัวตึ๋งหนืดตืดขั้นเทพ
- เจ้าหงิญ ฯ


วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

My 1st Halloween Party: 31.10.17





ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมงานฮาโลวีน ฉันตื่นเต้นและอดที่จะจินตนาการไม่ได้ว่างานจะสนุกและจะมีอะไรประหลาดใจเกิดขึ้นในงานนี้บ้าง ก่อนวันงาน ฉันกับเพื่อนต่างพากันไปซื้อเสื้อผ้าและดูวิธีการแต่งฮาโลวีนจากอินเตอร์เน็ต พวกเราตั้งใจและตื่นเต้นกันมาก เป็นไปตามที่คาดหวังจริงๆค่ะ ฉันกับเพื่อนๆสนุกมาก ฉันคิดว่าเพื่อนๆ พี่ๆ และอาจารย์ทุกท่านต่างก็มีความสุขกับงานนี้มากด้วย



                กิจกรรมนี้ได้ให้ทั้งความรู้และความสนุกมากมาย แม้จะใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชม.เท่านั้น อ.Joseph ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับวันฮาโลวีนด้วยการเล่าประวัติของเทศกาลนี้ซึ่งฉันไม่เคยรู้มาก่อน และพวกเราได้ทำกิจกรรมสนุกๆมากมาย เช่น ให้ทายว่าฟักทองลูกใหญ่สุดของงานมีนน.เท่าไหร่ ทั้งยังให้นิสิตที่เข้าร่วมกิจกรรมหาฟักทอง 4 ลูกที่ซ่อนอยู่ในบริเวณนั้น ใครที่หาเจอจะได้ gift card มูลค่า 100 บ. เอาไป shopping สินค้าที่เทสโก้โลตัสอีกด้วย หลังจากนั้นเพื่อนๆและพี่ก็วาดรูปฟักทองประกวดกัน




 และแต่งเรื่องโดยอาจารย์จะกำหนดคำให้แต่ละกลุ่ม แล้วออกไปเล่าเรื่องผีที่ช่วยกันแต่งให้กลุ่มอื่นฟัง  กิจกรรมสุดท้ายคือการประกวดแต่งกาย ซึ่งฉันชอบที่สุดเพราะเพื่อนๆและพี่ๆต่างทุ่มเทกับกิจกรรมนี้มาก  ในงานยังมีการแจกลูกกวาด บราวนี่ เครื่องดื่มพันช์ด้วย นอกจากนี้การเข้าร่วมครั้งนี้ทำให้ฉันได้พบรุ่นพี่ที่เรียนคณะศึกษาศาสตร์ด้วย ซึ่งฉันคิดว่าโอกาสที่ 2 คณะจะมาพบกันนั้นยากพอสมควร

                กิจกรรมนี้ทำให้ฉันได้มีโอกาสแต่งตัว แต่งหน้าเป็นผีเป็นครั้งแรก ถึงมันจะไม่ดีนัก แต่ฉันเต็มที่กับมันค่ะ เพื่อนๆพี่ๆทุกคนก็เต็มที่ก็มัน อ.ทุกท่านในงานก็น่ารัก


                ถ้ามีโอกาสฉันจะเข้าร่วมกิจกรรมนี้อีก และจะบอกต่อรุ่นน้องว่าอยากให้มาเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดค่ะ 




                                                                                                                                 31.10.2560
                                                                                                              นส.อาเรียน่า รหัส 60
                                                                                           เอกภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ & สังคมศาสตร์

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Share, Read & Enjoy Reading: Pay it Forward Project in class

Give, Share, Read & Enjoy Reading!

ใครว่าเยาวชนไทยไม่อ่านหนังสือ
ภารกิจปลูกต้นกล้าการอ่านในมหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา

หันไปทางไหนก็เห็นแต่วัยรุ่นใช้เวลากับ Smart Phone แถมใครๆก็บอกว่าคนรุ่นใหม่อ่านหนังสือน้อยลง เพื่อขจัดข้อสงสัยนี้ว่าจริงหรือเปล่า เราเลยจะมาทำการทดลองเล็กๆ ดูกันว่าหากตั้งหนังสือเอาไว้ตามมุมต่างๆของมหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา จะมีคนมาหยิบไหมนะ แล้วจะใช้เวลากี่นาที ปฏิกิริยาของผู้รับจะเป็นอย่างไร มาดูกัน!

เอาล่ะหลังเลิกเรียนวันจันทน์ (30 ต.ค. 2560) นิสิตจำนวน 34 คน พร้อมหนังสือ 1 เล่มที่นำมาจากบ้าน ก็พร้อมปฏิบัติงาน หลายคนคิดว่าน่าจะเอาหนังสือไปตั้งไว้ที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย  ซึ่งจะต้องมีนิสิตมากันบ่อยๆอยู่แล้ว มันน่าจะเป็นจุดตั้งหนังสือที่ดีแน่ๆ

ว้าว! ภายในเวลาไม่นาน เมื่อนิสิตเอาหนังสือไปตั้งใกล้จุดหยิบช้อน-ส้อม รอเพียงไม่นานหนังสือของเธอก็มีคนหยิบไปทันที นิสิตปรากฏตัวและอธิบายให้ผู้หยิบหนังสือฟังว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของ Pay It Forward Project ที่เราจะส่งต่อการอ่านไปยังคนอื่นๆและคาดหวังว่าคนรับจะมีความสุขกับการอ่าน คนรับมีหน้าตาประหลาดใจและยินดีรับหนังสือไปอ่านต่อและส่งต่อ นับว่านอกจากเธอจะได้หนังสือไปแล้ว ก็ยังได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีก 1 คน (โดยทั่วไปหากไม่ใช่นิสิตเอกเดียวกัน หรือคณะเดียวกัน การจะหาโอกาสคุยกันมันน้อยมาก นี่นับเป็นจุดเริ่มต้นให้พวกเขาซึ่งอยู่ภายใต้มหาวิทยาลัยเดียวกันได้มีเรื่องพูดคุยกัน รอแค่ใครคนใดคนหนึ่งเริ่มก่อนเท่านั้น นับว่าการทำ project นี้ได้ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของนิสิตร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกันได้ด้วย

นิสิตบางคนนำหนังสือไปตั้งหน้าลิฟท์ที่คนไม่พลุกพล่านมากนัก ทำให้คนที่มาเห็นมักจะหยิบขึ้นมาดูทันที เพราะคิดว่ามีคนทำหนังสือตกเอาไว้ นี่ก็จะเข้าทางนิสิตที่แอบดูอยู่ห่างๆ(อย่างห่วงๆว่าจะมีคนมาหยิบมั๊ย ภารกิจนี้จะสำเร็จหรือเปล่า)ทันที

ที่เก๋มากคือมีนิสิตเอาไปตั้งที่เบาะรถจักรยานยนต์และแอบดูอยู่ไกลๆ (แบบนี้อย่างไรเสียเจ้าของรถก็จะต้องหยิบมาดูแน่ๆ) รอจนเจ้าของรถมาหยิบหนังสือและปรากฏตัวพูดคุยเชิญชวนให้เอาหนังสือไปอ่าน

Project นี้ผ่านไปด้วยดี ผู้รับหนังสือประหลาดใจกับ surprise ครั้งนี้ มีหนังสือติดมือกลับบ้าน และที่ดีสุดคือมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีก 1 คน
มิตรภาพเกิดขึ้นได้ง่ายๆอย่างนี้เอง ว่าไหม

**หมายเหตุ: ความคิดการทำ project นี้มาจากการได้อ่านข่าวของ Emma Watson
นางเอกเรื่อง Harry Potter ที่เธอเป็นทูตของ UN มาต้ั้งแต่ปี 2014 และถูกขนานนามว่าเป็น book fairy (นางฟ้าหนังสือ) เธอมีไอเดียเก๋ๆ ด้วยการเอาหนังสือที่เธออ่านและชื่นชอบไปแอบไว้ตามสถานีรถไฟ พร้อมมีโน้ตเล็กๆติดไปกับหนังสือด้วย และบอกให้ผู้อ่านหากอ่านจบแล้วให้ส่งต่อไปยังคนอื่นด้วย


เล่าเรื่อง: อ.ดิญะพร ผู้สอนวิชา Analytical & Critical Reading 1/2017

Read it Forward: Course project with give away books


ภารกิจปลูกต้นกล้าการอ่าน

หันไปทางไหนก็เห็นแต่วัยรุ่นใช้เวลากับ smart phone แถมใครๆก็บอกว่าคนรุ่นใหม่อ่านหนังสือน้อยลง เพื่อขจัดข้อสงสัยนี้ว่าจริงหรือเปล่า เราเลยจะมาดูกันว่าหากตั้งหนังสือเอาไว้ตามมุมต่างๆของมหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา จะมีคนมาหยิบไหมนะ แล้วจะใช้เวลากี่นาที ปฏิกริยาของผู้รับจะเป็นอย่างไร มาดูกัน!

ขอเท้าความว่าโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการอ่าน Analytical & Critical Reading สำหรับนิสิตกศบ.เอกอังกฤษ ปี 2 เทอม 1/2560 ในบทเรียนที่ 5 เป็นเรื่อง None in Lonendo (?) ซึ่งพูดถึงการที่ร้านหนังสือหายไปแล้ว เพราะคนหันมาสั่งหนังสือ online กันหมด ทำให้ธุรกิจร้านหนังสือทั้งเล็กใหญ่ที่อเมริกาค่อยๆปิดตัวกันไป

ก่อนหน้านี้เราเคยอ่านข่าวเกี่ยวกับ Emma Watson นางเอกเรื่อง Harry Potter ที่เธอเป็นทูตของ UN มาต้ั้งแต่ปี 2014 เธอมีไอเดียเก๋ๆ ด้วยการเอาหนังสือที่เธออ่านและชื่นชอบไปแอบไว้ตามสถานีรถไฟ พร้อมมีโน๊ตเล็กๆติดไปกับหนังสือด้วย บอกให้ผู้อ่านหากอ่านจบแล้วให้ส่งต่อไปยังคนอื่นด้วย

เมื่อ google หาเรื่องนี้ ปรากฎว่าเธอแอบหนังสือมาหลายที่แล้วจนได้ชื่อว่า book fairy (นางฟ้าแห่งหนังสือ)กันเลยทีเดียว

เมื่อถามนิสิตว่าเราลองจับเรื่องนี้มาโยงกับบทเรียนที่ว่าร้านหนังสือถึงกาลปิดตัว มาลองดูกันซิว่าเพื่อนๆในมหาลัยยังรักการอ่านกันอยู่ไหม ก็ได้รับเสียงตอบรับจากนิสิตที่จะมาลองทำ project เล็กๆกัน

เอาล่ะ จ. 30/10/60 เวลา 16.10 น. นิสิตซึ่งมีหนังสือ 1 เล่มที่พร้อมแจกฟรี ก็พร้อมปฏิบัติงาน (สำหรับคนไหนที่ไม่ได้เอาหนังสือมา เราคิดเผื่อไว้แล้วด้วยการเอาหนังสือ I Get English Magazine และครอบครัวตึ๋งหนืด มาให้นิสิตยืมไปปฏิบัติการแอบหรือวางหนังสือไว้ตามจุดต่างๆทั่วมหาลัย เฝ้ารอให้มีคนมาหยิบหนังสือ และออกไปปรากฎตัว )

ตอนค่ำ เราให้นิสิตแต่ละคนถ่ายรูปกับผู้รับและสัมภาษณ์เล็กน้อยมาลงใน Facebook Page: Analytical & Critical Reading และเราหยิบประเด็นนี้มาคุยอีกครั้งในห้องเรียนวันรุ่งขึ้น (อังคาร 31/10/60)
-----------------

Harry Potter star Emma Watson leaves books on London Underground

  • ข่าวจาก BBC :  2 November 2016
  •  
  • From the sectionLondon

Image copyrightINSTAGRAM/EMMA WATSON
Image captionThe actor became a book fairy for the night

Harry Potter star Emma Watson has dashed around the London Underground to hide books for passengers.
The actor dropped off copies of Maya Angelou's Mom & Me & Mom, the November pick for her online book club Our Shared Self.
The star left the novels as part of the Books On The Underground movement, which sees "book fairies" leave their favourite reads for people to enjoy.
Watson left about 100 books with some including a hand-written note.
In it, she wrote that she hoped the reader would enjoy the book, and urged them to leave it on the Tube afterwards for others to find.

'Too fabulous'

One Twitter user, @safaf_96, said she felt like Charlie Bucket in Charlie and the Chocolate Factory when she found a book while @siannusmaximus wrote: "The book fairies get a book wizard. Too fabulous for words."

Tweet of Emma Watson's note which was left in a book found on the UndergroundImage copyright@LYNZSCRIBBLES

Cordelia Oxley, director of Books on the Underground, said: "We were delighted to have Emma Watson share the latest Our Shared Shelf book club choice, and she even wrote a lovely note to go inside the books. It was Emma's idea to be a Book Fairy for the day!
"The reaction has been phenomenal. It must be a mixture of how much everyone adores Emma, and how exciting it is to find something as wonderful as a new book on your journey."
Watson, who was appointed UN women goodwill ambassador in July 2014, started her book club earlier this year.
Books on the Underground started in 2012 and leave about 150 books in stations across London each week.
------------

Why is Emma Watson dropping books on London subways?

It's part of a collaboration between Emma Watson's feminist book group, Our Shared Shelf, and Books on the Underground, which leaves books all over the London subway system for riders to enjoy.

Source: www.CSmonitor.com
----------


Emma Watson played book fairy recently, secretly leaving behind books in London's subway stations to encourage riders to read.
The "Harry Potter" actress, 26, was spotted hiding copies of "Mom & Me & Mom" by the late Maya Angelou in London's Underground Tuesday.
"I've been hiding copies of Mom & Me & Mom for Books on the Underground on the tube today! See if you can find one tomorrow!" she wrote in a Facebook photo.
SOURCE: ABCNEWS.GO.Com
---------------------

วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

SE-ED of reading habits growing in TSU

Let's enjoy reading.
Yesterday afternoon and today, you may see books scattered around our campus. Don't hesitate & be surprised. Just get it for free and you'll get 1 new friend apart from the book as well.
Ed. Eng. sophomores & some HUSO seniors are now thinking BIG. They'd like to plant reading habits in TSU and they hope those who pick the book will enjoy the free book and 'PAY IT FORWARD' ( give it away to a new student after reading).
"Today reader, tomorrow leader"

Let's see how happy both givers and receivers are!
-------------





I put the book on the motorbike seat. I didn't know who is the owner of the motorbike parking near the canteen; I just randomed. After I had waited about 20 minutes, this girl picked up the book. She carefully considered my note and the content inside the book, but she looked hesitate to bring it with her, I can see her looking around like looking for someone. So, in the end, I showed up and asked her 'why did she decide to pick it up?' and she answered 'it reminded her when she was young, she liked books 'Nuhin' very much.'
                                                                                          Bongkod (Yim) 

------------------------


I hid my book at the door of Education student club. I waited about 25 minutes. A man picked my book which I hid. He’s my senior who’s vice head of Education student club, so he’s interested in this book. He said”It’s good for me and thank you”. I described him about Pay It Forward Project, he thought it’s a excellent project. I was proud and so glad.😃❣️

                                                                                                      Pakinee 
-----------------


I left my book on the table at science building. I waited the people to pick it around 15 minutes. Finally, There was a boy left from the room. He noticed my book on the table and picked it up. He read about it. And then, I told him that is my book. He felt frightened but I told he don't worry this is my project. You can take it to read. And I explained about our project. He felt surprised and he told me " Thank you so much " I was very happy 😚 about Pay It Forward project.
                                                                                                  Sine

------------


Sorry for my lateness 🙏
I progressed this program since 3 days ago, in this class. I put my book which is about Tenses on the floor in front of the lift in 13 building because I thought that if I put it on other places, it might have no one feeling interested in it because it's quite an English book! Amazingly, less than 1 minute l left my book, there is a senior from HUSO picking up my book and she read notes on the book and she seemed interested. Then I told her about our progra, she understood it, and want to continue to do our Pay it Forward!
I got good feelings since I started this program until I finished it. I think this is really good activity to do good things to someone without thinking of the returns.

                                                                                               Manatchanok (Tear)
------------
***I want to read this BOOK (--author) 


She is a person who is interested in my book. She suddenly called me when she saw a note of PAY IT FOWARD in the book. She asked me about this project, what is it about? I told her about the project and she said it interesting project and it is a good idea. I will sent it to others then. 

                                                                            Saowapa (Ann)

-----------



📚 📚 Pay it forward 
I put my book at water cooler on the first floor on building 15. There were lots of people. I waited about 30 minutes. Then there were 2 students from Education Program in Social Studies interested in my book. They read on the cover and inside the book, but they looked hesitate to take it. I saw that, so I walked to them and told them.
I said, "You can take it. This book is free for you. When you finish this book, you can put it on somewhere for other people. I wish you will be happy with my book."
They looked so wonder and felt good about this project.
They told me, "Thank you so much. This is so interested. It's a great idea."
I feel nice and happy that I can give something nice and impressive memories to someone. #payitforward  
                                                                                               Saranya
----------------------------



📚 Pay it forward 📕 
I hid my book at science building. I put on the table. I was very excited. I waited about 15 minutes and I secretly photographed people who picked up my book. She was a girl who picked my book. And then, I described about pay it forward project. She was interesting and happy to receive the free book. She said that "Thank you, she will bring the book to teach to other children "
I felt very happy for this project😀
#payitforward 📚 

Sudarat  (Mew) 

----------

I hid my novel over the advertisement board in the canteen ,and I waited only 5 minuets. My junior found my novel. He said “ I have never read novel before, but I want to try.” I told him about pay it forward. He was interested and told me he will send it to other when he finishes reading.
                                       Panicha (Amm)