วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Young entrepreneur: เมื่อลูกศิษย์ให้ความรู้

Diyaporn Wisamitanan 1h · Shared with Your friends #Human Review: สิ่งที่ได้เรียนรู้จากนิสิต ช่วงวันหยุดยาว เราทำอะไรหลายอย่าง แต่สิ่งที่น่าจะมีสาระสุด คือ การได้มาตั้งคำถาม-ตอบ กับนิสิตกีตาร์ กศ.บ.อังกฤษ ปี 3 ซึ่งให้ความรู้เราและผองเพื่อนด้านการเป็น young entrepreneur & การทำธุรกิจออนไลน์ (เป็นตัวกลางรับซื้อสินค้าจากจีน)ที่เธอบุกเบิกมาเองจากความชอบ Cosplay และขายในกลุ่มเล็ก ตั้งแต่เธออยู่ชั้น ม.4 - ปี 3 (รู้สึกอายเล็กน้อย-ปานกลาง เพราะในวัยนั้น เรายังขอเงินที่บ้านใช้อยู่:) จนตอนนี้กลุ่มลูกค้าเธอขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ภาษาจีน ภาษาที่ 3 ของเธอ ที่เธอเรียนมาตั้งแต่เด็กได้นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการสร้างงานให้เธอ ๆ เล่าให้ฟังว่าเธอใช้ภาษาจีนในการติดต่อกับผู้ขาย มากกว่าจะใช้ภาษาอังกฤษที่ร่ำเรียนมา 55 และการรู้ภาษาจีนทำให้เธอได้สินค้าราคาถูกกว่า กีตาร์ยังเป็นคนหนักเอาเบาสู้ และมองหาช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้ตนเอง เธอเคยเป็นพนง.เสิร์ฟ และรับจ้างแต่งหน้า ควบคู่ไปกับการทำงานนี้และการเรียน สุดยอดมาก ขอชื่นชมนิสิตที่เป็นตัวอย่างที่ดีของเพื่อนๆ และของครู ผู้ไม่หวงวิชาและยินดีเล่าเคล็ดลับการทำงาน การขาย และการแก้ปัญหาเมื่อเจอลูกค้ายากๆ ว่างๆ มาเป็นครูสอนครูอีกนะคะ

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Cafe review: The Seek Cafe, Songkhla Old Town

เหตุผลการเข้าร้านกาแฟ บางครั้งก็ไม่มีเหตุผล (?) แค่ชื่อร้านน่าสนใจ แว่บมองเข้าไปคนนั่งน้อย (เอ๊ะ จะดีไหม) ก็ตัดสินใจเข้าเลย ความคิดเรื่องการเลือกร้านมักสวนทางกับเพื่อน ๆ ที่มักมองว่าร้านไหนคนเยอะ ควรไปลอง ฝีมือน่าจะรับประกันความอร่อย
ส่วนเราชอบเลือกร้านว่างๆ มันดูมีความเป็นส่วนตัวกว่ากันเยอะ ร้านนี้ชื่อน่ารัก seek = ค้นหา เรานึกถึงการเล่นซ่อนหา hide & seek เกมโปรดสมัยเด็กๆ Seek Cafe โลโก้ร้านเขาน่ารัก จะมองเป็นตัว S หรือ C ก็ได้ (เอียงคอมองนะ และก็ยังดูเป็นเลข 8 (infinity) ช่วงที่เข้าร้านคนน้อย ทำให้ได้คุยกับเจ้าของร้าน ๆ บอกว่าคนมาเรื่อยๆ แถมคนทางภาคเหนือช่วงวันหยุดที่ผ่านมาก็มากันเยอะ คงเหมือนคนใต้ที่ไปสัมผัสอากาศหนาวของทางเหนือ (คนเหนือ-ใต้ เดินทางสวนทางกันสินะ)
ร้านนี้จัดบรรยากาศน่ารักดี มีกระถางกระบองเพชรเล็กๆ วางเรียงราย ทำให้ร้านได้บรรยากาศเขียวแบบเจ็บๆ หากเผลอซุ่มซ่ามไปโดน (ประโยคนี้ควรเตือนตัวเองไหม:)
ชีสเค้กเขาก็อร่อยนะ ไม่หวานเกินไป ควรลอง อิ่มอร่อยแล้ว ก็เที่ยวต่อได้

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Book กองดอง

เมื่อจะหยิบหนังสือสักเรื่องมา review ก็จะตัดสินใจยากมาก เพราะสมาชิก "กองดอง"อย่างเรา ยังมีหนังสือเป็นกองๆ นอนรอเจ้าของมาหยิบไปอ่านอีกเยอะ ตอนเด็ก(กว่านี้) เคยหวงหนังสือ แต่โตมาและ(คิดว่า)ดีได้เพราะการอ่าน เลยชอบแบ่งหนังสือให้นิสิตอ่าน เมื่อรู้ว่านิสิตคนไหนชอบอ่านหนังสือ เรามักจะเล่าให้ฟังถึงหนังสือที่พวกเขาควรอ่านเพิ่ม เวลานิสิตเอาหนังสือไปอ่าน เราจะดีใจมาก และหวังว่าหนังสือก็คงดีใจ ที่มีคนเปิดมันหลายคน หนังสือยิ่งเก่า ยิ่งขลังนะ โดยเฉพาะเมื่อได้ผลัดกันอ่าน และเอามาแลกเปลี่ยนความคิดกัน 🙂 ------ I've got the novel, American Sniper, from a good friend Joei last year. Lonely, it has been on my bookshelf for quite a long time. As one of my New Year resolutions is to try to finish reading old books that I've before I donate them next year; therefore, with strong determination, I dusted it and always bring it along to my workplace. I was quite immersed in the story of the novel which was based on a true story. I think it's amazing to get to know more about this mysterious job, a SEAL. I 've planned to watch its movie after I finish this novel. Personally, I love to read books first, then watch the movie. Reading keeps me imaginative and curious. Wish me luck:) 2 Dec.2020

English Camp IRO experience: Wildan

I have been passionate about going camping but I have never camped before in my life so, this is my very first camp. The reason why I love going camping might be that I love the adventure spirit of it and I love being surrounded by nature. Going camping without any activities is boring but this camp is very well-organised that despite the bad weather the camp could still run well and the indoor activities were not bad at all. Here are my 2 favourite activities. Of course we went camping, so my number one most favourite activity would be hiking which excited me so much I even did some exercises to prepare my body before going for a tough 1066 stairs climbing, it was my first time to climb up a mountain that high but surprisingly I did well I made to the top of the mountain safely without any pains and I thank myself that I didn't give up eventhough my legs trembled hard but I felt peculiarly good that I was able to push myself to a new limit.
TSU Iron chef is my number two most favourite activity. I admired all my teammates they all have skills in cooking, I am someone who is not familiar in cooking field but I did what I can my best to at least be useful to them. This activity alone could already strenghten up our relationship. We had a lot of fun cooking, chit-chating and laughing throughout the activity, although we were pretty serious at first that the gas we were given was not working and one of our menu had a very terrible taste that we thought it was unfixable, yet at last I don't know how we did it but we won 2 titles, 1 for each, and everyone seems surprised.
Many new things I have learnt from this camp, so much experience I did gain and a lot of fun I had during this camp I was very much satisfied with all the activities. I'm proud that I joined this camp, I'm proud that I made it to the top of Khao Ok Thalu mountain, I'm grateful for everyone's kindness and friendliness and I want to say thank you to all the teachers that held this camp making us meet each-other, broadening up my perspective, strengthening up our relationship. Reporter: Mr. Wildan, a freshman from Education Faculty

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Eng.Camp 2020 Reflection: Rinlada

ในการไปค่ายในครั้งนี้นั้นต้องยอมรับว่าในตอนแรกหนูค่อนข้างลังเลว่าจะเข้าร่วมดีหรือไม่เพราะเป็นค่ายที่จัดขึ้นในต่างจังหวัด และก็ต้องขอยอมรับอีกอย่างหนึ่งว่าในตอนที่ตัดสินใจไปค่ายนั้นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของหนูมากที่สุดนั้นไม่ใช่การได้ฝึกทักษะการใช้ภาษาอังกฤษกับครูชาวต่างชาติหรือเพื่อนในค่ายแต่อย่างใด แต่เหตุผลหลักที่ทำให้หนูตัดสินใจมาค่ายนี้คือกิจกรรมปีนเขาอกทะลุ นั่นเป็นเพราะโดยส่วนตัวแล้วหนูชอบกิจกรรมแนว Adventure เป็นอย่างมาก แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำเท่าไรนักค่ายนี้จึงเป็นค่ายที่หนูมองว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้หนูสามารถทำอะไรแบบนี้ได้โดยที่ผู้ปกครองไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยมากนัก ส่วนกิจกรรมอื่นๆในตอนนั้นหนูมองว่าเป็นเพียงกิจกรรมทั่วไปเหมือนๆกับค่ายอื่นๆและมีแอบกังวลอยู่บ้างว่าจะเป็นค่ายที่เครียดสำหรับหนูหรือไม่ เมื่อถึงวันเข้าค่ายทุกอย่างก็ดูจะแตกต่างไปจากแผนเดิมไปเสียหมดเนื่องด้วยสภาพอากาศที่มีฝนตกต่อเนื่อง และในหัวหนูก็ยังคงคิดว่าคงจะไม่ได้ขึ้นเขาแล้วแน่ๆแล้วฉันจะสมัครมาค่ายนี้ทำไม แต่เมื่อเดินทางมาถึงที่พักและได้เริ่มทำกิจกรรมตั้งแต่ Ice Breaking ไปจนถึงเกมต่างๆของอาจารย์ Irish, อาจารย์ Erika และอาจารย์ Sterling ก็ทำให้หนูได้เริ่มเห็นถึงความสนุกของค่ายว่าไม่ได้เครียดอย่างที่คิด แต่เป็นอะไรที่สนุกสนาน มีการแบ่งกลุ่มใหม่เรื่อยๆเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกันซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีมากในความคิดของหนู เพราะในค่ายนี้ไม่ได้มีเพียงเพื่อนร่วมเอกแต่มีทั้งเพื่อนต่างเอก รุ่นพี่ในเอก และรุ่นพี่จากวิทยาเขตพัทลุง หากจะให้ทำความรู้จักกันเองก็คงยากเพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน แต่เมื่อมีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันก็ช่วยให้เรามีหัวข้อที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนกันและทำให้การทำความรู้จักกันนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความอึดอัดแต่อย่างใดในทางกลับกันทำให้กล้าพูดคุย และกล้าติดตลกได้อย่างสบายใจส่วนหนึ่งเป็นเพราะเพื่อนร่วมค่ายทุกคนมีความเป็นมิตร พร้อมที่จะทำความรู้จักกันและเต็มที่กับการทำกิจกรรมเหมือนๆกัน
มาถึงกิจกรรมที่เป็น Highlight อีกกิจกรรมหนึ่งคือ TSU Chef Competition ซึ่งก็ได้แบ่งกลุ่มใหม่อีกครั้งเพื่อทำภารกิจการแข่งขันทำอาหาร 3 เมนูโดยมีเมนูบังคับคือไข่เจียวที่ต้องสร้างสรรค์กันเองภายในกลุ่มและมีงบในการซื้อของกลุ่มละ 400 บาท กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ทำให้หนูได้เข้าถึงพี่ๆและเพื่อนๆในกลุ่มมากที่สุดเนื่องจากต้องใช้เวลาร่วมกันเยอะและมีการช่วยกันและกันในกลุ่มอย่างเต็มที่ ในตอนแรกหนูจับกลุ่มอยู่กับเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกันแล้วเพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน แต่อาจารย์นกก็จับหนูแยกออกมาในตอนนั้นตกใจและหวั่นใจมากๆแต่สุดท้ายก็มาเจอเพื่อนร่วมเอกอีกหลายคนที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันก็ทำให้อุ่นใจขึ้นและเมื่อได้เริ่มทำภารกิจตั้งแต่ออกจ่ายตลาดจนกลับมาทำอาหารก็ทำให้สนิทกับเพื่อนในกลุ่มและพี่ๆในกลุ่มมากๆทำให้เห็นว่าบางครั้งการออกมาจาก Safe zone ของตัวเองบ้างก็เป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้เราได้เจออะไรใหม่ๆและได้เปิดโอกาสให้กลุ่มคนใหม่ๆได้รู้จักตัวตนของเรามากขึ้นเช่นกัน กิจกรรมนี้จึงผ่านไปได้ด้วยดีและมีความสุขมากตั้งแต่ออกจ่ายตลาดจนกระทั่งเก็บกวาดล้างจานที่ยังคงมีเรื่องราวให้ได้ยิ้มและหัวเราะจนจบการแข่งขัน มาถึงอีกหนึ่งกิจกรรมซึ่งเป็น1ใน3ของกิจกรรมที่หนูชอบที่สุดและเป็นกิจกรรมสุดท้ายของวันแรก คือกิจกรรมที่ได้สอนอาจารย์ต่างชาติร้องเพลงไทย ในวันนั้นกลุ่มของหนูได้สอนอาจารย์ Irish ให้ร้องเพลง Music lover และถึงแม้ชื่อเพลงจะเป็นภาษาอังกฤษแต่เนื้อเพลงนั้นเป็นภาษาไทยทั้งหมด กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ทำให้หนูประทับใจในตัวอาจารย์ต่างชาติทั้ง3ท่านเป็นอย่างมากที่ให้ความสนใจ ตั้งใจ และพยายามร้องเพลงไทยตามที่พวกเราทุกคนพยายามสอนอย่างเต็มที่และผลงานของทั้ง3ท่านก็ออกมาดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะอาจารย์ Irish ที่พวกหนูเห็นความตั้งใจและความพยายามได้ชัดที่สุดเพราะได้อยู่กลุ่มเดียวกัน เธอไม่เพียงแต่จะพยายามร้องให้ได้แต่เธอพยายามถามความหมายของคำต่างๆ มีการทำสัญลักษณ์ต่างๆเพื่อให้ร้องออกมาได้ชัดเจนที่สุดซึ่งเป็นอะไรที่น่าประทับใจและเป็นการปิดท้ายที่ดีและมีความสุขมากๆสำหรับตัวหนู
ในวันต่อมาเป็นวันที่ได้เรียนรู้ทักษะภูมิปัญญาทั้งการทำขนมจีนเส้นสดที่ไม่เคยได้เห็นและไม่เคยได้ทาน ได้รู้ว่าแกงเคยไม่ใช่แกงกะทิซึ่งเข้าใจผิดมาโดยตลอด รวมไปถึงการได้ลองทำกระเป๋าผ้ามัดย้อมจากสีที่ได้จากใบหูกวางได้เป็นผลงานของตัวเองกลับบ้านมา1ใบและคาดว่าน่าจะได้ใช้จริงอย่างแน่นอน การทำสาคูต้นที่เคยได้ยินชื่อมาแสนนานแต่เพิ่งเคยได้เห็นต้นสาคูและได้ลองกินสาคูจากต้นแท้ๆเป็นครั้งแรกในวัย18ปี ทำให้เห็นได้ว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังต้องลองทำในชีวิตบางสิ่งที่เคยได้ยิน ได้เห็นมาบ่อยๆแต่หากไม่ได้ลองทำไม่ลองเข้าถึงมันเราก็แทบไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เคยเห็นหรือเคยได้ยินนั้นมันจริงอย่างที่เคยเข้าใจหรือไม่ และต่อมาที่หนูอยากกล่าวถึงคือกิจกรรมที่เป็นเป้าหมายแรกของหนูในการมาค่ายในครั้งนี้คือการขึ้นเขาอกทะลุ 1,066ขั้น ถือได้ว่าได้ขึ้นอย่างสมใจ ถึงแม้จะเหนื่อยมากและหยุดพักแทบทุกจุดที่มีให้พักแต่สุดท้ายก็ได้ขึ้นไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกได้ถ่ายรูปอวดตัวเองได้อีกหลายปีอย่างที่อาจารย์นกได้พูดไว้ trip นี้จึงเป็น trip ที่คุ้มแสนคุ้มเพราะได้ทำทั้งสิ่งที่ตั้งใจมาทำตั้งแต่แรก ได้กำไรจากกิจกรรมต่างๆที่มีทั้งความรู้และความสนุกสนาน ได้ท้าทายตัวเองไปอีกขั้น ได้เรียนรู้ที่จะอดทนและพยายามไปให้ถึงเป้าหมายของตัวเองแต่ก็ไม่ลืมที่จะเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆระหว่างทางเพราะทุกอย่างคือกำไรที่เราจะได้รับจากการทำกิจกรรมและการเดินทางไปยังที่ใหม่ๆไว้เก็บเป็นที่ระลึกและเป็นความทรงจำให้กับตัวเองว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้ผ่านอะไรแบบนี้มาแล้วนะ การเขียนในครั้งนี้อาจจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาวและดูเหมือนเป็นการบันทึกเรื่องราวถึงตัวหนูเองมากกว่าการเขียนงานส่งอาจารย์ แต่ทุกอย่างที่ได้เขียนลงไปนั้นล้วนเกิดจากความตั้งใจและเป็นความจริงทั้งสิ้นเพื่อบันทึกแง่มุมของหนูที่มีต่อค่ายนี้ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณอาจารย์และทีมงานทุกๆท่านที่มีส่วนในการช่วยจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นอย่างมาก หากมีโอกาสหนูก็ยังคงอยากเข้าร่วมกิจกรรมและอยากให้มีกิจกรรมดีๆแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆและหนูยังคงหวังว่าอาจารย์จะจัดค่ายหรือกิจกรรมที่มีความ Adventure มาล่อใจหนูอีกในอนาคตนะคะ

Eng. Camp 2020 Reflection: Snook

 

ค่าย English camp IRO 2020 เป็นค่ายนอกสถานที่ ซึ่งจัดที่จังหวัดพัทลุง
เป็นระยะเวลา 2 วัน 1 คืน ผมที่ได้เข้าร่วมค่ายนี้ รู้สึกประทับใจมาก โดยผมจะบอกเล่าประสบการณ์หรือ
กิจกรรมในแต่ละวันดังนี้

   วันแรก ผมจะยกตัวอย่างกิจกรรมบางกิจกรรมนะครับ เช่น กิจกรรมการเเนะนำตัวของแต่ละคน และมีการสุ่มหยิบตัวอักษรเพื่อนำมาคิดเป็นคำหรือประโยคที่เกี่ยวกับตนเองโดยใช้ตัวอักษรที่สุ่มได้นำมาขึ้นต้นคำหรือประโยคนั้น กิจกรรมนี้ทำให้ได้รู้จักเพื่อนๆเพิ่มมากขึ้นทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ ,กิจกรรมกลุ่มเกี่ยวกับการคิดคำจากตัวอักษรที่สุ่มได้โดยจับคู่เป็นสองคน กลุ่มไหนสมาชิกออกไปคิดคำได้ครบก่อนก็จะชนะไป เป็นต้น และอีกกิจกรรมที่ทำให้สนิทกับเพื่อนๆมากขึ้นคือกิจกรรมที่อาจารย์จะให้จับคู่กับเพื่อนแล้วแต่งประโยคคุยกันตามหัวข้อที่อาจารย์บอก ซึ่งกิจกรรมนี้ได้ผลจริงๆ

กิจกรรมที่เพื่อนๆรอคอยกันมากที่สุดคือกิจกรรม TSU Iron Chef  เป็นกิจกรรมที่ให้แต่ละกลุ่มบริหารเงินที่อาจารย์ให้มาคำนวณซื้อของมาทำอาหาร กิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผมชอบเช่นกัน เพราะผมชื่นชอบ"การกิน" เป็นการส่วนตัว😂 

    วันที่สอง เป็นวันสุดท้ายของค่าย ตอนเช้าจะมีการทำขนมจีนเส้นสด ซึ่งอร่อยมากครับ จากนั้นก็ไปขึ้นเขาอกทะลุ มีบันได 1,066 ขั้น ผมเป็น1ใน 3 คนที่ขึ้นไปถึงกลุ่มแรก เป็นอะไรที่ท้าทายและรู้สึกสดชื่นเมื่อขึ้นไปถึงขั้นที่1,066 และในขณะเดียวกัน ผมก็รู้สึกเหมือนลอยอยู่บนพื้น 




เพราะขาชาจากความเหนื่อยล้า 5555 หลังจากนั้นก็จะเเวะตลาดป่าไผ่ สวรรค์ของผมเพราะมีบางอย่างที่อร่อยมากขายที่นั่น มันคือ เนื้อโคขุนย่าง เป็นอาหารอีกอย่างที่ผมชื่นชอบอย่างมาก เเละรู้สึกดีที่ได้ทานหลังจากลงเขาอีกกิจกรรมคือกิจกรรมย้อมกระเป๋าผ้าและทำขนมหวานจากสาคู
ผมนั้นไม่ค่อยชอบของหวานซักเท่าไหร่แต่สาคูนี้ผมสามารถทานได้เพราะไม่หวานมาก อร่อยดี😂😂
    
กิจกรรมนี้ทำให้ผมพัฒนาความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ ทักษะการสื่อสาร การเข้าสังคม และได้สัมผัสความอร่อยที่แปลกใหม่ของอาหารต่างๆ เป็นกิจกรรมที่ผมประทับใจและอยากมีให้จัดกิจกรรมดีๆแบบนี้อีก ขอบคุณอาจารย์ดิญะพร ที่ชวนผมให้เข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้ อนาคตถ้ามีโอกาส ผมก็อยากจะเข้าร่วมอีกครับ^^

Reporter: Snook, Ed. Eng. freshman

Eng.Camp 2020 reflection: Angkana

 


27-28 Nov.2020

อย่างแรกเลยหนูขอบคุณอาจารย์ที่ได้บอกหนูไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับCamp English และมีการผจญภัยสักอย่าง จึงทำให้หนูกับเพื่อนๆเกิดสนใจเป็นอย่างมาก

 หลังจากวันนั้นหนูก็ได้เก็บค่ายนี้มาพิจารณา สรุปว่าวันจัดค่ายตรงกับวันปิดเทอมพอดี และวันแรกที่หนูได้เห็นประกาศรับสมัครในเพจ หนูเลยตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรม "English Camp IRO 2020" นี้ หนูกับเพื่อนไม่คิดที่จะลังเลเลย เพราะค่ายนี้เป็นค่ายที่ได้ออกไปทำกิจกรรมนอกสถานที่ คือจังหวัดพัทลุง มีการไปปีนเขาต่างๆ ซึ่งทำให้หนูรู้สึกว่ามันท้าทายกับตัวเองมาก และได้ออกไปเปิดโลกใหม่ๆให้กับตัวเอง 

นอกจากนี้ยังได้เสริมทักษะความรู้ภาษาอังกฤษในการทำกิจกรรมในฐานอีกด้วย วันแรกที่ได้ไปค่ายหนูรู้สึกตื่นเต้นมากกับการทำกิจกรรม และการที่เจอเพื่อนใหม่ หนูก็รู้สึกกังวลด้วยนิดนึง หนูไม่กล้าที่จะแสดงออก หรือทำความรู้จักกับคนอื่นๆ เพราะเพื่อนๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคณะเดียวกันหมด แต่พอจริงๆแล้วมันกับตรงกันข้าม เพราะเพื่อนๆ มีพี่ๆ ที่น่ารัก เป็นกันเองมากๆ มีอะไรก็ช่วยเหลือกันตลอด ทุกคนคือเฟรนลี่มาก มีกิจกรรมหนึ่งของอาจารย์ sterling ที่ให้สนทนากับเพื่อนๆเป็นคู่ๆ เปลี่ยนกันไปมา กิจกรรมนี้ทำให้หนูและเพื่อนๆ พี่ๆ ได้สนิทกันมากขึ้น ถึงแม้ว่าskill การพูดไม่ค่อยเป๊ะ แต่ต่างคนก็ช่วยกันจนเกิดความเข้าใจในที่สุด  หนูก็ชอบกิจกรรม IRON CHEF ที่เป็นกิจกรรมการทำอาหาร แล้วแต่ว่าจะทำอะไร โดยแต่ละกลุ่มก็จะcreative แตกต่างกันออกไปซึ่งกลุ่มหนูทำผัดไส้กรอก ต้มยำกุ้ง หนูลุ้นมากว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นยังไง เพราะที่ชิมกันในกลุ่มคือมันค่อนข้างที่จะเค็มมาก แต่สุดท้ายกลุ่มหนูก็มีความพยายามมากที่จะทำให้อาหารออกมามีรสชาติดีที่สุด และหนูก็ไม่คิดว่ากลุ่มหนูจะเป็นกลุ่มที่ทำอาหารดีที่สุด กิจกรรมนี้หนูมีความสุขมากเพราะทุกคนในกลุ่มมีความเป็นกันเอง ได้แลกเปลี่ยนความคิดกันด้วยค่ะ 

ไม่เพียงเเต่กิจกรรมข้างต้นเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกที่อาจารย์ได้ตั้งโปรแกรมไว้ ทุกกิจกรรมทำให้หนูกับเพื่อนๆ พี่ๆได้รู้จักกันมากขึ้นโดยอัตโนมัติ   นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้วิธีการทำขนมจีนเส้นสด น้ำยาโบราณ นี่เป็นความรู้ใหม่ของหนูที่ได้รู้จักขั้นตอนการทำอย่างละเอียดว่ากว่าจะได้กินนั้น คือนานมาก ไหนจะนวดแป้ง ต้มแป้ง ทำเป็นเส้นๆอีก ทั้งยังมีน้ำยาขนมจีนที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ถือว่าอร่อยมากๆค่ะ หลังจากนั้นหนูก็ได้ไปพิชิตเขาอกทะลุ1066ขั้น ตอนแรกหนูก็ไม่คิดว่าจะขึ้นไปถึง เพราะระหว่างทางที่เดินขึ้นไปนั้นเสี่ยงมากต่อหัวใจ เพราะมันเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายแล้วหนูดีใจมากๆที่ตนเองมีความอดทน พยายามที่ได้ทำสำเร็จ แล้ววิวข้างบนนั้นก็คุ้มค่ามากจริงๆค่ะ 

และพวกเราก็ได้หยุดรถไปเดินที่ตลาดไผ่ ที่นั่นเป็นเอกลักษณ์มากๆ มีบรรยากาศธรรมชาติของต้นไผ่100% มีอาหาร ขนมหวานต่างๆให้ได้ซื้อกัน และมีอีกอย่างนึงที่แปลกคือที่นั่นจะไม่มีถังขยะเพราะต้องรักษาความสะอาดเพื่อให้ตลาดไผ่ดูสวยงามยิ่งขึ้น แต่ก็สามารถไปฝากขยะได้กับแม่ค้าทุกร้านได้ สุดท้ายอาจารย์พาพวกเราไปเรียนรู้เกี่ยวกับกระเป๋าผ้ามัดย้อม และการทำขนมสาคู หนูได้เรียนรู้ความเป็นมาต่างๆของสาคูต้น วิธีการทำ และนำมาประกอบเป็นขนมหวานที่เเสนจะอร่อย และได้รู้ความเป็นมาของชาวบ้านที่ได้จัดกลุ่ม ตัวแทน ช่วยกันผลิต ส่งออกสินค้าภายในจังหวัดเพื่อทำรายได้ให้กับในจังหวัดจะได้มีสินค้าOTOP 

จากที่หนูได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้หนูดีใจ และมีความสุขมากๆ ที่อาจารย์ได้จัดกิจกรรมครั้งนี้ขึ้น เพราะหนูได้ความรู้ ได้ทักษะ ได้ประสบการณ์ใหม่มากมาย คือ ได้ความรู้ภาษาอังกฤษในฐานกิจกรรมที่อาจารย์ได้จัดเตรียมไว้ ได้ใช้ทักษะต่างๆในการทำกิจกรรม เช่น ความกล้าแสดงออก การมีไหวพริบ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การมีน้ำใจหรือการแบ่งปันต่อกัน  

ในการทำกิจกรรมทุกคนมีความสามัคคีกันมากซึ่งเห็นได้ชัดจากการทำกิจกรรมแบบกลุ่ม การที่หนูได้เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ทำให้หนูได้สร้างมิตรภาพที่ดีโดยการทำความรู้จักกันมากขึ้น ได้มีเพื่อนใหม่ๆเข้ามามากขึ้น ทุกคนก็ทำกิจกรรมกันอย่างมีความสุข และหนูจะนำประสบการณ์ที่ได้ทั้งหมดนี้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมได้อย่างแน่นอนค่ะ หนูขอขอบคุณอาจารย์ทุกคนที่ได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้น และเพื่อนๆในค่ายทุกคนที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ถ้าไม่มีอาจารย์ พี่ๆ และเพื่อนๆกิจกรรมนี้คงไม่เกิด สุดท้ายนี้หนูหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการจัดค่ายสนุกๆ นอกสถานที่แบบนี้ขึ้นอีกค่ะ

  
Reporter:    นางสาวอังคณา, Eng.- Chinese Major freshman 
                                                
                                                           

Eng. Camp 2020 reflection: Arina

   เนื่องจากค่ายนี้เป็นค่ายที่จัดนอกสถานที่และเป็นค่ายแรกของหนูในรั้วมหาวิทยาลัย รู้สึกตื่นเต้นมากๆก่อนที่จะได้ไปค่าย 

ในวันแรกของการทำกิจกรรมก็ได้ทำความรู้จักกัน เนื่องจากหนูและเพื่อนในคณะเราไปแบบไม่รู้จักใครเลย แต่เพื่อนๆในค่ายดีมากๆคอยช่วยเหลือหนูตลอดในระหว่างทำกิจกรรม 

       กิจกรรมที่ทำในช่วงวันแรกค่อนข้างที่จะเยอะหน่อย แต่ก็สนุกไปอีกแบบ กิจกรรมที่หนูชื่นชอบมากๆเลยก็คือการได้ทำอาหาร แบ่งกลุ่มกันไปซื้อของโดยจะมีงบที่จำกัดแค่ 400 บาท เราต้องช่วยกันวางแผนในทีมว่าจะทำเมนูอะไร จะซื้อของอะไรบ้าง โดยกลุ่มของหนูส่วนใหญ่เราเป็นมุสลิมกันค่อนข้างที่จะลำบากนิดหน่อยในการซื้อของ แต่เราก็สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆมาได้ ในตอนทำอาหารกลุ่มของหนูแก๊สรั่วบ้างต้องรอกลุ่มอื่นทำให้เสร็จก่อน หรือต้องเปลี่ยนมาใช้กระทะไฟฟ้า และในการทำอาหารเมนูผัดไส้กรอกค่อนข้างที่จะเกิดข้อผิดพลาดนิดหน่อยเพระาว่ารสชาติตอนช่วงเเรกๆมันค่อนข้างที่จะเค็มไปหน่อยแต่กลุ่มหนูก็สามารถแก้ปัญหานี้และสามารถคว้าชัยมาได้ค่ะ จากกิจกรรมการทำอาหารเป็นทีมในครั้งนี้ทำให้หนูและเพื่อนใหม่ได้รู้จักกันได้พูดคุยได้สนิทกันมากขึ้น 

และสิ่งที่หนูตื่นเต้นอีกอย่างในวันแรกก็คือตอนอยู่บนรถบัสได้มีโอกาสพูดคุยกับรุ่นพี่เป็นภาษาจีน รุ่นพี่ก็คือพี่ชินจัง เป็นรุ่นพี่ที่มาจากประเทศจีน พี่เค้าได้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพูดภาษาจีน และยังให้หนูไปเป็นแขกรับเชิญพิเศษร่วมร้องเพลงภาษาจีนกับพี่เค้าด้วย รู้สึกตื่นเต้นมากๆค่ะในตอนร้องแต่พอมองดูเพื่อนๆ เห็นเพื่อนๆปรบมือมีเสียงหัวเราะและร่วมร้องไปพร้อมๆหนูก็รู้สึกผ่อนคลายเเละสนุกไปกับมันมากๆค่ะ และยังมีกิจกรรมที่ได้สอน teacher ร้องเพลงเป็นภาษาไทยอีกด้วย สนุกมากๆค่ะ 

        ในวันที่สองของการไปค่าย ก็ได้ไปขึ้นเขาอกทะลุ เป็นเขาที่มีบันไดถึง 1066ขั้น ในระหว่างการขึ้นเขาหนูและเพื่อนๆหลายคนหยุดพักกันหลายรอบมากเนื่องจากระยะทางมันค่อนข้างที่จะสูง เดินไปนิดหน่อยก็ต้องหยุดพัก แต่ด้วยความที่อยากไปให้ถึงจุดหมายก็พยายามฮึดสู้จนในที่สุดก็สามรถพิชิตเขา1066ขั้นได้ค่ะ จากกิจกรรมนี้ทำให้หนูได้ข้อคิดหลายๆอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเราต้องอดทนจากสิ่งที่เหนื่อยยล้า สามารถฝ่าฝันอุปสรรคจากสิ่งที่ลำบากจนสามารถประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการได้ และยังมีกิจกรรมหลายๆอย่างที่สนุกและได้รับความรู้ อย่างเช่น การทำกระเป๋าผ้ามัดย้อม หรือแม้กระทั่งการทำสาคู พอได้ไปเรียนรู้ในสิ่งเหล่านี้ทำให้หนูฉุกคิดได้ว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ค่อนข้างที่จะยากและควรที่จะอนุรักษ์ไว้

           จากการไปค่ายนี้มาทำให้หนูได้อะไรกลับมาหลายๆอย่างเลยค่ะ สิ่งที่สำคัญมากๆเลยก็คือหนูได้มิตรภาพกลับมา ได้รู้จักรุ่นพี่ ได้รู้จักเพื่อนๆเพิ่มขึ้น จากการอยู่ในค่ายแค่สองวันแต่เพื่อน ๆ ดีกับหนูมากๆ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีเสียงหัวเราะด้วยกัน ได้ใช้ภาษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน ขอบคุณกิจกรรมดีๆแบบนี้ หวังว่าครั้งหน้าจะมีค่ายดีๆแบบนี้อีกนะคะ 
                                         
Reporter: อารีน่า วิชาเอกภาษาอังกฤษและภาษาจีน

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

พิชิต "เขา": Keep walking

 



"เขา" รอพวกเราชาว English Camp IRO 2020 มาพิชิต บันไดแค่ 1,066 ขั้น เป็นเรื่องจิ๊บๆ (เหรอ?) ของพวกเรา
"เขา" คงเสียใจหากไม่ได้เจอพวกเรา ฝนตกเกือบทำให้พวกเราไม่ได้มาเจอกัน
สภาพฝนตกหนักอาทิตย์ที่ผ่านมา หวั่นๆว่าคงต้องยกยอดไว้ไปค่ายคราวหน้า ซึ่งคิดไว้ว่าคงไม่จัดค่ายช่วงหน้าฝนอีกแล้ว เพราะกิจกรรมอาจจะต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเป็นรอบที่ 10 🙂
Build อารมณ์นิสิตไว้เยอะว่านี่คือ highlight ของการมาเที่ยวพัทลุง เขาอกทะลุถือเป็น landmark และยังปรากฎภาพเขาอกทะลุและเจดีย์บนยอดเขาอยู่ในตราสัญลักษณ์ของจังหวัด มันต้องไปพิชิตกันใช่ไหม
ว่าแล้วก็ซ้อมเดินแถวบ้านยามเย็นอยู่หลายวัน 🙂



เขาอกทะลุยังน่าหลงใหล ยังทำให้ต้องคิดบวกตลอดทาง "ต้องถึง ๆ " ท่องเอาไว้ๆ บันไดชันๆ ลื่น ๆ ฝึกความอดทนและระมัดระวัง



จากขาสั้นๆ ก้าวไปเรื่อยๆ ก็ถึงนะ แต่ขอพักทุกจุดพัก หยุดคุยกันสักหน่อย พวกเราก็เกาะกลุ่มเดินกันไปจนถึง
We are the champion! ปีนเขา 1066 ขั้น ครั้งนี้ อวดไปได้อีก 10 ปี ก่อนหาเขาลูกใหม่ไว้พิชิตกันต่อปีหน้า 🙂
Keep walking! แม้จะเปลี่ยนจากคน "ขาสั้น" เป็น "ขาสั่น" ไปเรียบร้อยแล้ว

Sat. 28 Nov.2020

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ไอติมสงขลาน่าลอง



ไอศกรีม ของชอบของคน(แทบ)ทุกวัย แต่จะกินให้อร่อยต้องกินกับเพื่อนรู้ใจ 






-ร้านไอศกรีมสงขลามีหลายร้านให้เลือก เก่าสุดและเป็นตำนานคือ "ไอศกรีมไข่แข็งไอยิว" ถนนนางงาม (จนป่านนี้เราก็ยังจำชื่อร้านที่เป็นภาษาจีนไม่ได้ จำๆลืมๆ ฮ่าๆ) ร้านนี้ขายกันมา 3 รุ่น ร่วม 90 ปี ประโยคที่เป็นที่เลื่องลือของคุณยายคนขาย คือประโยคเรท R  "ไข่แข็งมั๊ย?" นอกจากไข่แดงที่ตอกใส่ไอติมแล้ว ที่ร้านก็มีไข่ขาวนึ่ง ถุง 10 B. ขายกินคู่กับไอติมด้วย มันอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะฉะนั้นใครไปร้านนี้ นอกจาก "ไข่แดง" แล้ว ก็ต้องลองสั่ง "ไข่ขาว" มาลองด้วยนะ (ถ้วยเล็ก 20 / ถ้วยใหญ่ 25 B.)



- ร้านไอติมกะทิไพจิตร หน้าวัดแจ้ง ร้านนี้ขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ คนที่กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จแล้วมักตามด้วยการสั่งไอติมต่อ ไอติมกะทิรสดี (โดยไม่ต้องเติม"รสดี":) แนะนำให้ไปลอง 





- Singora Ice Cream ถนนนครนอก ร้านนี้ขายไอติม homemade ราคาแพงสุด ในบรรดา 2 ร้านข้างต้น ถ้วยนึง 69 B. แต่บรรยากาศดีสุดในการกินไอติมแบบฟินๆ และได้รูปสวยๆประดับ FB :) ร้านนี้เจ้าของผู้หญิงซึ่งเป็นคนทำไอติม ดูเป็นมิตร และคุยกับลูกค้าอย่างทั่วถึง มีการส่งลูกค้าที่หน้าร้านด้วย (หากคนไม่เยอะ) ขอแนะนำไอติมใส่ข้าวเหนียวดำ (น่าแปลกที่ร้านไอติมอื่นๆไม่เคยใส่สิ่งนี้ ในย่านนี้จะใส่ถั่วเขียว ข้าวเหนียว ลูกเดือย ลูกชิด (ภาษาใต้เรียกลูกจากนะ) 


จะร้านไหนก็อร่อยหมดแหละเนอะ ถ้ากินไป คุยไป และหัวเราะไป Ho Ho Ha Ha Ha :)))

My piggy bank collection


 ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เราเริ่มซื้อกระปุกออมสิน เวลาเห็นรูปหมูอ้วนๆ หรือกระปุกออมสินอ้วนๆ มันเหมือนเป็นสิ่งดึงดูดเราให้เข้าหา เราว่ามันหน้าตาน่ารัก เพื่อให้เด็กๆอยากสะสมแน่ๆเลย 

กระปุกออมสินข้างต้น มีราคาแค่ 10 บาท! 

10 บาท! (ตะโกนทำไม)

มันถูกมากๆ และรูปลักษณ์ดูเป็นหมูเมืองนอก แถมเขียนยั่วๆ ว่า Billionaire Savings กระปุกสำหรับเศรษฐีพันล้าน ! เราเจอมันที่ตลาดนัดวันอาทิตย์หน้ารร.วรนารีเฉลิม

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

๋Jack Ma: As we know

 



"We appreciate yesterday, but we’re looking for a better tomorrow.”
 – Jack Ma


Jack Ma บุคคลสำคัญระดับโลกที่เขย่าวงการขายออนไลน์ alibaba ทำให้สังคมจีนเป็นสังคม cashless 

และนำแนวคิดด้านธุรกิจใหม่ๆมาให้โลกรู้จัก 

เราได้เริ่มอ่านหนังสือของเขา (ฉบับภาษาอังกฤษ) จากตอนเรียนอบรมผู้บริหารของมหาวิทยาลัยรุ่นแรก

การต้องอ่านเพื่อเอามา discussion ในการอบรม ทำให้ได้อ่านแบบลึกๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคิดได้อย่างน่าทึ่ง 


โดยเฉพาะเมื่อดูคลิปที่เขาพูดถึงการถูกปฏิเสธ (rejected) ไม่ว่าจะเป็นการสมัครเข้าทำงานที่ KFC การสมัครตำรวจ หรือการสมัครเข้าเรียนที่ Harvard จำนวนการถูกปฏิเสธของเขาไม่ใช่แค่ 1 ครั้ง แต่เป็น 10 ๆ ครั้ง! ตอนเล่าเรื่องสมัครเข้า Harvard พิธีกรบอกว่าตอนนี้ Harvard คงแทบต้องขอให้เค้าไปเป็นอาจารย์สอน 55 

เขาเล่าอย่างหน้าตายิ้มแย้ม และติดตลก ทำให้รู้ว่าชีวิตของเขาไม่หยุดอยู่แค่การล้มลงเมื่อถูกปฏิเสธ แต่เขากลับพยายาม และผงาดขึ้นมาได้ จนเรียกว่าทั่วโลกรู้จักไปทั่ว สุดยอดมากๆ 

หนังสือของ Jack Ma ยังออกมาอีกหลายเล่ม ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยหลายเล่มมาก เล่มนี้เราเห็นที่ร้าน Singora Ice Cream (เราว่าร้านกาแฟ หรือร้านต่างๆ จะมีบรรยากาศชิลล์มากขึ้น หากตั้งหนังสือที่เจ้าของร้านซื้อมาอ่านเอาไว้ หรือหนังสือที่คิดว่าลูกค้าน่าจะสนใจหยิบมาอ่าน มันช่วยฆ่าเวลาระหว่างรออาหาร เครื่องดื่มได้ดีนะ) ลูกค้าเดี๋ยวนี้อาจจะไถโทรศัพท์ไปมา แต่เราว่าก็จะยังมีลูกค้าที่อยากพลิกหนังสือไปมา ด้วยเหมือนกัน


Sun. 15 Nov. 2020 @ Singora Ice Cream with โอ๋ (ไอติมค่อนข้างแพง ถ้วยละ 69 บ. หากใช้ DTAC และซื้อครบ 150 บ. ได้ลด 10%) 

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Online Meeting & new good intl friends

 ค่ำนี้ได้เปิดฟัง Coming of Age Podcast ซึ่งมีทั้งหมด 23 ตอนแล้ว เราไล่ๆดูว่าอยากฟังของใครก่อน ดูจนหมด list  คิดว่าเริ่มจาก"นิ้วกลม" น่าจะดี


เราได้ยินคำว่า coming of age เมื่อปริญญาตรี ตอนเรียนวิชาการอ่าน / วรรณคดี ให้แปลเป็นไทย เรานึกถึงคำสวยๆไม่ออก สำหรับเรามันหมายความประมาณว่า "การพ้นจากความไม่รู้ของช่วงหนึ่ง เข้าสู่การเรียนรู้ชีวิต" เช่นสมมติว่า บางคนพ่อแม่เสียชีวิต ก็จะ coming of age ตื่นจากการเป็นลูกที่เอาแต่ใจ ได้ทุกอย่าง มาคิดได้ว่าต้องช่วยเหลือตนเอง 

หรือจากการอกหักจากความรัก ก็จะ coming of age ว่าต้องดูแลตนเอง เราไม่ได้เป็นศูนย์กลางจักรวาล ประมาณนี้ 

ชื่อ podcast ทำให้เราสนใจ นอกเหนือจากที่เคยฟัง "คำนี้ดี" (ฮิตในในเรา) " R U OK" ซึ่งฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ช่วงเวลาฟัง podcast ของเราคือช่วงซักผ้าด้วยมือ เราว่ามันเพลินดี มือขยี้ หูฟัง (ผ้าสะอาดไหม อันนี้อย่าถาม ไม่เน้นเรื่องนี้ อิๆ เน้นสาระว่างานเสร็จ 2 อย่าง ทั้งได้ผ้าสะอาดๆ และหูรับความรู้:) 

ต่อ-- พูดถึง podcast นิ้วกลม เรื่องนี้ เขาพูดได้น่าสนใจว่าเขามีความสุขกับการทำงาน เพราะงานทำให้เขาได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง และทำให้ตนเองสดใส อยากรู้อยากเห็น 

คิดเหมือนกันเลย! 

ปุจฉา: หากถามว่าทำไมเราชอบไปทำงานเสาร์ อาทิตย์ หรือไม่เบื่อกับการทำงาน 

วิสัจนา: เราสนุกกับการทำให้งานเดินหน้า และ event ที่ตั้งใจจะทำเสร็จสิ้นไปด้วยดี มันเป็นความภูมิใจในแต่ละครั้ง และเมื่อโตขึ้นเรื่อยๆ ทำงานไปเรื่อยๆ เมื่อมีงานใหม่ๆเข้ามา ความรู้สึกท้าทายจะเกิดขึ้นใหม่ทุกครั้ง เราคิดว่าเราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ และได้เพื่อนใหม่ๆจากการทำงานขึ้นเรื่อยๆ

ยกตัวอย่าง...

E-Cultural Exchange Program ที่เราคิดทำร่วมกับ UNIMAS, Atma Jaya U., Soutsaka College ซึ่งเป็นกิจกรรมจัดให้นิสิตทั้ง 4 ประเทศได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมผ่าน Google Meet ก่อนจะจัดจริงวันที่ 22/12/63 เรานัดประชุม 2 ครั้งแล้ว ทุกคนที่ร่วมประชุมใจดี และบรรยากาศเป็นไปด้วยความเป็นมิตร รับฟังซึ่งกันและกัน ทุกคนมุ่งให้เกิดงานที่ดีเพื่อนิสิตและเพื่อกิจกรรมต่างประเทศที่จะเกิดร่วมกัน

ทั้ง Malia, N'Bouala, Luisiana (dean), Andre & Raxel ( IRO officers) ทำให้การร่วมงาน การเตรียมการข้ามประเทศเป็นไปอย่างดี 

ตอนนี้เราชินๆกับการประชุมออนไลน์ และ run การประชุมเอง (จนถึงวันนี้ เรา run มา 3 ครั้งแล้ว กับ

- กิจกรรม TEEN TALK ( 12 Nov.2020 เพื่อเตรียม series 6: Women Equality) 

- กิจกรรม E-Cultural Exchange Program ( Sep. & 16 Nov.2020) 

เวลาเราดำเนินการประชุมเอง ภูมิใจมาก ที่เสร็จเร็วภายใน 1 hr. และวันนี้แค่ 30 mins  เราว่าเมื่อสาระงานเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปทำงานอื่นต่อ ทำงานกับต่างชาติดีตรงนี้ เราพบว่ามันไม่ยืดยาด 

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Hackathon VS Marathon

  Hackathon  VS Marathon? 

เห็นคำว่า hackathon แบบผ่าน ๆ มาพักใหญ่ ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก คิดแค่ว่า อู้หู ใครจะทำอะไรได้นานขนาดนั้นเนี่ย ที่เคยได้ยินมา มีการเต้นไม่หยุด ที่ Penn State U. เพื่อเอาเงินไปทำการกุศล หรือการดูหนังยาวๆไป ใครหลับก่อนแพ้  

ได้ยินอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน จากเอกสารที่ส่งมางานวิเทศสัมพันธ์ ว่ากระทรวงศึกษาของอินเดีย จัดงาน Hackathon เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ใน ASEAN + อินเดีย ได้มาร่วมมือกันหาแนวทางแก้ปัญหาในอาเซียนอย่างสร้างสรรค์ โดยรับสมัครนิสิตแต่ละประเทศ จำนวน 30 คน + ที่ปรึกษา 10 คน 

เราใจเต้นแรง ความรู้สึกนี้มักจะมาทันทีที่เราเห็นการแข่งขันหรือการทำงานที่เราสนใจ และเอาตัวเองไปร่วมได้ ได้เวลาทำสิ่งท้าทายรับปีหน้า 2564 แล้ว ! 

ชีวิตต้องมีอะไรท้าทายใช่ไหม ตอบเลยว่า "ใช่" 55 

ปี 2563 สิ่งท้าทายของเราคือการทำหน้าที่ใหม่ "หัวหน้างานวิเทศสัมพันธ์ ( International Relations Office, TSU) ซึ่งต้องคิดงานใหม่ และประสานงานกับต่างชาติ ประชุมออนไลน์กับมาเลเซีย อินโดนีเซีย อยู่แทบทุกเดือน ตั้งแต่มาทำตำแหน่งนี้เมื่อ 10/8/63 

และเพราะตำแหน่งนี้ ทำให้เราเห็นประกาศเกี่ยวกับต่างประเทศที่ส่งมาที่มหาลัยก่อนใคร 

เราหานิสิตเข้าร่วมและได้ฟาติน + ฟานี (นิสิตเอกอังกฤษ ปี 4) ที่ตอบรับในทันที 

เมื่อโทรกลับไปสอบถาม ศป.อว ว่าคัดเลือก mentor ยังไง จนท.บอกว่าต้องดูว่ามีคนสมัครกี่คน หากมีหลายคนคงจะสัมภาษณ์ (เหมือนกับน้องเขาไม่แน่ใจว่าจะมีคนสมัครไหม แต่เราว่ามัน challenge มากเลยนะ และก็อินเตอร์มากๆด้วย การเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในบรรยากาศกดดันแบบนั้น 36 ชม. ( 12 hrs. X 3 days = 36 hrs.) ช่างท้าทาย 


ไม่ว่าจะได้รับคัดเลือกหรือไม่ อย่างน้อยเราก็เอาตัวเราใส่ตะกร้า(ล้างน้ำ) เอ๊ย ม่ายช่าย เข้าไปข้องเกี่ยวกับมันแล้ว 55 

มี theme 8 เรื่องด้วยกัน แต่ที่เราสนใจคือ education + tourism เราว่าเรามีความรู้พอที่จะให้คำปรึกษาทีมนิสิตได้ ซึ่งนิสิตก็ยังต้องแยกประเทศกันทำงาน 1 ทีมจะมี 3-4 ประเทศอยู่ด้วยกัน ทำงาน คิดงานร่วมกัน และมี 2 mentors  

งานนี้ทำให้เรานึกถึงการเป็นผู้ประสานงานกองถ่ายหนังต่างประเทศ ที่เราต้องสมัครก่อนและผ่านการสัมภาษณ์ถึงจะได้ทำ จนตอนนี้เราก็ยังโม้อยู่ว่า "ครั้งหนึ่งเคยทำงานกองถ่ายหนังต่างประเทศและเคยเดินบนพรมแดง" อิๆ 

----------

Hackathon / Marathon มีความเหมือนกันตรงการใช้เวลานานกับการทำกิจกรรม/การแข่งขัน

Marathon = 42 km.

Hackathon ครั้งนี้คือ 3 วัน ( 36 hrs.) 


วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เบื้องหลังงานผีๆ : Halloween Party 2020

 





ผีไทยน่ากลัวไม่แพ้ชาติใด :TSU Eng.major Halloween Party

Event สุดท้ายของเทอม 1/63 กว่าจะจัดงานวันนี้ได้ คิดกันมาหลายอย่าง

จัดที่ลานปู่เลียบ หน้าสุสาน ดีไหม เอาสักเที่ยงคืน !
(ไม่ต้องตกใจ ตัวเลือกนี้ตัดไปเพราะเป็นช่วงหน้าฝน จัดๆ เดี๋ยวไฟช๊อต อาจกลายเป็นผีจริง:)





 




งานนี้ตรงกับการเลือกชมรมของนิสิต(ถนนกิจกรรมตอนช่วงเย็น-ค่ำ) ทำให้นิสิตต้องแต่งตัวกันตั้งแต่เย็น และไปเข้าร่วมงานแบบผีๆ เป็น talk of the town เพราะไม่มีเวลาแต่งตัวแล้ว เพื่อนๆปี 1 มีงง "จะไปไหนกัน" แต่เอกอังกฤษ(ต้องมั่นใช่ไหม) I don't care ( จริงๆแล้ว คงแอบเขิน แต่ ณ นาทีนี้ต้องไม่แพ้เพื่อนผีๆที่มาร่วมงานคนอื่น และเราบอกแล้วว่าไม่แต่งเป็นผี ไม่เปลี่ยนรูป FB profile ไม่อนุญาตให้เข้างาน (แอบโหด แต่เรารู้ว่านิสิตจะทำ เพราะ build อารมณ์กันมาเป็นเดือนๆ หลังจากเรียนเรื่อง mystery and crime scene investigator (CSI)
ตอนแรกกะว่าจะให้นิสิต run งานเอง แต่เพราะพวกเขามีการบ้าน งานเยอะในช่วงท้ายๆของเทอม เราเลยจัดเอง โดยชวนเพื่อนร่วมงานผู้ใจดี ทำกิจกรรมพัฒนานิสิตร่วมกันบ่อยๆ หากขอแรง & เวลา ไม่เคยปฏิเสธ ขอบคุณ Irish, Erika, Sterling และแขกรับเชิญครอบครัวอเมริกัน 5 คน + Martyn เพื่อนออสเตรเลีย ก็มาสร้างบรรยากาศผีเทศในงาน



พิธีกรเอกของงาน Double Golf ที่เขียนบทและมาฝึกซ้อมก่อนงานจริง ถือเป็นการซ้อมการเป็นพิธีกรแบบโปรๆไปพลางๆ
------------
จัดงานนี้ยังไม่ตื่นเต้น ใจเต้นแรง เท่ากับตอนที่ใช้นิ้วมือแสกน แล้วไม่ผ่าน ประตูเปิดไม่ได้!
Oh, No! อย่าทำอย่างนี้ ไม่ได้จะนอนในตึกน๊า...
โชคดีที่ Irish ซึ่งนั่งรออยู่ข้างนอกมาแสกนเปิดประตูให้ โล่งไป!
Such a relief.
*ฝนตกวันลอยกระทงทุกปี และปีนี้ก็เช่นกัน บรรดาผีๆเลยไม่ได้ไปลอยกระทงขัน ( องค์การนิสิตขายกระทงขัน 39 บาท เพื่อหาเงินไปทำบุญโรงเรียนส่งเสริมปัญญา ห้าแยก)
ขอบคุณภาพสวยๆจากโจ (พี่เมทสนุ๊ก) ที่มาช่วยถ่ายรูปให้อย่างงงๆ เลยโดนจับแต่งผีด้วยซะเลย


Sat. 31/10/2020

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2563

When friendship begins: ห้องอาหารนกนางนวล

 ห้องอาหารนกนางนวล: When friendship begins (1) 

ความสัมพันธ์ของคนเราเริ่มได้หลายที่ อาจเป็นโรงเรียนเก่า ที่ทำงาน หรือในชุมชน หรือต่างแดน

เรื่อง"ห้องอาหารนกนางนวล" มิตรภาพเริ่มต้นจากการเป็นคนชาติเดียวกัน มาอยู่ในที่ต่างถิ่นฟินแลนด์ ดินแดนขึ้นชื่อเรื่องการศึกษาที่ดีเยี่ยม ผู้หญิง 3 คน บินมาไกลจากญี่ปุ่น เพื่อเริ่มต้นใหม่ สร้างความมั่นใจ(ใหม่)ให้ตนเองว่าจะสามารถอยู่ด้วยตนเองได้ 

"ซาจิเอะ" เจ้าของห้องอาหารนกนางนวล มีความคิดแบบคนรุ่นเก่าว่าหากร้านอาหารดี คนจะบอกต่อและมาเอง ถึงแม้ช่วงแรกๆจะมีแต่คนท้องถิ่นมาเมียงมองแต่ไม่เข้ามาในร้าน(สักที) เธอก็อดทนรอ 

ระหว่างที่รอ มิตรภาพก็มาเยี่ยมกราย โดย"มิโดริ" สาวญี่ปุ่นอีก 1 คน ทีี่ใช้วิธีประหลาด(แต่น่าลองทำดูสักครั้ง) ด้วยการจิ้มประเทศที่อยากมาเยือน และประเทศนั้นคือ "ฟินแลนด์"! 

เมื่อยามไกลบ้าน มิตรภาพก่อตัวได้ง่าย โดยเฉพาะยามเมื่อเจอคนชาติเดียวกัน ทั้ง 2 คนมีเพื่อนไว้คลายเหงา และไว้ปรึกษาหารือ มิโดริช่วยเติมเต็มความคิดสร้างสรรค์ให้กับซาจิเอะ ซึ่งยังคงความคิดเดิมๆ เห็นได้จากการบอกใ ห้เพื่อนลองทำข้าวปั้นแนวใหม่ที่ใส่ความเป็นท้องถิ่นลงไปในไส้ของข้าวปั้น ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องมีแต่ปลาแซลมอน สาหร่ายคอมบุ บ๊วยดอง เท่านั้น เธอบอกว่าน่าจะลองใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เช่นกุ้งเครย์ฟิช ครีมมายองเนสเพราะคนฟินแลนด์ชื่นชอบครีม) 

 นี่สินะที่เรียกว่า "เพื่อนกันควรมีส่วนผสมที่แตกต่าง" เธอนิสัยอย่างนั้น ชั้นชอบอย่างนี้ แต่เราก็เป็นเพื่อนที่ดียอมรับฟังกันได้ 

ทั้งสองคนไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป

ตัวละครตัวสุดท้าย "มาซาโกะ" เข้ามาช่วยเพิ่มบรรยากาศของร้านนกนางนวลให้ดูคึกคักขึ้น เมื่อกระเป๋าเดินทางไม่มาพร้อมกับสายการบิน ทำให้เธอต้องมาแกร่วรออยู่ที่ร้าน และได้มีเวลาพูดคุยกับทั้ง 2 สาว จนกลายเป็นเพื่อนกัน และช่วยงานในร้าน

ความน่ารักของเรื่องนี้คือการมองคนญี่ปุ่นจากสายตาชาวฟินแลนด์ ที่คิดว่าซาจิเอะ ซึ่งตัวเล็ก น่าจะยังเป็นแค่เด็กหญิง แล้วทำไมเด็กหญิงมาอยู่คนเดียวในร้าน มันได้เหรอ พวกเขาซุบซิบและมีคำถาม ห้องอาหารเลยมีชื่อว่า "ห้องอาหารเด็กน้อย"ในช่วงต้น 

ซาจิเอะ โชว์ความเล็กพริกขี้หนู ด้วยการจัดการกับโจรที่ต้องการปล้นร้านของเธอด้วยศิลปะป้องกันตัวที่ฝึกมาตั้งแต่เยาว์วัยถึงขั้นเป็น champ! 

เรื่องราว feel good จบลงที่มาซาโกะตัดสินใจอยู่ฟินแลนด์ต่อ 3 สาวเลยมีความสุขที่มีเพื่อนให้อุ่นใจและช่วยกันทำงาน สุขใดไหนเท่ามีเพื่อนดีๆใกล้ตัว 

---------------------------

 ห้องอาหารนกนางนวล: When friendship begins (2) 

มิตรภาพของฉันและเธอก็เริ่มจากเรื่องนี้เหมือนกันนะ เธอ บ.ก.คนใหม่ (ที่สถาปนาตัวเอง) ยื่นหนังสือเรื่องนี้มาให้ บอกให้เอาไปอ่านและ review! 

เพื่อนคงเห็นว่าเรางานน้อย หรือเห็นว่าเราดูเหมือนว่าง ทั้งที่เรามักเล่ากิจกรรมร้อยแปดพันเก้าที่ทำ แต่เพื่อนบ่ได้สนใจ เพิ่มงานให้ซะงั้น 

นั่นเลยเป็นที่มาของ"นกนางนอน"อย่างเราที่ต้องทำตามใจเพื่อน (เป็นเพื่อนที่ดีก็งี้:) 

5 วันเป๊ะ เราก็อ่านหนังสือเล่มนี้จบ เย้! พร้อมกับความรู้สึกว่าการเป็นเพื่อนบางทีก็คงต้องคล้อยตามกันไป (เหมือนหัวอ่อน อิๆ) 

-----------

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563

โลกกว้างของนกนางนวล

 

*หลังจากอ่านไปแค่ครึ่งทาง

เมื่อเพื่อนยื่นหนังสือ "ห้องอาหารนกนางนวล" พร้อมสั่งการบ้านอดีตบ.ก.(?) อย่างเรา ซึ่งโดนลดตำแหน่งมาเป็นสามัญชนคนธรรมดาตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฏ  เราก็เอานิยายเรื่องนี้ใส่กระเป๋าเดินทางระหว่างบ้าน-มาที่ทำงานแทบทุกวัน เป้าหมายคืออ่านให้จบภายใน 1 สัปดาห์! 




เห็นหน้าปกแล้วอดแปลกใจที่เพื่อน(ชาย) อ่านหนังสือแนวนี้ มันดูละมุนละไมแบบหนังสือที่ติ่งญี่ปุ่นวัยรุ่นผู้หญิงน่าจะอ่านกัน 

อ๊ะ...เราคงมองเพื่อนผิดไป เพราะเมื่อได้เปิดอ่าน มันกลับทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องนี้ชวนคิด และคิดตามไปกับกรอบสังคมของผู้หญิง โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น ที่ตัวละครในเรื่องใช้ชีวิตเรียบเรืี่อยไปวันๆ ตามที่สังคมกำหนด(ว่าดี) จนเมื่อพวกเธอลุกขึ้นมาปฏิวัติตนเอง ก้าวขาออกจากประเทศ(กรอบ)ที่ตนคุ้นเคย มายังที่แปลกใหม่ เรียกว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่เลยทีเดียว เพราะเธอไม่ได้ก้าวข้ามแค่ออกจากสังคมเดิม แต่ตัดสินใจมาอยู่ที่ใหม่ ที่ๆเธอต้องปรับตัวมากกว่าเดิม 

ซึ่งนั่นน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่นำความสุขมาให้พวกเธอ 

1 คน กล้าเปิดร้านอาหารในฟินแลนด์

1 คน กล้าที่จะจิ้มประเทศบนแผนที่และตัดสินใจที่จะไปยังประเทศนั้น ! (อยากกล้าทำแบบนั้นบ้างจัง) 

ภาพปกทำให้เรานึกถึงนกที่อิสระ มีเสรีภาพ บินไปตามใจฝัน พวกเธอก็น่าจะอยากเป็นแบบนั้น เพียงแค่ได้ทำตามฝัน หนทางข้างหน้าเป็นอย่างไร ก็ดำเนินกันไป เดี๋ยวมันก็ดีเอง เหมือนเพลงโปรดของเรา Something Good (วงนั่งเล่น) 

"Every day may not be good, but there is something good in every day."

เราว่าพวกเธอมีทัศนคติการมองโลกแบบนั้น 

ใครที่ได้อ่านเรื่องนี้จนจบ เราว่าน่าจะอยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากชีวิตน่าเบื่อ น่าจะเกิดแรงบันดาลใจยุบยิบในใจ เผลอๆ อาจจะมีคนคว้ากระเป๋าออกเดินทางกันเลยทีเดียว :) 

                                                                                                                        23 Oct.2020

 


วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ดวงดาวของฉันและเพื่อน





พุธนี้มีสอน 1 วิชา Basic Eng. for Daily Life และช่วงเย็นจัดงานปาร์ตี้เพื่อให้อาจารย์และนิสิตต่างชาติ*ในมหาลัยได้ทำความรู้จัก คุ้นหน้าคุ้นตากันไว้ งานอีกอย่างหนึ่งของเรานอกจากจะต้องหากิจกรรม ความร่วมมือกับต่างชาติ เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ/ วัฒนธรรมนานาชาติให้นิสิตแล้ว ก็ยังบวกรวมกับการดูแลอาจารย์/นิสิตต่างชาติ เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าอยู่ในมหาลัยได้อย่างมีความสุข ไม่ติดขัด

เป็นอีก 1 พุธ ที่งานยาว และมีเราเป็นหลัก ... 

ถึงเราชอบงานแบบนี้ รวมทั้งการจัด event มาก แต่การได้อยู่นิ่ง ๆ เป็นบางช่วง และไปตามที่เพื่อนแนะ ในที่ ๆ อยากไป ก็น่าจะทำให้ชีวิตมีอีกด้าน (ไหม) 

ว่าแล้วก็ต้องกิจกรรมนี้...

ดูดาว ...กิจกรรมที่ถ้ามีความรู้เรื่องดาวมาก่อนสักหน่อย จะดูเพลินมาก ไปดูดาวครั้งนี้ 14 Oct. 2020 รู้สึกเลยว่าความรู้อาจมีน้อยกว่าเด็กประถมๆ ที่ดูดาวรอบเดียวกัน ตอบได้มากกว่าอี๊ก...(ไม่ยอม) 

จำได้ว่าสมัยเรียนประถม มีการสอนเรื่องดาวต่างๆในวิชาสังคมศึกษา เวลาดูดาวตอนกลางคืนวัยเด็ก ทำให้พยายามมองหาดาวต่างๆและพยายามนึกว่ามันคือดาวอะไร "ดาวลูกไก่" "ดาวประจำเมือง" ... ช่วงที่ได้ดูดาวมากๆ น่าจะเป็นตอนเด็กที่ดูหนังกลางแปลง  

จนเมื่อโตมา เรื่องราวในชีวิต กิจกรรมมากมาย ทำให้ลืมว่าเคยชอบดูดาว เวลาดูดาว ตอนเดินเล่นค่ำ ๆ ก็แค่รู้สึกว่ามันสวยดี แต่ตอบไม่ได้เลยว่าดาวดวงนั้น ดวงโน้น คือดาวอะไร (ความรู้เท่าหางอึ่ง อย่างแท้ true) 

ตื่นเต้นๆ เมื่อเพื่อนชวนดูดาว รีบรับคำโดยพลัน และคาดหวังมากว่าจะเห็นดาวเต็มฟ้า หันไปทางไหน ก็ชี้บอกเพื่อนได้ว่ามันชื่ออะไร (กะ  show off อิ ๆ) 

เก้าอี้ดูดาวในหอดูดาว ของสงขลา ต่างกับกทม. ที่ท้องฟ้าจำลอง ที่เคยไปดูเมื่อ 9 ปีก่อน (ก่อนไปอเมริกา) เราว่าเก้าอี้ที่นี่เป็นแบบเอนนอน ในขณะที่ ๆ กทม. น่าจะไม่ต้องเอนนอนขนาดนี้ 55 แต่ว่าเก้าอี้ที่กรุงเทพ ขนาดว่าไม่เอนนอน ก็ทำเอาเราเกือบหลับคาห้องดูดาว (เราในตอนนั้นทั้งที่ควรจะมีความรู้มากแล้ว เมื่อฟังชื่อดาวต่าง ๆ เรารู้สึกว่ามันไม่เข้าหัว ชื่อดาวแปลกๆ ทั้งนั้น จำไม่ได้เลย ) 

ครั้งนี้เราจำได้มากขึ้นนะ อิๆ ถามเพื่อนบ้างไรบ้าง ก็ทำให้พอมีความรู้ติดหัวกลับบ้าน 
ขอบคุณเพื่อนที่ช่วยรื้อฟื้นความทรงจำ และทำให้การดูดาวสนุกขึ้นเมื่อมีอีกคนให้ถาม :) 


Credit: ภาพจาก FB:  NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์