วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

คิดถึงพระราชา: 50 วันผ่าน






เมื่อตอนที่ฉันเรียนวิชาประวัติศาสตร์ในประเทศจีน ฉันเห็นรูปของพระราชากับเหมาเจ๋อตุงจับมือกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้จักท่าน
ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ท่านสวรรคต ฉันไปโรงอาหาร ฉันเห็นหน้าตาแม่ค้าดูเหมือนไม่ได้นอน แม่บ้านก็เหมือนกัน พวกเขาล้วนใส่เสื้อผ้าสีดำ เมื่อฉันไปตลาดนัดวันอาทิตย์ คนทุกคนใส่เสื้อผ้าสีดำ ดูไม่มีความสุข และเมื่อพวกเรานั่งรถตุ๊กตุ๊กกลับ เราเห็นรูปภาพของในหลวงบนรถตุ๊กตุ๊ก ทุกๆที่มีริบบิ้นดำประดับ บนเฟสบุ๊กของเพื่อนก็เป็นสีดำ ทุกคนดูรักท่านมาก
ฉันอยากให้คนไทยมีความสุขอีกครั้ง มีความสามัคคี มีความขยัน ทำให้ประเทศไทยยิ่งใหญ่ ฉันคิดว่านี่คือสิ่งที่พระราชาต้องการเห็นจากคนไทย   
                                                                                Zou Cai Qiong (เพทาย)



วันที่ในหลวงสวรรคต เป็นวันที่ฉันอยู่ที่หอพัก เพื่อนคนไทยร้องไห้มาหาฉันที่ห้อง ฉันตกใจมาก เพื่อนบอกว่าพ่อของประเทศไทยสวรรคตแล้ว ฉันรู้สึกเสียใจกับเพื่อนด้วย ฉันเห็นรูปภาพของในหลวงตอนไปดูแลชาวนา ฉันเห็นตามท้องถนนมีรูปในหลวง ในทีวีก็มีรูปท่าน มีวันหนึ่งฉันได้นั่งรถตุ๊กตุ๊กฟรี ฉันแปลกใจมาก คนขับรถบอกฉันว่าเป็นการทำดีเพื่อในหลวง ฉันคิดว่าในหลวงเป็นคนดีมาก ทุกคนเลยรักท่าน
ฉันอยากบอกคนไทยว่าต้องเข้มแข็ง ต้องรักษาศาสนา รักชาติ รักพระมหากษัตริย์ และเราต้องจดจำความดีของในหลวงตลอดไป
                                                                                 Ren Dong Wei (ทับทิม)
------------
บทสัมภาษณ์นิสิตชาวจีนที่มาเรียนการสอนภาษาไทยเป็นภาษาต่างประเทศ (ทั้งสองสาวจีนให้สัมภาษณ์เป็นภาษาไทยทั้งที่เพิ่งเรียนได้แค่ 4 เดือน ภาษาไทยของพวกเธออยู่ในระดับดีมาก ฟังเข้าใจ และผู้สัมภาษณ์แทบไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสัมภาษณ์เธอเลย)


วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สอนน้องปลูกผักอินทรีย์ ปลูกด้วยมือเห็นด้วยใจ






            การอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความต่าง ทั้งต่างความคิด ต่างทางร่างกาย เราจะทำให้ความต่างมันอยู่ร่วมกันได้อย่างไรล่ะ มันคือสิ่งที่พวกเรานิสิตสาขาการพัฒนาชุมชนต้องเรียนรู้และต้องนำไปปรับใช้ในชุมชน พวกเราเลือกที่จะศึกษากลุ่มของผู้พิการทางสายตาโดยมีโรงเรียนสอนคนตาบอดธรรมสากลหาดใหญ่เป็นที่ศึกษาในครั้งนี้


เราพบว่าคนตาบอดเองก็มีความต่างกันในศักยภาพของการเรียนรู้ มีหลายๆคนที่ไม่สามารถทำตามเส้นทางการศึกษาได้ เค้าจึงต้องเรียนรู้ทักษะอาชีพเพื่อนำไปใช้ในชีวิตของตนในอนาคต พวกเราเลยว่าหากเราเข้าไปทำกิจกรรมร่วมกันกับคนตาบอด สิ่งที่เค้าได้รับต้องเป็นประโยชน์ต่อตัวเค้า ไม่ใช่แค่ผ่านพ้นไป ทำให้พวกเราเลือกที่จะสอนน้องปลูกผักอินทรีย์ คือ ต้นอ่อนผักบุ้ง และต้นอ่อนทานตะวัน ผักสองชนิดนี้สามารถปลูกและดูแลได้ง่าย มีอายุที่โตเร็วแค่ 5-10 วัน ก็สามารถทานได้ และมีคุณค่าทางอาหารสูงมากกว่าผักหลายๆชนิด  



แน่นอนว่ากว่าพวกเราจะสอนน้องๆได้ เราเองต้องทำให้เป็นและเข้าใจในข้อจำกัดของพวกเค้า 
เลยทำให้เราต้องสมมุติว่าเราคือคนตาบอดและลองฝึกด้วยการหลับตาและปลูกผักในตะกร้าด้วยการสัมผัสมากกว่าการมอง จนเราสามารถที่จะไปถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ไปสู่น้องๆได้ กิจกรรมที่เราจัดขึ้นเรามองว่าน้องจะได้รับประโยชน์มากทั้งสามารถนำไปปรับใช้ในครอบครัวเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย หรือจะต่อยอดสร้างอาชีพให้ตัวเค้าเองได้


 และที่มากกว่านั้นคือเราได้สร้างความรู้สึกเชื่อมั่นในตนเองให้เกิดแก่ตัวน้องว่าน้องสามารถทำได้
 แม้น้องเรียนไม่เก่ง ไม่สามารถต่อยอดทางวิชาการสร้างอนาคตได้ แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้น้องรู้สึกว่าน้องทำได้ ช่วยเหลือครอบครัวได้ และไม่ได้เป็นภาระของครอบครัว





---------------------------------------

เล่าเรื่องและทำงานโดยนิสิตเอกพัฒนาชุมชน ปี 4
น.ส. ดุษฎี 
น.ส บัณฑิตา 
น.ส อารยา 
 น.ส สุฑารัตน์
น.ส ชฎาพร
นาย ธนาธิป