วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

อ่านล้อมเมือง



ล้อมรั้ว ล้อมรัก ล้อมใจ ด้วยการ "อ่านล้อมเมือง Extra"


ทำไมต้องอ่านล้อมเมือง อ่านแล้วคุยด้วยกันจะดีกว่าอ่านคนเดียวยังไง

พ. 26/10/59 ณ คณะมนุษยศาสตร์ & สังคมศาสตร์ ม.ทักษิณ
เหล่านักอ่านวัยเรียน นิสิตจากหลากหลายเอก ทีมนักเขียนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา และอาจารย์ ร่วมตั้งวงคุยกัน เปิดประเด็น ถกทุกมุมในหนังสือ "ลมฝนกับต้นกล้า" ของ อ.ยงยุทธ์ ชูแว่น
ทั้งๆที่เราคิดว่าอ่านมาดี ทำการบ้านมาล่วงหน้า มีหลายประเด็นที่นิสิตนึกไปถึง แต่เราคิดไม่ได้ การอ่านแบบเอาเรื่องกับอ่านแบบเพลิดเพลินต่างกันตรงนี้เอง
หลายคนอ่านแล้วปล่อยจินตนาการไปไกลถึงสภาพชนบทเมื่อ 30 ปีก่อน หลายคนย้อนคิดว่าจะเกิดอะไรกับตัวละครเอก "ไข่ห้อย"* ในวัยเด็กเมื่อเติบโตขึ้นในสภาพสังคมชนบทที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามการพัฒนาของประเทศ หลายคนอยากเปลี่ยนตอนจบให้ไข่ห้อยมีความสุขแม้จะขาดแม่
หนังสือเล่มเดียว นำพาพวกเราไปสู่ความอิ่มเอม เมื่อได้สุมหัวคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิด ซึ่งย่อมไม่มีถูกผิด

หนังสือเล่มเดียว ตีความได้หลายอย่าง เพราะจินตนาการของคนไม่มีที่สิ้นสุด
ลองหาหนังสืออ่านสักเล่ม เพื่อจรรโลงใจ เพื่อเพลิดเพลิน เพื่อแก้เหงา และบางครั้งอาจจะแก้ปัญหาในชีวิตบางอย่าง เมื่ออ่านอย่างพินิจพิเคราะห์

ขอบคุณ "ลมฝน" ที่หอบทุกคน (หนอนหนังสือ)มาพบกัน ณ ที่แห่งนี้
คณะมนุษยศาสตร์ & สังคมศาสตร์ ม.ทักษิณ สงขลา
*เรามักจะจำผิดเป็น "ไข่ย้อย" (จากชื่อพระเอกของหนัง "เพื่อนสนิท")


วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ริบบิ้นดำกับความทรงจำถึงในหลวง






เรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อเช้านี้ พวกเราตัวแทนนิสิตจากมหาวิทยาลัยทักษิณ ได้ทำการแจกริบบิ้นสีดำเพื่อเป็นการร่วมไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เนื่องจากพวกเราได้เห็นเรื่องราวในโซเชียลมีเดียถึงความทุกข์ของบางคนที่ต้องการจะร่วมไว้อาลัยแต่ไม่มีเสื้อสีดำใส่เพียงพอ พวกเราจึงได้รวมกลุ่มจัดทำริบบิ้นแจกที่ศูนย์ราชการจังหวัดสงขลา และเป็นการเริ่มต้นจุดประกายให้ทุกคนลุกขึ้นมาทำความดีถวายพ่อหลวง ทำตามพระบรมราชโองการที่ว่าให้เห็นประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นที่หนึ่ง ทางพวกเราขอขอบคุณช่อง Nation TV 22 ที่ให้โอกาสสัมภาษณ์ในครั้งนี้ด้วย หวังว่าสิ่งที่พวกเราทำจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ขอบคุณทีมงานทุกคนที่ช่วยกันทำริบบิ้นเมื่อคืนนี้ด้วยครับ 

                                                                                   (เจย์ ณัฎฐชัย เอกอังกฤษ ปี 4)

-----------------------

ขอตามรอยพ่อหลวง ผู้ทรงเป็นแบบอย่างการทำดีของปชช.ชาวไทย
เรื่องราวอบอุ่นๆจากความคิดถึงคนอื่นของอาสาสมัครม.ทักษิณ 9 คน จากเอกอังกฤษ จีน ประวัติ
แม้จะเป็นครู บางเรื่องก็ไม่ได้หมายความว่าจะคิดออกว่าเราควรรวมตัวกันทำริบบิ้นดำ จนเมื่อเห็นนิสิตโพสท์ว่าร่วมกันทำและเอาไปแจกที่ศาลากลางเลยขอชื่นชมนิสิตกลุ่มนี้ที่สละเวลาวันหยุด ลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆเพื่อผู้อื่น


เพื่อไม่ให้น้อยหน้า เอ๊ย เพื่อไม่ให้เสียชื่ออาสาสมัครมือหนึ่ง เราไปช่วยทำริบบิ้นดำที่
ห้องสภานิสิตม.ทักษิณเกือบ 3 hr. บ่ายวันนี้ ทำยอดที่ 300 ชิ้นค่ะ 
ตอนที่ไปๆด้วยความคิดของการจะไปรับ เพราะวันจันทร์มีนำเสวนาเรื่อง "จุดประกายความคิด การใช้ชีวิตต่างแดน" จัดโดยนิสิตเทคโนฯปี 4 เลยอยากได้ริบบิ้นดำเพื่อไปแจกจ่ายให้นิสิตที่เข้าร่วม 
 แต่เมื่อพวกเรา (ไอซ์ + น้ำตาล + เรา) ไปถึงเห็นนิสิตหนุ่ม เอกทรัพยากรมนุษย์และสมาชิกสโมสรบางส่วนกำลังทำริบบิ้นดำกันอยู่ เราเลยเปลี่ยนความคิดว่าการช่วยกันทำน่าจะดีที่สุด เพราะไม่ใช่ว่าริบบิ้นดำที่เห็นกันอยู่จะทำได้ง่ายๆ มีหลายขั้นตอนเลยล่ะ 
ทั้งตัดริบบิ้น ติดกาวสองหน้า ติดเข็มกลัด ทำตั้งแต่ฝนตกยันฝนหยุดเกือบ 3 ชม. เราก็ยังทำกันได้ไม่เยอะ
หนุ่มออกไปซื้ออุปกรณ์การทำมาเพิ่ม เราเลยใช้เงินที่ได้จากการเป็นวิทยากรร่วมเสวนาเรื่องจิตอาสา ที่จัดโดยฝ่ายพัฒนานิสิตหลักสูตรนอกชั้นเรียน สมทบไป 500 บ. เพื่อจะได้ทำบุญกับการทำโบว์ดำครั้งนี้ด้วย 

---------------
21/10/59 --เห็นการทำโบว์ดำแจกจ่ายกันทั่วมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นที่ศูนย์เพื่อนใจวัยใส ชมรมครอสเวิร์ด สโมสรคณะต่างๆ แล้วรู้สึกดีใจที่หลายคนสละเวลาส่วนตนมาร่วมกันทำเพื่อรำลึกถึงในหลวง ซึ่งสวรรคตเมื่อ 13/10/59 

เดี๋ยวนี้การทำโบว์ดำพัฒนาไปหลายแบบ ทั้งแบบทำง่ายๆอย่างที่เราทำ หรือแบบยากๆ ที่เรายังทำไม่เป็นก็อีกเยอะ 

ตอนนี้มีหลายหน่วยงานและคนทั่วไปที่ทำโบว์ดำแจก นอกจากนี้ก็ยังมีคนที่เอาอาหารไปแจกที่ท้องสนามหลวง ยาดม ยาลม ยาหม่องก็มี มอเตอร์ไซค์รับส่งฟรี หรือแม้แต่คนรวยบางคนที่ซื้อบัตรเติมน้ำมันเพื่อแจกมอเตอร์ไซค์ให้ได้รับส่งคนไปสนามหลวงแบบฟรีๆ ดาราบางคนที่นำรถสุขามาช่วยบริการในบริเวณพระบรมมหาราชวัง

เราว่าคนไทยยังรักกัน และตั้งใจทำดีถวายในหลวงเป็นครั้งสุดท้าย 
หวังว่าทุกคนจะยังคงรักกัน และนึกถึงความดีของในหลวงเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจตนเอง 

เราชอบที่มีคนพูดเอาไว้ว่า ในหลวงไม่เคยขอให้พวกเรารักท่าน แต่ในหลวงขอให้คนไทยรักกัน (อืม..จริงๆแล้วน่าจะยากกว่ามากนะเนี่ย) 

----------
*ขอเขียนเรื่องนี้เอาไว้พอรอดูว่าหลายปีต่อไป คนไทยจะยังคงรักกันไหม 


ลมฝนกับความหลัง: Rayzii Chiwchiw



จากที่ได้อ่านหนังสือนวนิยายเรื่องลมฝนกับต้นกล้า ทำให้หนูมีความรู้สึกหลากหลายอารมณ์มากๆทั้งมีความสุข ทั้งสงสารห้อย ทั้งมีความหวัง และซึ้งกินใจ ในเนื้อเรื่องของนวนิยายเล่มนี้ก็ได้มีฉากหรือประสบการณ์ที่คล้ายๆกับชีวิตในวัยเด็กของหนู 

คือในสมัยก่อนตอนหนูเด็กๆสัก4-5ขวบ คุณย่าจะทำนา และหนูชอบตามไปด้วย แต่หนูไม่ทันที่จะได้เห็นใช้ควายไถ่นา หนูเห็นคุณปู่ไถ่นากับรถไถ่นา และก็จะมีคุณพ่อเดินตามหลังรถไถ่นาของคุณปู่คอยจับปลาที่ขึ้นมาตามคันไถ่และหนูก็จะจับปลาตัวเล็กๆนั้นด้วย มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกมากๆ และมีอยู่ปีนึงน้ำท่วมบิ้งนาช่วงนั้นข้าวกำลังออกรวง ต้นข้าวโอนเอียงลงไปนอนตามกระแสน้ำที่พัดผ่าน คุณย่าจะต้องเอาเรือออกไปเกี่ยวเอาข้าวที่จมน้ำเท่าที่จะเอาได้ หนูนั่งอยู่บนเรือ คุณย่ากับคุณน้าช่วยกันตัดต้นข้าวขึ้นมาตั้งไว้บนเรือ หนูตื่นเต้นมาก ท้องทุ่งนาได้กลายเป็นเหมือนท้องทะเลอันกว้างไกล ชาวบ้านต่างใช้เรือออกมาตัดต้นข้าวก่อนที่มันจะเน่าตาย

ความแตกต่างระหว่างชีวิตในชนบทกับชีวิตในเมืองคือ ชีวิตในชนบทจะมีความจริงใจมีความเอื้อเฟื้อ เมตตากันมากอยู่รวมกันอย่างพี่น้อง อย่างครอบครัว ซึ่งแตกต่างจากในเมืองที่มีความเจริญ ความเจริญความศิวิไล ทันสมัยได้ทำให้คนเปลี่ยนไปทำให้คนไม่รู้จักความลำบาก ทำให้คนเห็นแก่ตัวกันมากขึ้นค่ะ 

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Beyond my expectation: Buddy Program (October)








Beyond my expectation! Now I gain more confidence to interact with new international friends from VSA Thailand.

สวัสดีค่ะ ดิฉันนางสาวจุฑารัตน์ นาคคลี่ นิสิตปี 2 วิชาเอกภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วันนี้ฉันมาเล่าประสบการณ์การเข้าร่วมกิจกรรม Buddy program ให้ฟัง
ก่อนโครงการจะเริ่มฉันตื่นเต้นและกลัวมากที่จะได้เจอกับเพื่อนอาสาสมัครชาวยุโรป ที่มาจากหลายชาติจากองค์กร VSA Thailand ฉันกังวลว่าจะคุยกับพวกเขาไม่รู้เรื่อง เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงตอน 10.00 น. เราร่วมกันทำกิจกรรมหลายๆอย่าง เราทั้งหมดแนะนำตัวเอง จากนั้นเราเล่นเกมส์ตอบคำถาม ทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น และเราเล่นเก้าอี้ดนตรีกัน ทุกๆคนตั้งใจและชอบกิจกรรมนี้มาก
ต่อมาเราแบ่งกลุ่มบัดดี้กันแยกเป็นชาวต่างชาติ 1 คน และนิสิต 3 คน บัดดี้ของฉันคือ Enrica จากอิตาลี พวกเรามีหน้าที่คอยดูแล แนะนำข้อมูลต่างๆให้เธอ เราพาเธอไปทานอาหารในโรงอาหาร
เราเลือกสั่งอาหารให้เขา 3 เมนูคือผัดไทยกุ้งสด ส้มตำไทย(ใส่พริก1เม็ด) และไก่ทอด เขาใช้ช้อนส้อมทานไก่ทอด ฉันบอกว่าคุณใช้มือได้นะ เขายิ้มแล้วพูดว่า "ขอบคุณค่ะ" ตลอดตอนทานเขาจะถามว่าแต่ละอย่างภาษาไทยเรียกว่าอะไร เราก็จะต้องเขียนลงในสมุดให้เธอ เธอบอกว่าผัดไทยอร่อยมากๆ แต่ส้มตำเผ็ดไป เขาพยายามทานให้หมดเพราะเขาเกรงใจ


หลังจากทานอาหารเสร็จเราเดินมาขึ้นรถตุ๊กตุ๊กหน้ามหาวิทยาลัย เพื่อไปถนนนางงาม เรายืนรอรถนานมากแดดก็ร้อน แต่ชาวต่างชาติก็ไม่บ่นเลยกลับตื่นเต้นกับสถานที่ที่จะไป ระหว่างนั่งรถเราแลกเปลี่ยนความคิดกันเกี่ยวกับยาหม่อง(balm) ไม่น่าเชื่อพวกเขาชอบกลิ่นของยาหม่อง! เมื่อเราไปถึงพวกเราถ่ายรูปรวมกัน วันนั้นฝนตกตลอดแต่ทุกคนก็ยังสนุกกับการได้ถ่ายรูปเเละเรียนรู้วัฒนธรรมเก่าๆของจ.สงขลา
พวกเราเดินจากหับ โห้ หิ้น ไปยังเขาตังกวน มันเป็นระยะทางที่ไกลมาก แต่เราทุกคนก็เดินไปถึงที่นั่น ตลอดที่เดินเราจะแลกเปลี่ยนความคิดกันเกี่ยวกับประเทศของตนเอง เมื่อถึงเราขึ้นลิฟต์ไปชมทิวทัศน์ด้านบน ทุกคนตื่นเต้นมากที่ได้เห็นเมืองสงขลารอบด้านเพราะวิวบนนั้นสวยมาก เราลงมาด้านล่างแล้วเดินทางต่อไปยังหาดสมิหลา เมื่อไปถึงชาวต่างชาติก็ไปถ่ายรูปกับนางเงือก ลงไปเล่นน้ำทะเล แต่ก็เล่นได้ไม่นาน เพราะพวกเราก็ต้องแยกย้ายกันกลับไปยังที่พัก ก่อนกลับพวกเราได้แลก Facebook ไว้ติดต่อกันด้วย


จากการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ทำให้ฉันมีความกล้าที่จะคุยกับชาวต่างชาติมากขึ้น และรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ยากที่จะใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนาถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะไม่เข้าใจบ้างหรือใช้ภาษาผิดไปบ้างแต่เราก็สามารถสื่อสารกันจนเข้าใจ ทำให้ฉันได้เรียนรู้และได้พัฒนาตัวเองให้ใช้ภาษาที่ดีและถูกต้องมากยิ่งขึ้น ได้รู้จักเพื่อนชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
และที่แน่นอนฉันรู้สึกสนุกสนานมากกับกิจกรรมนี้ ฉันต้องขอบคุณอาจารย์ดิญะพร ที่จัดกิจกรรมดีๆขึ้นมา ถ้าฉันมีโอกาสฉันจะเข้าร่วมกิจกรรมนี้อีก