วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

Cashew nut planting at Koh Taew High School


After being at home for 10 days, from 31 Aug. - 9 Sep 13,  without work, time to start volunteering again to make me fresh from the chicken pox. 





3 students: Jay, Or & Gluta, Honey & I visited the local high school which has only 36 students! Foreign volunteers from Volunteer Spirit Association and our team cleaned up the room and planted 40 cashew nuts trees along the school road. Within 3 months, the school can sell their young leaves to a seller.  Very self-sufficiency policy.  I've seen many farms here, i.e., pumpkin, banana trees, chicken, fish pond.





วันนี้ตอนเย็นไปช่วยอาสาสมัครต่างชาติจากองค์กรอาสาสมัคร VSA ทำความสะอาดห้องเรียนที่โรงเรียนเกาะแต้ว ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมระดับอำเภอ จากแต่เดิมมีนักเรียนร่วม 2000 คน และเคยโด่งดังด้านกีฬาและดนตรีมาก  แต่ตอนนี้มีนร.อยู่แค่ 36 คน! ไม่อยากเชื่อเลย หากไม่ได้มาทำงานอาสาครั้งนี้ก็จะไม่มีโอกาสได้รับรู้ปัญหานี้เลยนะเนี่ย


 ครูที่นี่ต้องจำชื่อนร.ได้หมดทุกคนแน่ๆ คุณครูใจดีมาก อธิบายวิธีปลูกต้นมะม่วงหิมพานต์ให้อาสาฯฟังโดยมีเราเป็นล่ามแปลอีกทีนึง 

หลังจากนั้นเหล่าอาสาร่วมกันขุดดิน ใส่ปุ๋ย (แกลบและขี้วัว) เติมดิน หย่อนต้นมะม่วงหิมพานต์
โรงเรียนไม่ได้ปลูกหวังเอาเมล็ดไปขาย เนื่องจากมันต้องใช้เวลานาน แต่จะขายยอดของมันให้แม่ค้าแทน กำละ 5 บาท ยอดมะม่วงหิมพานต์ถือเป็นผักเคียงกินกับขนมจีนที่คนใต้ชื่นชอบมากๆ (แต่เราว่ามันออกรสฝาดๆไปนะ)





Planting cashew nut trees with a Japanese volunteer yesterday. All volunteers I met yesterday were very hard working and it seemed that they didn't look tired at all. Instead, they worked happily. I really appreciated that.

BTW, thanks for the magical camera. No spots on my face, while in reality, there're about 20!.



สงสัยเราจะเป็นอาสาสมัครที่อายุมากที่สุดเมื่อวานนี้ (ไม่จริ๊ง)
น้องอาสาชาวญี่ปุ่นคนนี้หน้าตาเด็กมากๆ และดูมีความสุขกับงานที่ทำ
ขอบคุณกล้องดีๆที่ทำให้ไม่เห็นว่าหน้าตาเราเต็มไปด้วยจุดดำๆร่วม 20 จากฤทธิ์เดชอีสุกอีใสใช้เวลานาน :)

หมายเหตุ: เราเพิ่งรู้ว่าต้นมะม่วงหิมพานต์ถือเป็นไม้ดอกยืนต้น และเป็นพืชพื้นเมืองของบราซิล ฝรั่งมองว่าเป็นผลไม้ลักษณะคล้ายไต (kidney-shaped fruit) อืม เมื่อมีคนบอกแบบนี้เราก็เริ่มคิดตามและเห็นตามแล้วว่ามันเหมือนไตจริงๆด้วย (อิๆ แบบว่าเชื่อคนง่าย) 

เราคิดว่ามันมีทั่วไปตามแถวภาคใต้ซะอีก (มันชอบอากาศเมืองร้อน) เมื่อตอนเรียนโท อาหารที่เราสั่งประจำคือไก่ผัดเม็ดมะม่วง อร่อยมากๆ ว่าแล้วก็คิดถึง

-----------
Thanks: Honey for giving us a lift and join our volunteer trip
            Jay, Gluta & Or who made this trip fun full of laughter. 

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

Chicken Pox


เกือบ 1 อาทิตย์แล้วที่เราไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน เป็น cabin fever ที่หมายถึงการติดอยู่กับบ้าน 
สาเหตุน่ะเหรอ ไม่อยากบอกเลยว่าเพิ่งจะมาเป็นอีสุกอีใส (Chicken Pox)เอาเมื่อวัย 38 !

เมื่อวันศุกร์ที่ 30/08/56 เราตื่นขึ้นมาอย่างอุณหภูมิร่างกายเหมือนมีไข้ เป็นแบบนี้มาสองสามวันแต่ก็ไม่รู้สึกอะไรมาก เพราะก็ยังทำงานได้ปกติ แต่วันนี้แปลกเห็นตุ่มใสเม็ดใหญ่ที่แขนสองเม็ด ก็ยังไม่คิดอะไรมาก เรายังคิดว่าเราอาจจะแพ้ไรฝุ่นจากที่นอนรึเปล่า อืม...แต่หน้าก็คันๆ สงสัยแพ้ครีมทาหน้า

ตกเย็นเมื่อถามปุ๊ๆบอกว่า ตุ่มใสแบบนี้ฟันธงเลยว่าเป็น "อีสุกอีใส"

ฮ๊า....กลัวว่าจะเป็นจริงๆเลยรีบกลับบ้านมาหาหมอที่ห้าแยก คนแรกคือ หมออัญญมณี ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ หมอบอกว่าเราเป็นแน่ๆ แต่คลินิคไม่มียา ให้ไปหาหมอวนิดาที่แถวน้ำกระจายแทน

เราดูระยะทางด้วยสายตาแล้วก็คิดว่าน่าจะเดินถึง เลยเลือกที่จะเดิน

แฮ่กๆ ...คิดว่าไม่ไกล ที่ไหนได้ค่อนข้างไกลเหมือนกันแฮะ 

หมอวนิดาให้ยาทาและกินแก้คันเรามา พร้อมทั้งเขียนใบรับรองแพทย์ให้เราลางาน10 วัน!

ตั้ง 10 วันเลยเหรอเนี่ย นึกถึงการสอนที่ต้องชดเชยและการรวบรวมคะแนนนิสิตก่อนปลายภาคแล้วเหงื่อตก ตายแน่ๆชั้น

----------------
วันที่สอง

ทั้งคืนของวันศุกร์เรานอนไม่หลับเลย มันคันไปหมด รู้แต่ว่าตัวเองพลิกไปพลิกมาทั้งคืน

โอ๊ว!! นั่นหน้าตาใครในกระจกน่ะยังกะตุ๊กแก ช่างน่าเกลียดจริงๆ 

แฮ่...เป็นเราเองเหรอ ไม่อยากเชื่อภายในคืนเดียวจากหน้าตาที่เม็ดยังไม่ขึ้นเมื่อวาน วันนี้มันหาพื้นที่ว่างและเรียบไม่ได้ เราไม่สามารถลูบหน้าตัวเองได้เลย มันตะปุ่มตะป่ำไปหมด

เราใช้เวลาวันที่สองและสามนอนเป็นหลักเพราะยังรู้สึกตัวว่ามีไข้ 
นึกไม่ออกว่าหากมีไข้ทุกวันจะเป็นยังไง มันน่ารำคาญมากๆ

โชคดีที่บทมันจะหายตัวร้อน มันก็หายอย่างรวดเร็วเมื่อเราใช้ผ้าเจลแช่น้ำแข็งและเอามาแปะตามข้อพับ ขาหนีบ

ตอนนี้เราเลยเหลือแค่หน้าอย่างเดียวที่ต้องมาลุ้นว่ามันจะตกสะเก็ดเมื่อไหร่ หวังว่าวันจันทร์ที่ 9 กย. หน้าตาเราจะพอดูได้ขึ้นมาหน่อย เพี้ยง!

วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

เมื่อฉันได้เป็นนางงาม ณ AEC Generation Camp 2013

AEC YOUNG GENERATION CAMP 2013

AEC (ASEAN) อาเซียน อาเซียน และก็อาเซียนอีกแล้วค่ะ เบื่อกันไหมเมื่อได้ยินคำเหล่านี้ เป็นฉัน ฉันก็เบื่อนะที่ประเทศไทยต่างรู้สึกตื่นตัวเพื่อเตรียมความพร้อมต้อนรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558  ที่มีการปักธงสิบประเทศ ไว้ตามสถานที่ราชการเต็มเลย เรียนรู้คำจากประเทศต่างๆเป็นคำและเป็นคำ ถามว่าเราพูดได้ไหม คำตอบคือไม่ค่ะ และกลายมาเป็นคำถามในใจว่าเราอาเซียนจะเปิดแล้วในอีก 2 ปีข้างหน้า และ ประเทศไทยของเราล่ะ พร้อมหรือยัง? แต่อีกแง่หนึ่งก็ดีนะ ที่อย่างน้อยประเทศก็ได้ทำอะไรแล้วเพื่อที่จะต้อนรับคำว่าประชาคมอาเซียน ที่กำลังจะมีเพื่อนบ้านอีก 9 ประเทศเข้ามาในประเทศที่มีนามว่า “ไทย” แห่งนี้



                ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีก่อนเลยเราชื่อว่า กลูต้า เป็นนิสิตชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นคนที่ทำกิจกรรม และเข้าค่ายมาเยอะมากๆ ตั้งแต่เป็นเด็กมัธยมตัวเล็กๆ ชั้น ม.1 และพักการทำกิจกรรมลงเมื่อตอนเข้ามาเป็นนิสิตชั้นปีที่ 1 แต่ด้วยความที่เราอยู่กับการทำกิจกรรมเหล่านี้มาโดยตลอด จึงกลับมาทำกิจกรรมเหล่านี้ด้วยความที่คันไม้คันมือ หรือว่าเป็นการเสพติดค่ายก็เป็นได้ เพราะค่ายทุกค่ายมักจะซ่อนอะไรไว้ให้เราได้เรียนรู้เสมอ นี่เป็นสิ่งที่คิดและตระหนักไว้ และเมื่อมีโอกาสก็จะหาทางที่จะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆตลอดมา และการที่ได้เราได้ไปค่ายสิ่งแรกที่คิดไว้คืออย่าคาดหวังไว้ว่าจะได้อะไรจากค่ายไว้มาก หรือสูงนัก เพราะค่ายจะซ่อนอะไรให้เราได้เรียนรู้ก็จริงอยู่ แต่บางค่ายก็สนุก บางค่ายก็น่าเบื่อ บางค่ายก็สบาย สถานที่อาบน้ำ อาหารการกิน ที่พักอาศัย เพื่อนร่วมค่ายดี แต่บางค่ายก็กลับตรงข้ามโดยสิ้นเชิง แต่เราพร้อมที่จะเปิดใจยอมรับ และปล่อยตัวเองให้สนุกกับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในค่ายต่อไป

                เมื่อเราพูดถึง เรื่อง “อาเซียน”ไว้ในข้างต้น สำหรับตัวกลูต้าเอง ก็มีค่าย ค่ายหนึ่งที่จัดกิจกรรมเกี่ยวกับอาเซียนมาเล่าสู่กันฟัง นั่นคือค่าย AEC YOUNG GENERATION ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เป็นค่ายระยะสั้นค่ะ จัดแค่ 2 คืนกับสามวัน ตอนแรกจะจัดขึ้นที่ กศน. ภาคใต้ ใกล้สวนสัตว์สงขลานี่เอง แต่สถานที่ก็โยกย้ายไปจัดที่ไกลขึ้น นั่นคือ ค่ายเสนาณรงค์ อำเภอ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นไงล่ะทีนี้ ชอบน่ะสิคะ ค่ายทหาร อย่างแรก คือ ผู้ชายเยอะ วันแรกของการไปค่าย เราไปกันทั้งหมดสิบคนค่ะ เป็นเพื่อนร่วมสาขากันทั้งนั้น วันแรกเราก็ไปค่ายสายกันแล้วค่ะ อิอิ เป็นไงล่ะ เขาก็ต้องรอเรา เพื่อทำพิธีเปิดน่ะสิคะ ระหว่างการเดินทางก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาเบอร์ครูที่นำเราไปเป็นระยะๆ ยังกะเราเป็นประธานในพิธีเปิดยังไงอย่างนั้น ไปถึงค่ายวินาทีแรกก็ตื่นมากๆค่ะ เพราะเป็นค่ายภาษาอังกฤษ เราจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารด้วยสิ ภาษาของเรายิ่งเก่งกล้าอยู่แล้วด้วย ตื่นเต้นและตื่นเต้นมากค่ะ เพราะตารางกิจกรรมที่ได้มา แน่นไปด้วยวิชาการทั้งนั้น แต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสคืออบอุ่นค่ะ มากๆด้วย  มีการทักทายเป็นภาษาอังกฤษ ปะปนไปกับภาษาไทยถิ่นเกิด ว่าให้เราได้ Break รับประทานอาหารว่าง อิอิ มีความสุขมาถึงก็ได้กินค่ะ นี่แหละความสุข ต่อจากนั้น ก็เป็นพิธีเปิดค่ะ พิธีเปิดก็ดูเป็นทางการระดับหนึ่งค่ะ มีการพูดภาษาอังกฤษรัวเลยค่ะ ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่เราก็นั่งยิ้ม ยิ้มแบบให้เขารู้ว่าฉันก็ฟังออกนะ พิธีเปิดดำเนินต่อไป มีทั้งอาจารย์จากมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ที่สำเนียงเป๊ะมากๆ คุยสลับกันไปกับอาจารย์ต่างประเทศท่านหนึ่ง แต่หนึ่งในนั้น ก็มีอาจารย์นก อาจารย์ที่นำพวกเราไปค่าย ในร่วมการสนทนาด้วยค่ะ แอบปลื้มไม่ใช่น้อย เมื่อพิธีเปิดจบลง อาจารย์นกก็ขอตัวเดินทางกลับมหาวิทยาลัยค่ะ ทิ้งเหล่านิสิตไว้เผชิญชะตากรรมกับการใช้ภาษาอังกฤษในค่ายต่อไป และเมื่อวินาทีตื่นเต้นก็มาถึง เมื่อเขาขอตัวแทนในการสนทนาว่าความสำคัญของอาเซียนเป็นยังไง ถ้าจะตอบเป็นภาษาไทยก็คงจะยกมือขึ้นตอบนานแล้ว แต่นี่ให้ตอบเป็นภาษาอังกฤษด้วยสิ ทำไงดีล่ะทีนี้ ก็คือต้องทำเป็นยุ่งน่ะสิคะ อ่านโน่น ชี้นี่ เยอะแยะไปหมด เพื่อนๆต่างยุให้เราตอบ เอาล่ะสิทีนี้ ตื่นเต้นกันไปใหญ่ แต่สุดท้ายความโล่งอกก็มาเยือนค่ะ เมื่อรุ่นพี่ที่ไปค่ายร่วมกับเรายกมือขึ้นตอบแทน ถือว่ารอดตัวไป สบายใจขึ้นเยอะเลย ต่อจากนั้นเราทั้งสิบคนก็โดนแยกกลุ่มสิคะ โดยกลุ่มทั้งหมดมี 7 กลุ่มค่ะ สำหรับตัวฉันเองได้กลุ่ม 1 เลยค่ะ แต่ยังโชคดีที่ได้เพื่อนร่วมชะตากรรมซึ่งเป็นเพศเดียวกับฉันมาร่วมกลุ่มด้วย สวยกันใหญ่ล่ะทีนี้ และนาทีที่รอคอยหลังจากนั้นก็มาถึงค่ะ คือการพักรับประทานอาหารเที่ยง อาหารมื้อแรก ก็เป็นอาหารกล่องธรรมดาค่ะ แบ่งโต๊ะนั่งเป็นกลุ่มตามที่แบ่งไว้แหละค่ะ นั่งกันตอนแรกก็เกร็งๆไม่ค่อยกล้าบอกนะว่าฉันน่ะกินเยอะ อาหารมื้อแรก ประกอบไปด้วย ผัดเผ็ดที่ไม่ค่อยจะเผ็ดมั้ง ผัดไก่จืดๆและก็จืดจริงๆค่ะ และแถมด้วยไข่เค็ม 1 ฟอง นั่งกินกันไปเรื่อยๆ และฉันก็เลือกที่จะเปิดเรื่องสนทนาก่อนเลยค่ะ โดยเหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมกลุ่มที่เป็นผู้ชายเพียงหนึ่งเดียว หน้าตาหล่อมากๆค่ะ (ประชด) ฉันไม่รู้จักชื่อเขาก่อนเลย แต่รู้ว่าเขาเป็นมุสลิม มาจาก PSU. PATTANI CAMPUS คำแรกที่ทักเขาคือ “คุณชายพุฒิภัทร์ อาหารอร่อยไหม” เป็นไงล่ะทีนี้ ขำน่ะสิค่ะ หลังจากนั้น ก็เริ่มคุยกันมากขึ้น และสนิทกันมากขึ้นด้วย 






                 ลืมบอกกลุ่มของชั้น มีชื่อว่า  Malaysia Ada Apa (แปลว่ามาเลเซียมีอะไร) เป็นไงล่ะเก๋ป่ะ บอกเลยว่าตลกมาก หลังจากเราอิ่มทั้งรอยยิ้มที่ได้เกิดมิตรสัมพันธ์ที่ดีในกลุ่ม และอิ่มจากอาหารมื้อเที่ยง เขาก็ให้เราเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางไปที่พักค่ะ คิดในใจมาค่ายทหาร สถานที่พักก็คงไม่ได้ดูดีมากหรอก คิดไปถึงสถานที่อาบน้ำ ห้องส้วมแล้ว คงจะลำบากน่าดู ระหว่างที่เรายืนรอรถของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่มารับเราไปที่พัก ก็เหลือบไปเห็นเพื่อนต่างชาติก็เยอะนะ ทั้งฟิลิปปินส์บ้าง แต่ที่สะดุดตา คือ นักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศจีนน่ะสิคะ หน้าตาก็ไม่เท่าไรหรอก แต่ด้วยความสูงน่ะสิ สูงมาก ภาพที่เห็นคือคนที่เข้ามารุมล้อมเขาอยากที่จะพูดคุยกะเขา  เราก็ไม่วายที่จะเข้าไปบ้างถามชื่อเสียงเรียงนาม เอาล่ะสิทีนี้ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร สิ่งแรกที่คิดคือ I don’t care แกรมม่าค่ะ เอาแค่ให้เขาใจก็พอแล้ว ก็พอทราบได้ว่าเขาชื่อ อาโหลว และ อาหนาน ต่างมีส่วนสูงถึง 195 ซม.(โอ้พระเจ้า) เป็นนักบาสเกตบอลกันทั้งคู่ค่ะ พูดคุยไม่ได้มากก็ขอถ่ายรูปกันสักหน่อยตามประเพณีค่ะ หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับหอพัก สิ่งที่สัมผัสคือผิดคาดค่ะ ห้องพักสบายมาก เบาะนุ่มดีนะ ที่สำคัญ มีหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูเตียงบริการเพียบ และที่สำคัญมีแอร์ด้วย โอ้ฉันคิดผิดว่าค่ายทหารน่าจะไม่สบาย แต่ที่สำคัญมันสบายมาก ในอนาคตข้างหน้าเราน่าจะสมัครทหารนะหลังจากนั้นเราก็ต้องกิจกรรม Walk Rally เข้าฐานทั้งหมด 7 ฐานค่ะ หมุนเปลี่ยนเวียนกันไปเรื่อยๆ ในแต่ละฐานจะเปิดโอกาสให้เราได้ใช้ทักษะในการภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการสะกดคำ การจดจำ การพูด การคิด และสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ เช่น เมืองหลวงในประเทศอาเซียน ชื่อประเทศ คำสวัสดีต่างๆในประเทศกลุ่มอาเซียน เกมส์ที่ฝึกความสามัคคี การสร้างสรรค์ชุดให้สอดคล้องกับประเทศจากขยะรีไซเคิล และฐานสุดท้ายเป็นฐานประทับใจมากๆค่ะ คือความฝันเป็นจริงไงคะ  เป็นทหารจากค่ายเสนาณรงค์ค่ะ เป็นการฝึกระเบียบ ท่าบริหารกาย และท่าทำโทษเบื้องต้น ไอ้ความรู้มันไม่ค่อยสำคัญมากเท่าไรหรอกค่ะ มันสำคัญตรงที่คนที่บรรยาย ดันหล่อน่ะสิคะ หล่อมาก จัดฟันซะด้วย แถมสีแดงอีกต่างหาก ใช้ภาษาอังกฤษได้ในเกณฑ์ดีเลยแหละ เป็นนักศึกษา จาก PSU.HATYAI ค่ะ ดีกรีเป็นถึงพระเอกละครเวที เรื่องกากีด้วยนะเนี่ย ในความคิดจะทำยังไงให้ได้ใกล้ชิดล่ะทีนี้ อย่างแรก คือแกล้งทำไม่เข้าใจ ทำไม่เป็นในท่าที่เขาสอน สุดท้ายเขาก็เข้ามาสอนจับมือจับไม้ แกล้งเขา และได้รอยยิ้มกลับมาเยอะมากๆ อยากจะบอกว่า ฐานนี้ ทำให้ฉันมีความสุขที่สุด เมื่อกิจกรรมเข้าฐานจบลง เรามี Break อีกแล้วค่ะ กินจนอิ่ม เราก็แยกย้ายไปทำภารกิจส่วนตัว อาบน้ำ แปรงฟัน หลังจากที่สกปรกมาทั้งวัน เมื่อเราไปถึงห้องน้ำก็สำรวจก่อนค่ะว่าห้องน้ำเป็นไง ห้องน้ำก็สะอาดดี มีทั้งห้องน้ำรวม และเป็นห้อง บางคนก็สะดวกที่จะอาบรวม บางคนก็ต้องการส่วนตัว แต่สำหรับฉันแล้วก็ต้องอาบรวมค่ะ และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเพื่อนจากประเทศจีน คือ        อาโหลว และอาหนาน อาบน้ำและเขาก็ถอดเสื้อผ้าหมดค่ะ คือมันผิดประเพณีคนไทยไงคะ คือเขาไม่อายเลย และก็ยิ้มด้วยซ้ำ ต่างที่กับเรา อายแทนสิคะ แอบหันหน้าไปทางอื่นบ้าง แปรงฟันบ้าง แอบมองบ้างก็มีนะ นี่แหละคือสิ่งที่ต้องเรียนรู้นั่นคือ หัดยอมรับวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป ได้แต่ยิ้มและพร้อมเข้าใจ ต่างพูดในใจว่า “ตามสบายเลย You




                ก่อนกิจกรรมภาคค่ำ เราก็ต้องหาอะไรลองท้องก่อนค่ะ คราวนี้ออกเดินทางด้วยเท้าเปล่าไปกินข้าวค่ำไกลหน่อย นั่นคือถัดไปอีกหลายตึกจากที่พักค่ะ แต่พอไปถึงก็ประทับใจค่ะ อาหารอร่อยมาก เป็นบุฟเฟ่ต์ค่ะ เป็นอาหารระดับโรงแรมเลยทีเดียว ตัวฉันก็เล่นกิจซะจนอิ่มเลย แต่ก็ไม่วายที่จะสร้างมิตรสัมพันธ์อันดีงาม ต่อเพื่อนต่างมหาวิทยาลัยอีกด้วย หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับมาทำกิจกรรมภาคค่ำกันต่อ กิจกรรมก็มีอีกเยอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเขียนภาษาอังกฤษบ้าง เต้นเพลงประกอบท่าทาง และที่ดีใจไปกว่านั้น คือดีใจที่เขาปล่อยให้พี่ๆทหารมาร่วมทำกิจกรรมกับเราด้วย เราทุกคนต่างมีความสุขกันมาก ร่วมกันเต้น ร่วมกันคิด ร่วมกันเล่นเกมส์ จนถึงเวลาที่ต้องแยกไปนอน  ก่อนนอนก็อยู่คุยกันต่อ เมื่อถึงเวลาที่สมควรก็แยกย้ายเข้านอน และถือได้ว่านี่เป็นวันแรกที่มีเรื่องน่าจดจำเยอะเลย


เช้าวันรุ่งขึ้นก็รีบตื่นทำภารกิจค่ะ คืออาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน และอย่างที่บอกฉันก็อาบน้ำพร้อมกับเพื่อนอย่าง     อาโหลว และอาหนาน ตลอดมา ตื่นเช้ามาก็มีอาหาร เช่น ข้าวต้มไก่ ไข่ลวก กาแฟ โอวัลติน ปาท่องโก๋ ข้าวต้มมัด และอีกเยอะแยะ บอกได้เลยว่าค่ายนี้เลี้ยงดูได้ดีมาก เมื่อเสร็จจากอาหารเช้า เราก็เดินทางทำกิจกรรมกันต่อค่ะ วันนี้เราเดินทางไปเรียนรู้วิถีชีวิต ที่ ต.เกาะยอ จ.สงขลากันค่ะ ซึ่งกลุ่มของฉันก็ได้เดินทางไปศึกษา ณ สวนผลไม้ผสมมั้งค่ะ คือมีผลไม้เยอะมาก กินได้ตลอดปี ซึ่งก็ไม่พลาดที่จะขอชิม และหยิบติดไม้ติดมือกลับค่ายด้วย  ได้ทราบประวัติของการทำสวน และประวัติของผลไม้ขึ้นชื่ออย่าง จำปาดะ ของดีเกาะยออีกด้วย และเมื่อศึกษาดูงานเหล่านี้เสร็จก็เดินทางกลับค่ายเสนาณรงค์ต่อ กลับไปสรุปงาน หัดนำข้อดีข้อเสียมาปรับปรุง หรือคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่มของดิฉันก็เลือกที่จะทำ Jackfruit Yogurt ค่ะ และให้นำเสนอด้วยว่าทำไมถึงเลือกผลิตภันฑ์นี้ ที่สำคัญคือต้องแข่งขันกับกลุ่มอื่นด้วย และรอประกาศผลอีกที ตอนกลางคืนค่ะ
หลังจากนั้นแยกย้าย รับประทานอาหาร และรอทำกิจกรรมอีกที ช่วงค่ะ ช่วงค่ำ กิจกรรมก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่คิดเอกลักษณ์ที่แสดงออกถึงแต่ละเทศ และประกาศรางวัลต่างๆค่ะ ซึ่งกลุ่มของดิฉัน ก็คว้ามาได้สองรางวัลค่ะ นั่นคือ รางรองชนะเลิศอันสอง การเข้าฐาน Walk Rally และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง การแสดงที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย และรางวัลที่น่าประทับใจที่สุด นั่นคือการประกาศผล Miss & Mister AEC Congeniality ซึ่งมาจากการโหวตของเพื่อนร่วมค่ายทั้งหมด รางวัล Miss AEC Congeniality ได้แก่ น้องดา จากมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ และรางวัล Mister AEC Congeniality ได้แก่ พี่เคน และน้องกลูต้า จาก มหาวิทยาลัยทักษิณ ดีใจค่ะ ดีใจ ไม่คิดว่าจะเป็นเรา สุดท้าย เมื่อมีคะแนนเท่ากันสองคน ก็ต้องมีการโชว์เพื่อให้เพื่อนๆร่วมค่ายโหวตอีกครั้ง ซึ่งดิฉันก็จัดเต็มค่ะ จัดเพลง อีแก้วปิ้งไก่ และ มิสซิสเหี่ยน ไปเต็มๆ จึงทำให้คว้ารางวัลนี้มา ซึ่งเป็นรางวัลที่ประทับใจมากๆ และได้รับถ้วยรางวัลจากมหาวิทยาลัยหาดใหญ่อีกด้วย กิจกรรมคืนนี้ก็สิ้นสุดลง พักเข้านอน และตอนเช้าก็มีกิจกรรมมอบเกียรติบัตร สรุปวัตถุประสงค์ของค่ายและแยกย้ายกันกลับมหาวิทยาลัย


 กิจกรรมค่ายครั้งนี้มันทำให้ฉันลืมการเรียนรู้คำว่า “อาเซียน” ที่น่าเบื่อไปเลย อีกทั้งยังได้รับมิตรภาพ จากเพื่อนต่างชาติ เพื่อนต่างมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย อยากจะบอกให้เราลองสละเวลาเพียงนิด เพื่อทำสิ่งดีๆ ลองพักการกระทำที่วุ่นวายจากรั้วมหาวิทยาลัย ไปสัมผัสค่าย กิจกรรมจากโลกภายนอก แล้วจะทำให้เราได้รับมิตรภาพดีๆที่หามิได้จากการเรียนในห้องเรียน ขอขอบคุณอาจารย์นก ที่หากิจกรรมดีๆให้นักเรียนหลังห้องที่ชื่อ ศตวรรษ ได้เข้าร่วมและทำกิจกรรมต่าง โอกาสต่อไปก็หาหาทางที่จะเข้าร่วมมันอีก แต่อยากจะบอกว่า กิจกรรมครั้งนี้มันทำให้ฉันประทับใจจริงๆ….


 ------------------------------------------------------------------