วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562

รื่นรมย์ดมดอกไม้ Fragrance of life


Green thumb / green finger ใครมือเขียว นิ้วชี้เขียว มือเย็น ก็จะมีความสามารถของการปลูกพืชให้รอดชีวิตได้ง่าย

ช่วงหลังๆฉันไม่ค่อยได้ปลูกต้นไม้มากอย่างที่ตั้งใจอยากปลูก แต่งานเกษตรแฟร์ที่มอ.หาดใหญ่ ฉันตั้งหน้ารอคอยทุกปีนะ สิ่งที่ได้กลับมาแต่ละปีมักเป็นหนังสือ 55 ฉันมักจะหยุดอยู่ที่มุมหนังสือและคุ้ยๆเขี่ยๆหาหนังสืออยู่แถวนั้น

ฉันมักชอบซื้อต้นไม้เล็กๆ มาแขวน เช่นหนวดฤาษี กระบองเพชร (ซึ่งเลิกเห่อแล้ว) ฉันชอบต้นมิ๊นท์มาก ฉันซื้อติดๆกันมา 2-3 ปีแล้ว เพราะตายทุกปี (อิๆ มันใช่เหรอ) ฉันปลูกเพื่อจะเด็ดใบมาดมเล่น กลิ่นมันให้ความรู้สึกสดชื่น เหมือนเวลากินไอศกรีมรส mint หรือกินยาสีฟันรส mint  (เอ๊ย อันนี้ไม่ใช่ละ)

หากถามว่าฉันชอบปลูกพืชแบบไหน

ฉันชอบปลูกไม้ประดับ เช่น บานไม่รู้โรย (หรือกุนหยี ในภาษาใต้)  บานชื่น บานเย็น   คุณนายตื่นสาย สาวเชียงใหม่ พลูด่าง เศรษฐีพันล้าน (ใบคล้ายๆมีสะเปอร์ (เรียกแบบนี้ไหม) ที่จะแพร่พันธุ์ไปได้เยอะมาก คล้ายๆกับใบคว่ำตายหงายเป็น ที่ตอนเด็กๆชอบเอามาใส่ในหนังสือ มันจะมีรากงอกออกมาในเวลาไม่นาน และเหี่ยวยากมาก เวลาเดินไปโรงเรียน ผ่านป่าช้า จะเห็นต้นคว่ำตายหงายเป็นเยอะมากๆ  นอกจากต้นนี้ ไมยราพก็เยอะ ฉันชอบเอานิ้วไปจิ้มเพื่อให้ใบมันหุบตัว มัน sensitive น่าดู แตะนิดแตะหน่อย ก็ปิดตัวเอง  

เวลาเดินเล่นตอนค่ำ ผ่านบ้านน้ารัตน์ ต้นจำปี/จำปา (ยังแยกไม่ค่อยออก จำผิดจำถูก) กลิ่นหอมมาก ฉันมักหยุดเดินเพื่อสูดกลิ่นแล้วไปต่อ (เพื่อนอินโด Tutik เคยพูดเรื่องการการดมกลิ่นดอกไม้แบบตั้งใจสูดกลิ่นดมว่า เราควรปล่อยให้ความรู้สึกของการหอมดอกไม้เป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่ต้องตั้งใจมาก จะดูรื่นรมย์กว่า)

อบต.ส่งเสริมการปลูกผักสวนครัวด้วยนะ ด้วยการแจกกระถางสีดำพลาสติกบ้านละ 5 กระถาง พร้อมดิน ให้ปลูกอะไรก็ได้ ทั้ง 5 กระถางของฉันจะมีความสมรม fusion สูงมาก ฉันปลูกมะเขีอยาว กระเพราะ แซมด้วยบานชื่น (ยังไม่โผล่จากดิน) ต้อยติ่ง ที่โอนเอนไปมา ตามอารมณ์เจ้าของ 55 

เวลาฉันเดินผ่านหน้าบ้านที่มีดอกไม้ ต้นไม้ทั้งกินได้ และกินไม่ได้ ฉันจะหยุดชื่นชมทั้งต้นไม้ และคนปลูกที่เค้าดูแลมันจนงอกงาม 

การปลูกต้นไม้ก็คงเหมือนกับการดูแลเด็ก เฝ้าดูเขาเติบโต ออกกิ่งก้าน ฉันสอนหนังสือ ฉันมีลูกศิษย์เป็นต้นไม้ ระหว่าง 4 ปี โตบ้างไม่โตบ้างทางความคิด แต่ส่วนใหญ่ต้นไม้ของฉันเป็นเด็กดี (สรุปว่าเป็นต้นไม้หรือคน ;) เมื่อจบกันไปพวกเขายังคิดถึงมหาลัย คิดถึงที่ดินที่เคยเพาะพันธุ์พวกเขาในระยะเวลาหนึ่ง 

เราล้วนต่างมีความทรงจำกับมหาลัยกันทั้งนั้นสินะ 

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ช้าง + นก


ช้าง ช้าง ช้าง

สมัยเรียนประถม มีเพื่อนผู้ชายชื่อ "ช้าง" 2 คน ทั้ง 2 คนมีลักษณะที่ต่างกันเลยถูกเรียกว่า ช้างขาว (ผิวขาว) และ ช้างดำ เราเรียกเพื่อนว่าช้างขาว ช้างดำ จนแทบลืมไปว่าเพื่อนชื่อ "ช้าง" เฉยๆ

ป้าเหวียง แม่ของช้าง มักเล่าให้ฟังบ่อยๆ จนโตเวลาเจอกันก็ยังชอบเล่าเรื่องนี้ว่าวันคลอด แม่กับป้า
เหวียงนอนที่รพ.ด้วยกัน และคืนวันที่ 19 ม.ค. คลอดช้าง ส่วนนกเกิดเวลา 00.10 น. นกเลยถือว่าเกิดวันที่ 20 ม.ค. ชื่อพวกเราก็ยังเป็นตระกูลสัตว์เหมือนกันอีกด้วย แต่เป็นสัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก 55

พี่สาวช้าง คือ พี่กา + น้องช้าง
ส่วนเราพี่สาวชื่อ หนู แม่เลยตั้งชื่อให้คล้องๆตระกูลเดียวกัน ผลจากการตั้งชื่อจากวันนั้น - วันนี้ บ้านมีสภาพเป็นรังมาก รังนก รังหนู (นี่โทษการตั้งชื่อของแม่)

ป้าเหวียงและแม่มักจะเล่าเรื่องพี่หนูตอนเกิดอยู่บ่อยๆ (แม่คงจำไม่ได้ว่าตอนเกิดเราเป็นยังไง) เพราะพี่เกิดที่เกาะยอ ตัวแดงๆเหมือนหนู ตัวเล็ก และเหมือนจะไม่รอด จนคิดว่าน่าจะตาย แม่ร้องไห้ แต่ผ่านไประยะหนึ่ง พี่ร้องเสียงดัง เลยรู้ว่าไม่ตาย พี่เลยได้ชื่อจริง "บุญญา" (โชคดี ยังมีบุญ ที่รอดมีชีวิตมาได้)

ส่วนชื่อนก ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษอย่างที่บอกไว้ข้างต้น
เมื่อเด็กๆรู้สึกชื่อมันโหลๆ โชคดีที่ชื่อจริง ทำให้รู้สึกว่าเป็นนกที่มีตัวเดียวในโลก "ดิญะพร"
ซึ่งคนก็มักอ่านผิดอ่านถูกเป็น ศิญะพร ดิศยะพร ดิศพร ติญะพร ทั้งที่ชื่อมันตรงตัวขนาดนั้น

จำได้ว่าแม่บอกว่าตั้งใจให้เป็น เด็กผู้หญิง (ดิญะ มีตัวอักษรคล้าย ดญ.) ที่มีพรสวรรค์
ที่จนป่านนี้ฉันก็ยังสงสัยว่าพรสวรรค์อันใดบ้าง ที่มาสิงร่างของฉัน: )

ฉันมีแต่ "พรแสวง" อิๆ

------
เมื่อฉันสอนหลานเรื่องเสียงร้องของสัตว์ น้องเกียร์ ลูกแม่ไก่ ร้องได้ทุกเสียง เมื่อฉันถามว่า

Q: ช้างร้องยังไง

A: "ช้าง ช้าง ช้าง" คือคำตอบของเด็กน้อย เพราะเพลงของเด็กๆจะมีเพลงนี้เป็นเพลงหลัก ช้างๆๆ น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า ช้างมันตัวโตไม่เบา จมูกยาวๆ เรียกว่างวง (tusk) มีเขี้ยวใต้งวงเรียกว่างา (ivory) 


๋Japan trip: 1 night in BKK


แพ็คกระเป๋าเดินทางเป็นอาทิตย์และเพิ่งจะเสร็จเอาเมื่อวันเดินทาง 55  ตอนแรกกะจะเอากระเป๋าใบสีฟ้าขนาดกลาง แต่เมื่อซื้อเสื้อกันหนาวซะ 2 ตัวและเครื่องกันหนาวสารพัด มันเลยไม่น่าจะพอ เลยเอาใบใหญ่สุดเท่าที่มี (ใบที่ซื้อกลับมาจากอเมริกาเนื่องจากว่าใบที่เอาไปจากไทยล้อหลุด เลยทิ้งไว้ที่โน่น) ใบนี้เพิ่งจะได้ฤกษ์ใช้เป็นครั้งที่ 2 เอง อิๆ กลัวจะไม่คุ้มเลยต้องใช้ซะหน่อย

ก่อนหน้าการเดินทาง 1 อาทิตย์เราไปซื้อเสื้อผ้ากันหนาวมือสองตลาดนัดรถไฟ โอ้โฮ ใช้เงินหมดจนหยดสุดท้าย ได้ทั้งผ้าพันคอ เสื้อโค๊ต หมวก หมดไป 1000 กว่าบาท

กลับมารีบซักด้วยความเห่อ และจัดกระเป๋าพลางๆ ระหว่างจัดก็จะมีลูกสมุนแมว (ต่อไปกรุณาเรียกเราว่า "นก แมวดำ เอ๊ย มนต์ดำ" อิๆ)

รู้จาก อ.ทากายูกิ Akira & Yuka ว่าญี่ปุ่นอุณหภูมิติดลบ เลยกลัวหนาวขึ้นสมองค่ะงานนี้

ลองชั่งกิโลกระเป๋า นน.อยู่ที่ 15.6 กก.เราเลยเอาออกมาแบ่งใส่ในเป้เดินทางอีกหน่อย เพราะสายการบินในประเทศคือ Thai Lion Air อนุญาตแค่ 15 ก.ก. (แต่ใจดีสามารถเอาขึ้นเครื่องได้อีก 7 ก.ก.)

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562

สวนผักของฉัน


ผักสวนครัว รั้วกินได้ 

โรงเรียนประถมส่วนใหญ่ แต่ไหนแต่ไรมักจะฝึกเด็กๆให้หัดทำสวน ปลูกผักสวนครัว ที่โรงเรียนวัดท้ายยอก็เหมือนกัน หลังห้อง ป. 1 จะมีแปลงผักหลายแปลงให้เด็กๆได้ลองฝึกเป็นชาวสวน
เมื่อตอนอยู่ป.1 ฉันมักชะเง้อหน้าต่างดูพี่ๆชั้นโตๆมาปลูกผัก รดน้ำผัก พรวนดิน ดูพี่ๆมีความสุขจัง

เมื่อไหร่ฉันจะได้ทำบ้างน๊า...

เวลาเรียนผ่านไปจนเข้าป. 4 ฉันก็ได้เวลาลงแปลง เพื่อปลูกผักบุ้ง (ผักยอดฮิตของเด็กๆที่ทำอาหารกินง่าย ผัดผักบุ้งเป็นมื้อง่ายๆ เป็นเมนูไม่คิดมากในสมัยนั้น) เพื่อนผู้ชายเป็นฝ่ายลงแรง (ซะส่วนใหญ่) ในขณะที่ฉันกินแรง (Oops! ม่ายช่าย) การปลูกผักบุ้งด้วยเมล็ด มันสนุกตรงที่ต้องรอลุ้นให้ต้นอ่อนขึ้น และเมื่อต้นอ่อนโต ก็รอเวลามันจะโตเรื่อยๆจนสามารถเก็บไปกินได้ บ่อน้ำอยู่ใกล้ๆกับแปลง ทุกเย็นและเช้าจะมีเวรให้นร.ไปรดน้ำต้นผักบุ้ง อันนี้ถึงจะเป็นงานของฉัน อิๆ 

เช้า-เย็น นักเรียนเวียนรดต้นผักบุ้ง จนเมื่อมันตัดได้ ก็จะมีการตัดผักบุ้งแบ่งเอากลับบ้าน จำได้ว่าสมัยนั้นวิชาเกษตร คุณครูสุรินทร์ ครูขนิษฐ์ ครูกษิตเป็นคนสอน (วิชา outdoor ครูสุรินทร์สอนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นวิชาพลศึกษา / เกษตร)

------------------
ผักบุ้งย้ายถิ่น

 2 สัปดาห์ที่แล้ว ฉันเข้าไปในโรงเรียนและแอบดูว่าที่โรงเรียนปลูกผักสวนครัวอะไรบ้าง เวลาผ่านไปความนิยมของการปลูกผักบุ้งเริ่มน้อยลง ผักบุ้งถูกปลูกอยู่ในยางล้อรถ 2-3 กระถาง ส่วนแปลงที่อยู่หน้าห้องป.3-4 ที่มักจะปลูกดอกไม้ ก็กลายเป็นแปลงมะเขือยาวงามๆที่กำลังออกลูก(ยาวๆ)ห้อยระย้า น่าจะคล้ายๆกับนมยานๆของย่าที่เราชอบจับเล่นเย็นๆตอนเด็กๆ :) 

การได้เล่นดิน ณ ขณะทำแปลงผัก ได้จับต้องธรรมชาติ ทำให้วัยเด็กนร.ของฉันจะมีความทรงจำเรื่องต้นไม้ปะปนอยู่ด้วยเสมอ

---------------------

สวนผัก(ลอยฟ้า)ของฉัน
  



พี่แวว (เพื่อนร่วมงาน) บอกว่าฉันช่างกล้าที่ใช้คำว่าสวนผัก 55 เพราะสวนที่ฉันว่ามีแค่ต้นกระเพรา 
จนโตฉันก็ยังสับสนระหว่างต้นโหระพากับกระเพรา (เป็นคนที่ไม่กินข้าวผัดกระเพราเลยจำไม่ค่อยได้ เหตุผลนี้มีความ logic ไหม อิๆ)

เมื่อหลังสนง.ชั้น 4 มีที่ดินว่าง (ใช้คำว่าที่ดิน มีความดูรวย 55) และไม่มีใครปลูกอะไร ฉันเลยดูว่ามีต้นอะไรที่บ้านบ้างที่น่าจะปลูกแบบ(ทอด)ทิ้งได้ (น่าน... นิสัย) เอ๊ย ไม่ต้องดูแลมาก ฝากเทวดาเลี้ยง เวลาท่านเศร้าๆ ฝนตก ต้นไม้ก็จะชุ่มชื้น ดูแลตัวเองไป 

ฉันยังไปขอดอกคุณนายตื่นสายมาแซมๆ เพื่อให้ทั้ง 2 พืช อยู่ด้วยกัน เห็นไหมเริ่มเป็น"สวนผักสมรม"แล้ว ฉันโฆษณาผักกระเพราให้เพื่อนๆที่สนง.เอาไปกินได้เลย จะได้เริ่มปลูกต้นอย่างอื่นอีก 

พื้นที่สวนของฉันยังเหลืออีกเยอะ ฉันจะปลูกอะไรดีน๊า...

โรงเรียนของฉัน




โรงเรียนของฉัน



โรงเรียนของฉันน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็กๆก็ไม่ซุกชน พวกเราทุกคนชอบไปโรงเรียน ชอบไป ชอบไปโรงเรียน
จบประถม 6 มานานแล้ว ความทรงจำเกี่ยวกับวัยประถมเริ่มรางเลือน
ตอนนี้เมื่อฉันเป็นครู ฉันผ่านโรงเรียนเก่าทุกวัน ฉันมักมองเข้าไปในโรงเรียนและดูความเปลี่ยนแปลงผ่านสีผนังห้องใหม่ ชั้นเรียนใหม่ของเด็กๆ หรือเสียงเด็กๆที่ท่องอาขยานดังออกมาถึงถนนใหญ่

"โรงเรียนวัดท้ายยอ" ชื่อดูเป็นโรงเรียนวัด แต่นักเรียนจะไม่ค่อยรู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของวัด เพราะไม่ได้ตั้งอยู่ในวัด มันแยกตัวเป็นสัดส่วนมาตั้งอยู่ในอีก 1 หมู่บ้าน คือหมู่ที่ 9 บ้านสวนใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านใหม่สุดของของตำบลเกาะยอ เลยได้ชื่อว่าบ้านสวนใหม่

ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้เข้าชั้นเรียนอนุบาลในทันที ห้องเรียนแรกที่ฉันเข้าคือห้อง ป.2 เพราะพี่สาวซึ่งอายุห่างกับฉัน 2 ปี เรียน ป.2 ฉันไปนั่งเล่นในห้องป.2 อยู่หลายวัน คุณครูพวงเพ็ญ ครูประจำชั้นป.2 ก็ใจดี ไม่ว่าอะไร ฉันคิดว่าครูคงแนะนำ(ด้วยอาจมีรำคาญ เอ๊ย ไม่ใช่) ให้แม่ไปติดต่อห้องอนุบาล ให้ฉันไปเข้าห้องเรียนตามวัย

ฉันเลยกลายเป็นนักเรียนอนุบาลเลขที่สุดท้ายอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่นั้นมา

แม่เล่าว่าวันที่เดินมาส่งฉันที่โรงเรียน พอถึงประตูโรงเรียนฉันรีบปล่อยมือแม่ เพื่อจะวิ่งเข้าชั้นเรียน ( 55 ดูแล้วมีความเป็นนักเรียนรักเรียนตั้งแต่ตอนนั้น) ชีวิตวัยอนุบาลฉันจำอะไรไม่ค่อยได้มาก รู้แต่ว่าเมื่อฉันอยากใช้สมุดจนหมด แม้เมื่อได้เวลาเพื่อนๆไปเล่นนอกชั้นเรียน ฉันก็จะนั่งเขียนหนังสือ ก.ไก่ – ฮ.นกฮูกตาโต ตัวโตๆไปเรื่อยๆ เขียนตัวหม้อแกงได้เต็มหน้า ฉันก็เดินไปส่งการบ้านที่ครู (เป็นการบ้านตรงไหน) ครูกำลังคุยกับเพื่อนครู ฉันก็ไม่สนใจ (บอกแล้วว่าเด็ก) ขอให้ครูให้ลายเซ็น หรือดาวให้ฉันด้วย ครูทั้งบอกว่า “พอแล้ว” “ไปเล่นกับเพื่อนได้แล้ว” ฉันก็ดื้อ เป้าหมายของวันนี้ ต้องทำสมุดให้หมดเล่ม!

ความหัวหมอของฉันเริ่มมาตั้งแต่ตอนนั้น