วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Bye bye my last day of 2019


Add caption

Dear diary,

We've come to the last page of 365 pages. Here we go.

The new year is approaching just tomorrow. I hope you have a joyful year ahead.  Do you write any new year resolutions?  To me, almost every year I write some, but think this year I may write the same resolutions so I quit :) 

Thailand has a long holiday starting from Sat. 28 Dec. - 1 Jan. 2020. Ritually, I mostly stay at home during this period reading and sorting out stuff.  Have you ever heard about the idea of Ms. Marie Kondo, the Japanese organizational guru, who initiated the idea of 'spark joy'? That is, if you want to dump things, you may think if those things still spark joy or not. If not, just let them go. Sounds simple, right?  

Therefore, my plan is to sorting books out.  I have tons of books on a bookshelf. They are now maybe crying as the owner has ignored them for so long.  Admittedly,  I can't help buying both first hand and 2nd- hand books when I visit a bookstore.  

2 days ago I climbed the mountain to see the Black & White pagodas on the other side of the Songkhla pier. The local govt. has promoted it to be the sacred place and link this route to Songkhla World Heritage ( which is still in a process). I just realized that I wasn't that strong. Climbing up steep stairs made me so exhausted. I really wanted to crawl. I saw 1 strayed dog walking elegantly past me. I would really like to be his friend so that he could carry me on top to the top of the mount. (The reason to befriend with the dog is quite weird, huh? If that dog knows, it probably thinks I'm not a good friend as I just look for my own benefit;). 

 Each time I successfully climbed up the mount, the sense of achievement excites me and I would like to do it again once a year at least. 

Well, this month I am kind of Ms. Santa Claus. I mainly organized the Christmas Party for Eng. major on 22 Dec. 2019 and also on 25 Dec. Sterling my American co-worker, 15 Eng.major freshmen, & I did a flashmob walking from classroom to classroom and also a canteen to sing Christmas carols and happily, the students in other classes look surprised and I thought this activity brighten their days and also woke them up:)   20 students & I also visited the orphanage in Hatyai to read and play with kids.  ( Pls see a Christmas card that I helped the staff at the orphanage made it.) 

Happy new year 2020.
Till we meet again. And we'll start fresh. 
See you, the first page of new 365 pages. 

Nok 

วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ภูเขาและเป้าหมายสูงใหญ่



 We have no limit if we set our goal high

High ในที่นี่ของเราไม่ใช่เป้าหมายสูงๆ แต่กลับเป็นสถานที่สูงที่เคยแหงนมองแล้วก็เคยพิชิตมาแล้ว (มีความเชิ่ดหน้าได้ ณ จุดๆนี้) แต่ความเป็นจริง คือ...

เราโม้เพื่อนว่าหากอยากเที่ยวสงขลาแบบที่นักท่องเที่ยวคนอื่นๆมักจะไม่ค่อยได้ไปถึงกัน คือการต้องไปฝั่งหัวเขาแดง ปีนเขาดูป้อมปราการ (fortress) กำแพงเมืองเก่าๆของสงขลา และเห็นเจดีย์ที่อยู่บนเขาแบบลิบๆนั่นไหม นั่นล่ะ เราจะไปพิชิตกัน  "ภูเขามีไว้ให้คนกล้าได้ปีนป่าย" ( 55 มีความฮึกเหิมเบอร์ 10)

เมื่อเพื่อนตกลงโดยง่าย เราก็ได้ใจ นึกในใจเดินขึ้นเขาไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่มหาลัย เราก็เดินบันไดขึ้นลงๆอยู่บ่อยๆ แถมไปครั้งนี้ไปเส้นทางใหม่ มีทางบันไดให้เดิน 

นี่นับเป็นประสบการณ์การปีน (หรือจะเรียกว่าเดินขึ้นเขาดีนะ) ครั้งที่ 2 ของเรา   (เอิ่ม จะมีครั้งต่อไปไหม ยังไม่แน่ใจ แฮ่) 
การไปครั้งแรกของเราเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เราไปในรายวิชาการอบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่น: สงขลาเมืองเก่า ซึ่งกำหนดว่าผู้เข้าร่วมอบรมทุกคนต้องไปที่นี่เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์สงขลายุคแรกๆ ครั้งนั้นใช้อีกเส้นทางนึง เดินเข้าป่า ไม่ได้มีบันไดชันๆมากเท่านี้ ตอนนั้นกล่อมน้องแบม จุ๋ม และแม่จุ๋มให้ร่วมผจญภัยไปด้วยกันได้)  

ครั้งนี้ทำไมเหนื๊อย เหนื่อย เหนื่อยมากกกก (ลากยาวไปถึงยอดเขาเจดีย์องค์ดำ) เราว่าเราคงขึ้นผิดทาง (แน่ะโทษทาง) เราขึ้นทางที่ใช้เป็นทางลง เรามีความเสียอาการมาก เห็นที่พักระหว่างทางไม่ได้ ร่ำร้องขอพัก โดยมีเพื่อนคอยกระตุ้นอยู่ตลอดเวลา เหนื่อย หายใจไม่ค่อยทัน ขาล้า ยกขาเดินต่อไม่ไหว ไม่เอาๆอยากพัก แผ่ร่าง ลงนอน (เอิ่ม มีที่นอนไหม) 

เราอยากเดินชิลล์ๆในจังหวะเดียวกับเพื่อน ซึ่งทำไมดูไม่เหนื่อย เพื่อนต้องแอบความรู้สึกไว้แน่เลย มันเหนื่อยมากๆนะ  

เมื่อมีครอบครัวที่เดินสวนลงมา เราซึ่งไม่มีแรงทักทายใคร ไม่ได้พูดอะไรกับครอบครัวนั้น แต่เพื่อนซึ่งนิสัยดีระหว่างทางเกินคาด ทักทายเค้า เค้าเลยถามว่าทำไมไม่มาอีกเส้นทางนึง เดินสบายกว่ากันเยอะ พี่ผญ. (ซึ่งหมายถึงเรา) ไม่น่าจะเดินขึ้นไปถึงนะ หากมาทางนี้

จึ๊ก!! พูดแบบนี้ได้เช่นไรกัน โกรธนะฮับ แต่จากสภาพของเรา ณ จุดๆนั้น คงเป็นคำตอบที่ผช.คนนั้นเห็น (มีความหน้าตาออกอาการเหนื่อยโฮก) 

เรามีหมาดำนำทางด้วยนะ มันเดินของมันไปเรื่อยๆ ดูไม่เหนื่อย และยังมีแวะพักชมป้อมข้างทาง เดินนำไปจนถึงจุดหมาย สงสัยมันจะมาเที่ยวบ่อย เมื่อต้องการความสงบทางจิตใจ ต้องหาที่ยึดเหนี่ยว  (ช่างเหมือนเราเลย เราก็หาที่ยึดเหนี่ยว เป็นที่พักระหว่างขั้นบันได 55) 

แม้เมื่อเขียนเรื่องนี้ในวันนี้ ซึ่งผ่านเหตุการณ์ไปแล้ว 1 วัน เราก็ยังรู้สึกถึงความเหนื่อยได้อย่างชัดเจน 
เราเห็นความแข็งแรงของเพื่อนและหมา (ซึ่งดูประหนึ่งว่าเพื่อนเราได้หมาเป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้ว หมาน้อยเดินตามเหมือนกับรู้จักกันมานาน แถมหมาน้อยยังมาส่งจนขึ้นรถ ดูดีงาม พระราม 9) 

อ้อ...เขียนมาถึงตรงนี้ จะบอกว่าเราก็ถึงเส้นชัยนะ วิวข้างบนสวยมาก ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนที่สูง มองสิ่งต่างๆข้างล่างเล็กไปถนัดตา เราใหญ่ เราใหญ่กว่าใคร (แค่เสียมาดไปนิดหน่อยแล้วจากอาการเหนื่อยที่พูดถึงมาตอนต้น อิๆ ) 

ไว้แก้ตัวใหม่ 

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ฉันได้อะไรจาก "Homo Finisher"



Homo Finisher

เราชอบอ่านหนังสือของนิ้วกลม แต่ไม่เคยคิดว่าจะซื้อหนังสือ Homo Finisher ของนิ้วกลม เพราะไม่รู้สึก in กับเรื่องวิ่ง และแอบคิดไปเอง (ก่อนอ่าน)ว่าคนไม่วิ่ง จะให้ in กับเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน 

เมื่อเพื่อน 1 คนที่เป็นทั้งสายวิ่งและสายดื่ม (ว่าแต่สายสุขภาพกับสายย่อ เอ๊ยสายดื่ม มาอยู่ในคนๆเดียวกันได้ไงนะ อิๆ) บอกว่ามีหนังสือที่อยากให้อ่าน และก็ส่งมาเรื่องนี้มาให้อ่าน !  เราก็รับมา
แบบงงๆ ด้วยความหนาที่เห็นในครั้งแรก คิดในใจ "แล้วเราจะอ่านจบเมื่อไหร่เนี่ย" 

เย้! อ่านจบไปแล้วเมื่อคืน ( 27 ธ.ค.62) เพราะตั้งใจไว้ว่าควรจะอ่านเล่มนี้จบภายในสิ้นปี 62 
ช่วงแรกที่ได้มาเราเห่อมาก พกพาไปหลายๆที่ มีเวลาเมื่อไหร่ก็หยิบมาอ่าน จนทำหายไป 1 ครั้ง 55 
หลังจากนั้นเลยตั้งมันเป็นที่เป็นทาง กันหาย เดี๋ยวเพื่อนงอน

เราพบว่าเรื่องการวิ่งที่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนชีวิต ของนิ้วกลม ช่างชวนติดตาม นิ้วกลมก่อนหน้านี้ที่เรารู้จักจากตัวหนังสือ เราว่าเขาเป็นคน "สุขนิยม" เรื่องราวที่เขียนมักเกี่ยวกับความสุขรอบตัว เรื่องราวแง่บวก ให้แง่คิด แต่ก็ไม่ได้ลงลึกไปถึงระดับปรัชญาชีวิตเท่าเรื่องนี้ Homo Finisher 

นิ้วกลมเล่าเรื่องราวการเริ่มตัดสินใจวิ่งของเค้า แต่ละบทแทรกด้วยคำคมภาษาอังกฤษแบบกระแทกใจ แทบจะทำให้คนอ่านลุกขึ้นมาสวมรองเท้าวิ่งกันเลยทีเดียว

เราเป็นคนชอบเดินมากกว่าวิ่ง แทบจะไม่วิ่งเลย ถ้าให้วิ่ง คือวิ่งเข้าห้องเรียน เพราะตั้งใจว่าจะต้องถึงห้องเรียนไม่สายทุกๆครั้ง เราชอบเดินเร็วและเดินจ้ำ แถมยังเป็นคนไม่ชอบตื่นเช้าก่อน 07.00 น. 
(หากตื่นเช้ากว่านั้นได้ จะต้องเป็นโอกาสพิเศษมากๆ เช่นต้องเดินทางไปไหนและต้องตื่นมาให้ทันตามเวลา) การได้นอนอืดๆอยู่บนฟูก พลิกไปพลิกมาแล้วก็หลับไปอีกรอบ เป็นความสุขของชีวิตอย่างหนึ่งนะ 

แม่มักบอกว่าเวลาเรานอนเป็นเพื่อนยาย  ยายมักปลุกก่อนเวลา 15 นาที และแม่อยากให้ตื่นก่อนเวลาสัก 15 นาที เพื่อมาจัดที่นอน แต่เราก็จะแค่อือๆตามเสียงเรียก และเมื่อดูเวลาว่าเวลายังไม่ถึงที่(ใจ)เราตั้งไว้ เราก็จะยังไม่ลุก

 แม่คงรู้สึกว่าตั้งชื่อลูกสาวผิด "นก" ที่น่าจะเป็นสัตว์ตื่นเช้าๆมาจับนอน เอ๊ย หนอน ก่อนใคร ดังสุภาษิตที่ว่า An early bird gets / catches the worm. นกที่ออกหากินแต่เช้าก็จะจับหนอนมากินได้ก่อนนกตัวอื่นๆ 


การได้มาอ่าน Homo Finisher และการได้รับรู้เรื่องราวของเพื่อนที่มีวินัยกับการวิ่ง วิ่งมาราธอน และการได้สอนบทอ่านนิสิตเรื่อง Running the Natural Way / Running barefoot ทำให้เราสนใจอ่านหนังสือแนวนี้ ( การเป็นนักอ่านทำให้อยากอ่าน แต่ไม่ได้หมายความว่าความอยากจะออกวิ่งเกิดขึ้นแล้วนะ) 
เราชอบอ่านอะไรก็ตามให้รู้ลึก 55 จะขาดก็แต่ปฏิบัติ หนังที่ให้แรงบันดาลใจให้คนลุกขึ้นมาวิ่ง
หากให้นึกก็คือเรื่อง "รัก 7 ปี ดี 7 หน" เราว่าถ้าทั้งหนัง + หนังสือ เล่มนี้ออกมาไล่เลี่ยกัน
มันน่าจะทำให้นัก(อยาก)วิ่งเกิดแรงบันดาลใจแบบพุ่งประฉูดเลยทีเดียว 

หนังสือเล่มนี้สอนหลายอย่าง ที่เรารู้สึกได้มากๆคือ เรื่องการชนะใจตนเองและการมีวินัย การวิ่งทำให้เขามีวินัยกับเรื่องอื่นๆไปด้วย เช่นเรื่องการกินอาหารเพื่อเสริมสุขภาพ การนอนเป็นเวลา แถมนิ้วกลมยังได้กัลยาณมิตรเพิ่มจากการวิ่งอีกด้วย 

การวิ่งทำให้ผู้วิ่งได้อยู่กับความคิดตัวเอง การวิ่งเเป็นการบำบัดของใครหลายคน (แต่หลายๆกิจกรรมก็ถือเป็นการบำบัดได้ ไม่ว่าการอ่านหนังสือ การเดิน การเขียน blog ) แต่ละคนล้วนมีวิถีการบำบัดต่างกันไป

สำหรับเราที่ชอบอ่านหนังสือก็มีหนังสือบำบัด สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ คือการออกเดินมากขึ้น เมื่อคนอื่นออกวิ่ง เราอาจจะกำลังเดินอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของเกาะ หรือมหาวิทยาลัย :)