วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

TSU English Club: All year round activities June 2019 - Feb. 2020




กิจกรรมของชมรมภาษาอังกฤษ 2562
เพื่อให้กิจกรรมและการเรียนรู้ของนิสิตมีความหลากหลาย กิจกรรมที่จัดเลยพยายามจะให้มีทุกเดือน แต่ละเดือน หากมีอาสาสมัครต่างชาติจาก VSA & International Christian Club เข้ามา ก็จะมีการทำเรียนรู้ทั้งในห้องเรียน และทำกิจกรรมเพื่อให้นิสิตได้พูดคุยกับเพื่อนต่างชาตินอกชั้นเรียนด้วย หรือหากมีนิสิตแลกเปลี่ยน เราก็พยายามชักชวนให้พวกเขาได้ร่วมนำเสนอ country presentation เพื่อให้คนไทยได้เรียนรู้และรู้จักประเทศพวกเขามากขึ้น



1. เรียนรู้วัฒนธรรมผ่านแผ่นฟิล์ม The kid from the Big Apple & เรียนรู้ภาษามาเลย์
24 มิย. - 10 กค. 62 โชคดีที่เราทำโครงการ Student Mobility ร่วมกับ UNIMAS ทำให้ได้ดูแลนิสิตแลกเปลี่ยนมาเลย์ จำนวน 10 คน พวกเขาน่ารักมาก เราบอกให้นำหนังมาด้วย 1 เรื่อง เพื่อให้นิสิตไทยได้ดู และเข้าใจสังคมมาเลย์มากขึ้น เค้าเลยเลือกเรื่องนี้ซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตา + หลาน ที่มาจากอเมริกา ตาพยายามปรับตัวเข้าหาหลาน ส่วนหลาน เด็กยุคใหม่ ดื้อไปบ้าง แต่ก็ค่อยๆดีขึ้นเมื่อได้รับความรักจากตา

2. Learning Indonesian Cultures



Mega นิสิตจาก Bengkulu University มาแลกเปลี่ยนที่มหาลัย 3 อาทิตย์ เราช่วยดูแลเธอ พาเธอทำกิจกรรมโน่นนี่ (ชวนไปร้านหนังสือมือสอง พาไปพิพิธฯ เที่ยวตลาดเกาะยอ) เราชวนเธอให้ลองนำเสนอประเทศอินโดนีเซีย เธอทำได้ดีมาก 

เราว่านิสิตอินโดมีความน่ารักตรงที่มีความกล้าแสดงออก กล้าพูด กล้านำเกม เมื่ออยู่ต่อหน้าสาธารณะก็ไม่มีเขินอาย นิสิต Bengkulu ที่เราสนิทมากๆ อีกคน คือ Fardinata ซึ่งเราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเขาไม่มีนามสกุล! 


3.  Learning New Zealander & American cultures / Learning Korean Cultures




ขอบคุณคุณน้อย ผู้ประสานงานชมรมคริสเตียนนานาชาติ ที่นำนิสิต NZ / Korea / USA มาร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนกับนิสิตม.ทักษิณ ทุกๆปี เธอจะแจ้งมาว่ามีนิสิตต่างชาติมาเป็นอาสาสมัคร สนใจจะให้เข้าชั้นเรียนไหม 

อาสาสมัครแต่ละคน แต่ละปีก็จะต่างกันไป ปีนี้ (ก.พ.63) เราได้เรียน Cha cha line dance จาก USA ด้วย สนุกมาก และไม่ยาก เพียงแต่ต้องเต้นเร็วๆ ไม่เวียนหัวไปซะก่อน อิๆ step ต่างๆ จะบอกอยู่ในเพลงแล้ว 

stomp = กระทืบเท้า
take (it) back = ถอยหลัง
slide to the left/right = เลื่อนเท้าไปด้านซ้าย/ขวา




4. Learning Filipino Cultures
ขอบคุณ Irish & Erika ที่มาแชร์ country presentation เกมส์ อาหาร ของฟิลิปปินส์ๆเป็นปท.เดียวใน SEA ที่เรายังไม่มีโอกาสได้ไป จะต้องหาโอกาสไปให้ได้ใน 2-3 ปีนี้ 


5. เรียนรู้งานโรงแรม 5 ดาว : ศิษย์เก่าเอกอังกฤษเล่าเรื่อง (แอน ชนันภรณ์ ฝ่ายบุคคล(ดูแลนิสิตฝึกงาน) โรงแรมดุสิตธานี กระบี่บีช รีสอร์ท) 



แอนจะมี roaad show ไปตามมหาลัยต่างๆเพื่อหานิสิตฝึกงาน / เผยแพร่โรงแรม เลยเป็นโอกาสดีเมื่อแอนขอมาเข้าบรรยายเรื่องการทำงานในโรงแรม 5 ดาว ให้นิสิตม.ทักษิณ ฟัง เวลาขอนำนิสิตเอกอังกฤษไปดูงานที่โรงแรมดุสิต แอนไม่เคยปฏิเสธ และชักชวนน้องๆเอกอังกฤษที่ได้งานทำที่นั่น มาคอยดูแล เดินบรรยาย ไปตามสถานที่ต่างๆในโรงแรม
อีกด้วย ที่นี่มีนิสิตเอกอังกฤษประมาณ 10 คน ได้งานหลังจากฝึกสหกิจที่นั่น นับเป็นความภาคภูมิใจของสาขาวิชาภาษาตะวันตกมาก



Book Discussion





อาสาสอนน้อง


วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ขัดวัด ขัดใจ



Temple clean up








ความสวยงามของพระปรางค์วัดโคกสมานคุณ


ทำงานในวันลมแรง ก็จะได้ผมทรงใหม่
ช่วงนี้หาดใหญ่ สงขลา ลมแรงมาก-มากที่สุด แต่ก็เหมาะกับการทำงานอาสากลางแจ้ง ขัดพระปรางค์วัดโคกสมานคุณ

ขอบคุณชมรม TSU M.Q.Club ที่ทำให้ได้ทำงานอาสาในแบบที่ยังไม่เคยทำ ขัดห้องน้ำวัดเป็นเรื่องจิ๊บๆ เบาๆ ไปในทันที เมื่อเทียบกับงานนี้

มีความโก๊ะของตัวเองคือ เข้าใจมาตลอดว่าวัดโคกสมานคุณคือวัดแถวๆหน้ามอ.หาดใหญ่ เลยนั่งสองแถวไปลงที่นั่น
เมื่อไปถึงวัด

อ้าว "วัดโคกนาว" ! มาผิดวัดเหรอเนี่ย!
เอิ่ม ...ชื่อคล้ายๆกัน ดีที่ไม่ได้เป็น navigator ในครั้งนี้ อิๆ



ตะกร้าของยาย(ใบนั้น)


"อาสามักรับบท "หนัก"

มีเรื่องจะเล่า: เมื่อวันส.22 กพ. 63 เรานั่งรถสองแถวไปหาดใหญ่ บนรถมีคุณยายแก่ๆ ถือทั้งถุงต้นไม้และตะกร้าสานแบบค้าขาย ตอนจะลงรถที่คอหงส์ นกช่วยยายถือต้นไม้ ส่วนนร.ชายมัธยมคนนึง เค้าไม่ได้ลงรถนะ แต่ก็ช่วยส่งตะกร้าตามหลังคุณยายมา ด้วยความที่พยายามจะเป็นคนดี(ต่อ) นกเลยช่วยถือจากจุดลงรถมาถึงจุดขึ้นรถโดยสารหลังคาสูงที่จะไปทางมอ.หาดใหญ่ (เราจะไปลงวัดโคกนาว ซึ่งนี่ก็เข้าใจผิดว่าคือวัดโคกสมานคุณ)



ตะกร้ายายหนักมาก! ยายถึอได้ไง เราถือระยะไม่ไกลสักเท่าไหร่ก็เมื่อยมาก นกแอบวาง 1 ครั้งบนขอบกระถางต้นไม้แล้วเดินต่อ ยายบอกยิ้มๆว่ามันหนักนะ (ย๊าย! ทำไมเพิ่งบอก) นึกถึงย่า/ยาย ที่เคยแบกตะกร้าสมัยก่อนเลย คนสมัยก่อนเค้าแข็งแรงและอดทนต่องาน(หนัก)จัง เค้าไม่มี FB เอาไว้ให้บ่นด้วยอ่ะ

เวลาที่เห็นคนอาชีพอื่น ที่ใช้แรงงาน เช่นพี่แม่บ้าน ลุงยาม ทำหน้าที่ตนเองอย่างแข็งขัน ใจนึงเราก็รู้สึกว่าโชคดีที่มีงานทำแบบสบาย

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Active Learning class: Vocab. Skills Development


I've tried my best to create an active & productive class that I want to see. This kind of class could not be successful without active learners. Fortunately, I'd say most Ed. Eng. senior students were active.

For a 4-month class, I've implemented games, guest speakers & workshops in Vocab. Skills Dev. class. As these senior Ss studied 2 reading courses already; therefore, I'd not focused much on just vocab. Personally, I think it's boring to learn vocab. development separately.  These days, the world needs a global citizen who confidently shows critical thinking skills, interpersonal skills, and life long learning skills. Most classes shouldn't be taught separately. Grammar could not be a solo class but could be packed with Writing class. Or reading together with writing class.  When students read, they're supposed to be able to write or express ideas orally as well.

A traditional class tends to be disappeared, don't you think?

Let's see what activities I have integrated into my class.

1. Barefoot running, or physical activity, was integrated with learning new vocab. from A-Z.
Direction:  Students were supposed to run for about 100 m. to get 1 alphabet from a cloth bag. They got to say 3 words started by that alphabet.
e.g.  D  ( dilemma, diploma, dolphin)

2. Dance ( Earthquake Safety song)
Direction:  Students watched the song on Youtube together. Then, divided into 3 teams ( a team of 10).  They spent 15 minutes to discuss new dance steps in a team.  Lastly, they perform it in front of the class.  The most popular vote voted by classmates would get a snack from a teacher.

3. Crossword with the Christmas theme
Direction:  In a team of 6, students play crosswords. They got a chance to win a prize if they could come up with words related to the Christmas theme.

4. Origami Workshop
I invited my American neighbors ( The family of parents and 3 kids) to learn origami, Japanese paper folding style hoping that students could be able to explain the procedure and at the end of the class they could get 3 paper animals.

5. Thank you note:  Writing a message to show your gratitude to friends, teachers, and roommates is a grateful way to strengthen your relationship with those you love.  Students were assigned to write the thank you note for 5-10 mins. Then, fold it.  After class, they gave it to that person and later posted it on our FB group.

6. Line Dance
Thanks to Christina, my American friend, who taught us the line dance.  It could be a good energizer for long hr. class and before starting a workshop, we could change into an energetic mood. Then, be more focused on folding paper.  Having kids in class boosts students' positive mood.  I found that most female students love to play with kids. Kids always get attention from adult learners.

7. Guest Speakers & Observer
In our 1st class, we had Sterling, the new American lecturer, who would like to observe how to teach Thai students actively. He asked if he could be in my class. Why not?  Apart from being the observer, I treated him as my student as well. I encouraged him to share ideas in class and he did his best to participate fully in class.

Teaching strategies:  
1. One Row One idea. 
To encourage students to speak up and not just let some potential students answer, by doing so, shy and quiet students were strongly encouraged to answer and share ideas, too.
2.  Numbered  student
Each student counted a number.  Write no. on a whiteboard. Then, the teacher or friends call 1 no. when they want to ask questions. They all could remember friend's names; therefore, numbering students will make all students get an equal chance to speak up.
3. Debate ( Bottled water causes environmental problems). 
4. Questioning with the critical thinking mind
Surprisingly, when allowing students to create their own questions by being more specific that they weren't allowed to use closed questions and only open questions are accepted, they could create the very critical thinking questions and answers.


-----------


วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

๋Japan View in Eng. class : Mori & Honey




ตั้งแต่สอนภาษาอังกฤษที่ ม.ทักษิณ มาร่วม 16 ปี เราพยายามจะชักชวนเพื่อนต่างชาติเข้าห้องเรียนเพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้ประสบการณ์นอกชั้นเรียนจากชาวต่างชาติ เราเชื่อว่าเรื่องที่เราเล่า หรือสิ่งที่เรียนรู้จากหนังสือมันไม่พอ และบางทีก็ไม่ใช่ (อย่างไม่น่าเชื่อ) 

อย่างเช่นวันนี้

เรารู้จักกับน้องฮันนี่มาหลายปี เพราะเคยติว IELTS ให้น้องก่อนไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ จนน้องเรียนจบกลับมาอยู่สงขลา น้องเพิ่งแต่งงานกับแฟนชาวญี่ปุ่นไปเมื่อปลายพย. ปีที่แล้ว อ๊ะ เราได้ที ชวนทั้งคู่มาร่วมแลกเปลี่ยนในชั้นเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นน่าจะดี



มุมมองของ"โมริ"(ผู้ซึ่งไม่ได้อยู่ประเทศญี่ปุ่นเข้าปีที่ 5 และไม่ค่อยชอบสังคมญี่ปุ่นสักเท่าไหร่ )เป็นมุมมองคนรุ่นใหม่มากๆ 

- อาชีพของคนรุ่นใหม่ที่ชอบเดินทาง คืองานที่เป็น self-employed (เป็นนายตัวเอง) ทำงานที่ไหน เวลาใดก็ได้ มุมไหนของโลกก็ได้ (อีก) โมริชอบเดินทางท่องเที่ยว เค้าเลยรู้สึกว่าการทำงาน online เป็น animator มันใช่ทางของเค้า 

- สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น เมื่อถูกนิสิตตั้งคำถาม เค้าคิดว่าน่าจะเป็นการที่คนญี่ปุ่นสุภาพ และรักษามารยาทมากๆ ดังนั้นเมื่อเค้าออกนอกประเทศ ช่วงแรกๆเค้าเลยประหลาดใจที่เห็นคนไม่ได้สุภาพอย่างบ้านเกิด เช่นตามร้านค้า พนง.ไม่ได้ยิ้มแย้มหรือดูมีมารยาทเท่าญี่ปุ่น 
- คนญี่ปุ่นเข้มงวดเรื่องเวลามาก หากสาย 5 นาที เจ้านายเอาเรื่อง และเมื่อรถไฟฟ้ามาสายแค่เพียงไม่กี่นาที ก็ออกมาขอโทษแล้ว (เคยได้ยินข่าวว่าจนท.ระดับสูงของการรถไฟออกมาขอโทษเมื่อรถเลทไป 20 วินาที!) เค้าว่ามัน crazy ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ 

- อากาศที่ญี่ปุ่นหนาวมาก เค้าต้องใส่เสื้อผ้าหนาๆหลายๆชั้น  เค้าเลยดีใจที่เมื่อมาอยู่เมืองไทย อากาศสบายดี 

-สิ่งที่เค้าชอบเกี่ยวกับเมืองไทยคือ "การนวด" เค้าชอบนวด แต่เมื่อแต่งงานและเปลี่ยนศาสนามาเป็นอิสลาม มีกฎว่าห้ามผู้หญิงมาแตะต้องเนื้อตัว เค้าเลยไม่ได้นวดแล้ว เมื่อก่อนเค้าชอบนวดมาก สัปดาห์ละครั้งเลยทีเดียว! เราเพิ่งรู้อีกว่าร้าน "ออนเซ็น" มาถึงหาดใหญ่แล้ว เคยได้ข่าวว่าที่กทม.มี ไม่น่าเชื่อว่าที่หาดใหญ่ก็ in trend กับเรื่องนี้ด้วย (ไว้วันหลังต้องสัมภาษณ์ฮันนี่ว่าคนมาใช้บริการเยอะไหม อิๆ)*
- "คนไทยใจดีและเป็นมิตร" โมริบอกว่าเค้าประหลาดใจที่เมื่อเข้า 7-11 คนก็พูดคุยประหนึ่งเป็นเพื่อนกันแล้ว (Yuka เพื่อนสนิทชาวญี่ปุ่นของเรา เมื่อเราพามาเที่ยวสงขลา นั่งรถ 2 แถว เธอประหลาดใจมากที่คนบนรถคุยกัน เราก็คุยกับคุณยาย / คนขับรถ เธอว่าที่ประเทศของเธอ บนรถโดยสารคนจะเงียบ และอยู่กับตนเอง ไม่รบกวนกัน )

ขอบคุณน้องฮันนี่ที่ช่วยเป็นคนกลางนำโมริมาเข้าคลาส 
ขอบคุณความมีน้ำใจ จิตอาสา ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้ และยังสัญญาว่าจะมาเยี่ยมคลาสอังกฤษของเราพรุ่งนี้อีก 

"การให้ที่ดีที่สุด คือ การให้เวลาและให้ความรู้" คนที่เป็นจิตอาสามักคิดแบบนี้ เราเชื่อแบบนั้น
                                                                                                              จ.17/02/63


วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

๋ีJust know it! ดีที่ได้รู้

Just Know It! ดีที่ได้รู้

มีหลายเรื่องมากมายที่ไม่เคยรู้ เมื่อรู้แล้วก็อู้หู ว้าว ไอเดียเริ่ด น่าจดจำหรือเก็บไว้ว่าเคยมีการทำแบบนี้ด้วย
    16/02/63
1. มหาวิทยาลัยกับการแข่งขันทางการศึกษา
ในยุคที่ไทยเริ่มมีคนเข้าสู่ระดับอุดมศึกษาน้อยลง อัตราการเกิดของเด็กลดน้อย สังคมไทยเข้าสู่ aging society แม้แต่ตัวเราเองที่อายุ 44 ปี มันก็คือวัยกลางคนแล้วนะ !!! ผ่าน 40 ปี มา 5 ปี แล้วก็ยังตกใจว่าทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง

หลายๆมหาลัยเข้าสู่การแข่งขันเพื่อให้อัตราการเข้าเรียนของนิสิตปี 1 แต่ละปีเป็นไปตามเป้า
- ม.ธรรมศาสตร์ มีโปรแกรม Thammasat Frontier  School เรียนก่อนเลือกวิชาเอกทีหลัง เมื่อ 8 ปีที่แล้วตอนที่เราไปสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาใน Penn State U., PA เราประหลาดใจเมื่อได้รู้ว่าที่มหาลัยแห่งนี้นิสิตสามารถเข้ามาเรียนโดยยังไม่มีวิชาเอกได้ (แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ ไม่คุ้นเคยแฮะ สำหรับคนไทยอย่างเราที่จบม.6ก็เลือกเลยว่าจะเข้าวิชาเอกอะไร ที่ PSU จนท.บอกว่านิสิตจะได้เลือกวิชาเอกตอนปี 2 เพื่อจะได้รู้ความชอบแล้วว่าอยากเรียนหรือไม่อยากเรียนอะไร จะได้ไม่เข้ามาแล้วต้องซิ่ว

เมื่อมาได้ยินไอเดียของมธ. ใน 8 ปีต่อมา ( 2563) ก็ get idea และแม้มันเป็นเรื่องใหม่ของไทย แต่มันเก่ามาจากที่อื่น ซึ่งจริงๆจะว่าไปมหาลัยไทยก็น่าจะหยิบมาทำนานแล้ว แต่ยังไม่มีม.ไหนทำ (เอ่อ...เริ่มเห็นความเชื่องช้าของระบบการศึกษา) อิๆ รวมทั้งมหาลัยเราเองด้วย

ในที่สุดเมื่อมันมาถึงไทยสักที ก็ยินดีกับนิสิตที่จะมีทางเลือก และไม่ต้องมาเสียเวลาเปลี่ยนย้ายคณะ / มหาลัยกันทีหลัง เพราะเรียนไม่ได้ ไม่ชอบ (ซึ่งเรื่องนี้มีทุกปีที่นิสิตจะมาขอย้ายวิชาเอก หรือลาออกเพราะรู้ว่ายังไม่ใช่อย่างใจต้องการ)
- ม.หาดใหญ่ มีการให้นร. ม.6 มา sit in ในคลาส เพื่อดูบรรยากาศการเรียนการสอน และมีรุ่นพี่ จนท.คอยอธิบายเรื่องหลักสูตร
 เนื่องจากที่นี่อยู่นอกตัวเมืองหาดใหญ่ไปหน่อย เค้ามีรถรับ-ส่งคนที่มาทำธุระหรือมาติดต่อเรื่องเรียนกลับไปยังใจกลางเมืองด้วยนะ เป็นเรื่องเล็กๆที่น่ารักและทำให้ไม่เสียลูกค้าดี
- WIL (Work-Intergrated Learing) มอ.หาดใหญ่ โปรแกรมอุตสากรรมการบิน 2+2 เรียนในมหาลัย 2 ปี เรียนในสถานประกอบการ (บริษัทลูกของการบินไทย) เป็นความร่วมมือกับสถานประกอบการ คิดถึงการทำงานในอนาคตของนศ.มากขึ้น เพราะมักมีเสียงบอกว่ามหาลัยผลิตคนยังไม่ได้อย่างใจสถานประกอบการ เค้ายังต้องเสียเวลามาฝึกนศ.อีก หลักสูตรเหล่านี้ก็จะตอบโจทย์ของสถานประกอบการมากขึ้น เหมือนกับที่ 7-11 สร้างรร.ปัญญาภิวัฒน์ / Disney Land สร้าง Disney University
ม.เหล่านี้ เรียกว่าเป็น Corporate University เพื่อมุ่งเน้นให้บัณฑิตพร้อมใช้งานหลังเรียนจบ
                                                                                                                     

---------------
25/2/2563

NEW ZEALAND  (ความรู้ดีๆจากทีมอาสา NZ โดยการนำของคุณน้อย ชมรมคริสเตียนนานาชาติ) 
- เมือง Wellington ถือเป็น film location ที่มีชื่อเสียงของ NZ คนที่นั่นเรียกเมืองนี้ด้วยชื่อเล่นว่า Wellingwood เลียนแบบ Hollywood
- Coffee capital ที่นี่วัฒนธรรมกาแฟ strong มาก Starbuck ร้านกาแฟที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ไม่สามารถเข้าถึงที่นี่ได้ เพราะคนที่นี่รักในกาแฟของเค้าเอง (เรานึกถึงบางเมืองของไทยที่ไม่เอา Tesco Lotus เพราะเกรงจะทำให้ระบบการค้าของชำของท้องถิ่นหายไป ไม่แน่ใจว่าใช่ที่แม่ฮ่องสอนหรือเปล่า)
- นายกรัฐมนตรีหญิง อายุแค่ 40 ปีนิดๆเอง ดู active มาก
- มหาวิทยาลัย Victoria University ผลิตนักวิทยาศาสตร์ Nobel Prize มาหลายคนแล้ว
- แผนที่ประเทศแบ่งเป็นเกาะด้านเหนือ + ใต้ ด้านบนเค้ามองว่าเหมือนรูปปลา ด้านล่างมองเป็น canoe
- Haka เป็นการแสดงของชนเผ่าพื้นเมืองเมารี แลบลิ้นปลิ้นตา ทำเสียงดัง เอาไว้ข่มขวัญศัตรู


























วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Story of HHH Fellow 2011-2012



Fulbright ให้อะไรกับฉัน







ฉันเป็น fulbrighter จากทุน Hubert H. Humphrey Fellowship ประจำปี 2011-2012  นับเวลาร่วม 8 ปี ที่ฉันระลึกอยู่เสมอว่าฉันเป็นชาวฟุลไบรท์ ฉันเรียนหลักสูตร Higher Education Administration จากมหาวิทยาลัย Pennsylvania State University ที่นั่นฉันได้เรียนรู้และได้รับประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะด้านการทำงานอาสาสมัครที่คนที่นั่นทำกันสม่ำเสมอ ทำกันในชีวิตประจำวัน ทำเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ฉันรู้สึกประหลาดใจและนึกเทียบกับบ้านเมืองของฉัน ที่หลายครั้งการทำงานอาสาสมัคร ดูเป็น
event เป็นครั้งๆไป ตอนอยู่ที่นั่นฉันพยายามเข้าร่วมงานอาสาสมัครแทบทุกประเภทที่ฉันสนใจและคิดว่าฉันน่าจะได้นำมาประยุกต์ใช้ที่ชุมชนของฉัน ไม่ว่าจะเป็น การเยี่ยมเยียนและดูแลผู้สูงวัย เด็กออทิสติก การรักษาสิ่งแวดล้อมในมหาวิทยาลัย การเป็นวิทยากรเล่าเรื่องราวประเทศไทย การเป็นอาสาสมัครในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กในมหาวิทยาลัย เป็น food runner ในงานกีฬา จัดแยกเสื้อผ้ามือสองเพื่อหาทุนเพื่อการกุศล ฯ

ฉันทำอะไรบ้างในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา



เมื่อฉันกลับมาจากสหรัฐอเมริกา ฉันเป็น pioneer ฉันริเริ่มทำสิ่งต่างๆที่ฉันอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในมหาวิทยาลัยของฉัน ฉันอยากให้นิสิตที่ฉันสอนมีจิตสาธารณะ แต่ละเดือนฉันมีโครงการงานจิตอาสามากมายเพื่อให้นิสิตได้เลือกตามความสนใจ เช่น การเป็นอาสาสมัครสอนการบ้าน อ่านนิทาน กับน้อง ๆ สถานสงเคราะห์เด็ก การเก็บขยะชายหาด (Trash Hero Songkhla) ซึ่งฉันเข้าร่วมและชักชวนนิสิตกลุ่มใหญ่ ไปเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเก็บขยะรายเดือน ณ หาดสมิหลา สงขลา






ฉันชอบเห็นนิสิตใช้ทักษะความสามารถของตนในการช่วยเหลือผู้อื่น  นิสิตมักถูกฉันชักจูง ชักนำ ให้ไปเป็นอาสาสมัครร่วมกัน พวกเราทำงานอาสาสมัครเป็นครูสอนน้อง เป็นล่ามให้กับศิลปินนานาชาติที่มาวาดกำแพง ตัวอาคารของโรงพยาบาลจิตเวช สงขลา เป็นล่ามงานวัฒนธรรมนานาชาติ South Fest Thailand ให้ศิลปินที่มาจัดแสดงงานศิลปะแขนงต่างๆ เป็นล่ามให้กับทีมแพทย์และพยาบาลจากสหรัฐอเมริกาซึ่งมารักษาผู้สูงอายุในท้องถิ่นฟรี เป็นอาสาสมัครดูแลนักท่องเที่ยวตามชายหาด และเป็นไกด์พิพิธภัณฑ์นำชมพิพิธภัณฑ์ทักษิณคดีศึกษา (ซึ่งปีที่แล้วได้รับการโหวตให้เป็น The Popular Voted Museum of Thailand)
 ฉันภูมิใจทุกครั้งที่เห็นนิสิตรู้สึกมีความสุขหลังทำงานอาสาและพวกเขาบอกฉันว่าพวกเขาอยากทำงานอาสาอีก




สิ่งที่ติดตัวฉันมาจากสหรัฐอเมริกา จากการเป็น fulbrighter ฉันว่าคือสิ่งนี้ มันคือความเป็นจิตอาสาที่ฝังรากลึกอยู่ในตัวฉันและฉันอยากปลูกฝังในเยาวชนไทย สำหรับฉัน “ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ” เป็นคำกล่าวที่เป็นจริงเสมอมา

Origami & Thank you note


Last Fri. 7 Feb.2020, our Vocab. Skill Development class enjoyed the Origami Workshop tremendously.  I assigned students to divide into a group of 5-6 and learn to fold paper, origami or the Japanese paper folding.  Ori means folding while Gami means paper. Together, it means paper folding.

We studied the passage about Origami and its evolution to advanced technology.  After finished the passage, it's time my neighbor Jeremy, Christina, together with 3 kids visited our class. We had Line dance taught by Christina. Then it's their turn to learn Origami from students. 

The students made 6 paper animals ranging from dachshund, butterfly, dolphin, fox, & etc. Before folding the paper, I told them to keep 1 paper. Write a message first. Then, you can fold it.  
My plan is this would become a thank you note for 1 friend, teacher, parent and those who they care for and are grateful for. 

Afterwards, students were supposed to give the animal to their friend. Post on our FB group to complete the mission. 








------------------------------------
Tues. 11.02.2020

I've completed this Origami mission, too. I gave paper fish to 2 friends. One is my old friend since a primary school who has been working in BKK for 20 years. After many years, we have met again last Dec. I had a great time climbing up the mount. with him. 







The other person I gave is Aj.Irish, my Filipino co-worker. 
As I didn't learn to fold origami in our last class. I watched a tutorial on Youtube and I think a fish would be very simple enough for me. So I made it while watching it on Youtube. For the 2nd one, I thought I could do it on my own; therefore, I made it from my previous memory. It turned out that the one I gave Aj. Irish was the ice cream cone!


That's why I decided to put 1 candy inside and gave it to her. She laughed when I explained to her that I made an ice cream cone by accident.
--------------
Irish's reply:  Thank you so much for your thoughtful message 🤗. I appreciate your warmth and kindness.😄😄


"Gratitude makes sense of our past, brings peace for today, and creates a vision for tomorrow."         
                                                                                  --Melody Beattie