วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Story of HHH Fellow 2011-2012



Fulbright ให้อะไรกับฉัน







ฉันเป็น fulbrighter จากทุน Hubert H. Humphrey Fellowship ประจำปี 2011-2012  นับเวลาร่วม 8 ปี ที่ฉันระลึกอยู่เสมอว่าฉันเป็นชาวฟุลไบรท์ ฉันเรียนหลักสูตร Higher Education Administration จากมหาวิทยาลัย Pennsylvania State University ที่นั่นฉันได้เรียนรู้และได้รับประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะด้านการทำงานอาสาสมัครที่คนที่นั่นทำกันสม่ำเสมอ ทำกันในชีวิตประจำวัน ทำเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ฉันรู้สึกประหลาดใจและนึกเทียบกับบ้านเมืองของฉัน ที่หลายครั้งการทำงานอาสาสมัคร ดูเป็น
event เป็นครั้งๆไป ตอนอยู่ที่นั่นฉันพยายามเข้าร่วมงานอาสาสมัครแทบทุกประเภทที่ฉันสนใจและคิดว่าฉันน่าจะได้นำมาประยุกต์ใช้ที่ชุมชนของฉัน ไม่ว่าจะเป็น การเยี่ยมเยียนและดูแลผู้สูงวัย เด็กออทิสติก การรักษาสิ่งแวดล้อมในมหาวิทยาลัย การเป็นวิทยากรเล่าเรื่องราวประเทศไทย การเป็นอาสาสมัครในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กในมหาวิทยาลัย เป็น food runner ในงานกีฬา จัดแยกเสื้อผ้ามือสองเพื่อหาทุนเพื่อการกุศล ฯ

ฉันทำอะไรบ้างในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา



เมื่อฉันกลับมาจากสหรัฐอเมริกา ฉันเป็น pioneer ฉันริเริ่มทำสิ่งต่างๆที่ฉันอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในมหาวิทยาลัยของฉัน ฉันอยากให้นิสิตที่ฉันสอนมีจิตสาธารณะ แต่ละเดือนฉันมีโครงการงานจิตอาสามากมายเพื่อให้นิสิตได้เลือกตามความสนใจ เช่น การเป็นอาสาสมัครสอนการบ้าน อ่านนิทาน กับน้อง ๆ สถานสงเคราะห์เด็ก การเก็บขยะชายหาด (Trash Hero Songkhla) ซึ่งฉันเข้าร่วมและชักชวนนิสิตกลุ่มใหญ่ ไปเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเก็บขยะรายเดือน ณ หาดสมิหลา สงขลา






ฉันชอบเห็นนิสิตใช้ทักษะความสามารถของตนในการช่วยเหลือผู้อื่น  นิสิตมักถูกฉันชักจูง ชักนำ ให้ไปเป็นอาสาสมัครร่วมกัน พวกเราทำงานอาสาสมัครเป็นครูสอนน้อง เป็นล่ามให้กับศิลปินนานาชาติที่มาวาดกำแพง ตัวอาคารของโรงพยาบาลจิตเวช สงขลา เป็นล่ามงานวัฒนธรรมนานาชาติ South Fest Thailand ให้ศิลปินที่มาจัดแสดงงานศิลปะแขนงต่างๆ เป็นล่ามให้กับทีมแพทย์และพยาบาลจากสหรัฐอเมริกาซึ่งมารักษาผู้สูงอายุในท้องถิ่นฟรี เป็นอาสาสมัครดูแลนักท่องเที่ยวตามชายหาด และเป็นไกด์พิพิธภัณฑ์นำชมพิพิธภัณฑ์ทักษิณคดีศึกษา (ซึ่งปีที่แล้วได้รับการโหวตให้เป็น The Popular Voted Museum of Thailand)
 ฉันภูมิใจทุกครั้งที่เห็นนิสิตรู้สึกมีความสุขหลังทำงานอาสาและพวกเขาบอกฉันว่าพวกเขาอยากทำงานอาสาอีก




สิ่งที่ติดตัวฉันมาจากสหรัฐอเมริกา จากการเป็น fulbrighter ฉันว่าคือสิ่งนี้ มันคือความเป็นจิตอาสาที่ฝังรากลึกอยู่ในตัวฉันและฉันอยากปลูกฝังในเยาวชนไทย สำหรับฉัน “ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ” เป็นคำกล่าวที่เป็นจริงเสมอมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น