วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

ภาษาจีนกับอนาคตของผม: ชลชาติ


จากวันแรกที่ก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยทักษิณ ผมรู้สึกว่าชีวิตผมเปลี่ยนไป ผมเลือกเรียนสาขาวิชาเอกภาษาจีน ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่ที่เปิดขึ้นได้ไม่นาน รุ่นของผมเป็นรุ่นที่ 3 มีนักศึกษาเพียงแค่ 20 กว่าคน ซึ่งถือว่าน้อยมาก การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือสิ่งแวดล้อมรอบตัวผม เพื่อนในเอกของผมส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีเพียงแค่ผมกับอีกคน รวมแล้วมีผู้ชาย 2 คนในเอก สำหรับผมมันเป็นปัญหาในช่วงแรกๆ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจากประถมถึงมัธยมปลาย ผมอยู่โรงเรียนชายล้วนมาโดยตลอด เป็นเวลา 12 ปี ผมจำเป็นต้องมาปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ จากเพื่อนในเอกที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิง เมื่ออยู่กับเพื่อนผู้หญิง จะต้องรักษากิริยามารยาท อย่างเช่นคำพูด ซึ่งจะต้องระวังอยู่เสมอ ผมมักจะเป็นคนพูดตรงๆ คิดอะไรก็พูดออกมา แต่ในใจไม่ได้คิดอะไร ในบางคำพูดอาจจะทำให้เพื่อนผู้หญิงรู้สึกไม่ดี จนไม่อยากคุยด้วย นั้นก้ถือว่าเป็นการสอนผมอย่างหนึ่ง ให้รู้จักการปรับตัวกับสิ่งใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิตผมคิดว่ามหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 ตลอดชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ผมได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง การอยู่หอพักทำให้ผมได้รู้จักเพื่อนต่างเอก ต่างคณะได้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกัน  กิจกรรมรับน้อง ทำให้เห็นถึงความสามัคคีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องความกลมเกลียวกันในคณะ กิจกรรมอาสาพัฒนา ทำให้เรามีจิตสาธารณะ มีนำใจช่วยเหลือผู้อื่น เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน นอกเหนือจากนั้น คือเพื่อนร่วมเอก ที่เราเรียนด้วยกัน ร่วมฝ่าฟันมาด้วยกันตลอด 4 ปี เกิดความทรงจำดีๆขึ้นมากมาย และขอขอบคุณอาจารย์คอยทุ่มเทให้ความรู้ เอาใจใส่และชี้แนะแนวทางให้นิสิตทุกคนมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต

                ผมภาคภูมิใจที่เรียนคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกภาษาจีน  มหาวิทยาลัยทักษิณ นอกจากได้รับความรู้ด้านภาษาจีนแล้ว ยังได้เรียนรู้ถึงรากเหง้าของประเทศจีน เช่น วัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการ 3+1 ที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์จัดขึ้นร่วมกับมหาวิทยาลัยครูกวางสีไปศึกษาที่เมืองกุ้ยหลิน ประเทศจีน ระยะเวลา 1 ปี ผมได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีน ได้คบเพื่อนชาวจีนและชาวต่างชาติ ได้สัมผัสขีวิตความเป็นอยู่ในประเทศจีน ถือเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าความรู้ที่ได้รับจากมหาวิทยาลัยทักษิณสามารถนำไปศึกษาต่อยอดในระดับปริญญาโท ผมได้รับทุนการศึกษาของรัฐบาลจีน ศึกษาต่อระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยฮว๋าหนานหลี่กง สาขาวิชาการสอนภาษาจีนและการสื่อสาร เมืองกว่างโจว ประเทศจีน เมื่อสำเร็จการศึกษา ผมมีโอกาสได้ทำงานหลากหลายประเภท เช่น เจ้าหน้าที่สรรหาบุคลากร เจ้าหน้าที่การตลาด ผมคิดว่าการเรียนเอกภาษาจีน ทำให้เรามีโอกาสในการหางานสูงขึ้น ปัจจุบันประเทศจีนถือเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว มีการค้าการลงทุนกับหลากหลายประเทศ ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่โดดเด่นในด้านการท่องเที่ยว โดยรายได้จาการท่องเที่ยว ได้รับจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นอันดับหนึ่ง และมีสถิติที่สูงขึ้นทุกปี ปัจจุบันผมทำงานที่สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณะรัฐประชาชนจีนประจำสงขลา เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองชาวจีน มีหน้าที่ให้คำปรึกษาช่วยเหลือชาวจีนที่ประสบปัญหาในการท่องเที่ยวภาคใต้ของไทย


                ผมคิดว่าสิ่งบางอย่างเหมือนฟ้าลิขิตไว้ กำหนดให้ผมได้เรียนที่มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยทักษิณเป็นที่แรกที่ผมเรียนภาษาจีนจริงๆจังๆ เหมือนป็นบันไดก้าวแรก ถ้าไม่มีก้าวแรก ผมก้คงไม่มีก้าวต่อไปที่ไปต่อยอดเรียนปริญญาโท จนกระทั่งจวบจนทำงานทุกวันนี้

------------------------ชลชาติ 

อาสาพาสุข(วันหยุด): Part II (ณ สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา)







Nopparat

รถตุ๊กๆขับเลยไปทางซอยหลังสถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา ก่อนจะวนกลับมาด้านหน้าแล้วเข้าไปสถานสงเคราะห์ในที่สุด.. วันนี้อากาศร้อนมาก แล้วรถตุ๊กๆดันหลงทางอีก ปัจจัยหลายๆอย่างตอนนี้ทำให้ฉันหงุดหงิด... แต่เมื่อเข้ามายังเขตสถานสงเคราะห์ ก้าวแรกที่เดินลงจากรถ สิ่งแรกที่เห็นคือน้องคนหนึ่งกวักมือเรียกให้เดินไปทางอาคารชั้นเดียวด้านใน และเสียงเจื้อยแจ้วฟังได้ศัพท์ประมาณว่า 'มาแล้วๆ' ของน้องๆอีกหลายคน... นั่นทำให้ฉันเริ่มหายจากอาการหงุดหงิด... น้องคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉันนิ่งๆ ก่อนจะยกมือขึ้นโอบรอบเอว น้องที่ฉันเล่านิทานให้ฟังครั้งก่อน.. น้องจำฉันได้.. นั่นทำให้ฉันหายจากอาการหงุดหงิด... 'พี่คะ วาดรูปให้หน่อย' 'พี่วาดให้ด้วย' 'เอารูปนี้ค่ะ' 'วาดรูปเสือแบบนี้ด้วยค่ะ' วันนี้น้องเยอะกว่าครั้งก่อน ความวุ่นวายก็เพิ่มขึ้น ... บ้างก็แย่งกันให้วาดรูป บ้างก็แย่งกันให้เล่านิทานเรื่องที่ตัวเองอยากฟัง บ้างก็แย่งกันดึงแขนฉันไปมา... เเต่มีน้องคนหนึ่งมาจับผมฉันขอถักเปีย... น้องๆสองสามคนหยิบกระดาษที่ฉันวาดรูปให้กลับไป แต่มีน้องคนหนึ่งยื่นกระดาษที่ถืออยู่ให้ 'หนูให้พี่' เป็นกระดาษที่น้องเขียนตามคำบอก กระดาษแผ่นเดียวกันที่น้องวาดภาพ และกระดาษแผ่นเดียวกันที่ฉันวาดภาพ... 'พรุ่งนี้พี่มาไหม?' 'พรุ่งนี้พี่ไม่ได้มานะ' 'แล้วพี่จะมาอีกเมื่อไหร่' 'พี่น่าจะมาสัปดาห์หน้า แต่พี่ไม่แน่ใจ' ฉันดีใจ ที่น้องจำฉันได้.. ฉันดีใจ ที่น้องชอบรูปที่ฉันวาด.. ฉันดีใจ ที่น้องชอบนิทานที่ฉันเล่า ฉันดีใจ ที่น้องอยากให้มาอีก... ฉันดีใจ... ที่สามารถสร้างเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มเล็กๆให้เกิดขึ้นได้ 'ที่นี่' นางสาวนพรัตน์ นิสิต ศศบ.ภาษาไทย ชั้นปีที่1

อาสาพาสุข : Part I ( ณ สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา)



ถ้าถามว่าการไปสถานสงเคราะห์บ้านเด็กสงขลาครั้งนี้ได้อะไรบ้าง?
บอกได้อย่างไม่ต้องคิดเลยว่าคือความสุข..
ความสุข..
ที่หาไม่ได้จากการดูหนัง ฟังเพลง หรืออ่านนิยายแบบที่ชอบทำ...
ความสุข..
ที่ได้จากการสร้างความสุขให้กับคนอื่น...
น้องๆที่นี่น่ารักมาก..
ถึงจะซนไปบ้างก็เถอะ
น้องดูมีความสุข..
ทั้งๆที่ชีวิตเขาไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างใครหลายๆคน...
ใครหลายๆคน..
ที่มองว่าตัวเองลำบาก
ทั้งๆที่เขามีบ้านให้อาศัย มีรถขับ และมีการศึกษา
ใครหลายๆคน..
ที่มีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ แต่บางครั้งก็ชอบมองข้าม
ใครหลายๆคน..
ที่ไม่ได้มีเชื้อร้ายติดตัวมาโดยกำเนิด
ใครหลายๆคน..
ที่ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีเลย...
น้องคนหนึ่งที่ฉันนั่งอ่านนิทานให้ฟัง
ฉันถามน้องว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร...
เป็นคำถามเบสิค ที่ใครหลายๆคนเลือกที่จะถามเด็กๆ
"อยากเป็นคุณหมอ จะได้ช่วยเหลือคน"
นั่นคือคำตอบ..
ฉันนั่งยิ้ม อ่านนิทานให้น้องฟังต่อ และเปลี่ยนไปวาดรูป
น้องเล่าเรื่องราวต่างๆที่เจอมาให้ฟังอย่างตื่นเต้น
น้องดูมีความสุข...
และฉันก็ยังคงนั่งยิ้มเหมือนเดิม..
"กอดไหม"
ฉันถามก่อนที่น้องจะแยกย้ายกันไปทานข้าวเย็น
น้องหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเข้ามากอด
โบกมือลา และถือกระดาษแผ่นเล็กๆ 4-5แผ่นที่ฉันวาดรูปให้กลับไป ...
กระดาษ 4-5แผ่น..
ที่เขาตบมือทุกครั้งที่ฉันวาดเสร็จ
กระดาษ 4-5แผ่น..
ที่สร้างเสียงหัวเราะ
กระดาษ 4-5แผ่น..
"ที่ทำให้เขายิ้มกว้าง"

---------
นพรัตน์ ศศบ.ภาษาไทย ปี 1 

วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2560

Kopi ปีนัง *


 ทัวร์ปีนี้ ปีนัง 3 ว้น / 2 คืน ( 24-26/3/60) คราวนี้นิสิตส่วนใหญ่เป็นปี 3 และ ปี 1 อีก 2 คน เป็นทริปหญิงล้วนครั้งแรก !





คนชอบดื่มกาแฟ มักจะหาร้านกาแฟไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม ธรก็เป็น 1 ในนั้น

เมื่อนำนิสิตไปปีนังฮิลล์ด้วยกัน  ธรลงจากรถทันทีเมื่อเห็นร้าน Kopi Hutan ร้านกาแฟกลางป่าบน
ปีนังฮิลป์
แต่กลับสั่ง hot chocolate
เพื่อ....

อืม...ดื่มเอาบรรยากาศ อะไรก็คงได้ทั้งนั้น

ราคาค่าชอคโกแลตเย็นและร้อน แก้วละ 90 บ. ซึ่งเรทอัตรามาเลย์ตอนนี้กำลังอ่อนตัว ค่าเงินอยู่ที่ประมาณ 8.82 บ. เท่ากับ 1 RM. 





*ที่นั่งกลางป่าเปียกง่าย ร้านเลยเตรียมที่รองนั่งสีขาวไว้ให้ลูกค้ากันเปียกไว้ให้ด้วย
* Kopi เป็นภาษามาเลย์ ที่คนใต้ก็นำมาใช้เรียกกาแฟเหมือนกัน ภาษาอินโดก็เรียก Kopi