วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557

SOOK สโมสร

หลังจากท้าทายเพื่อนโอ๋ ให้ทำภารกิจฟิชโช่ เอ๊ย ท้าทายกันอ่าน (Book Reading Challenge) ให้เธอทำภารกิจให้เสร็จภายใน 3 วัน แม้เธอจะบ่นว่าเอาภาระหนักหน่วงไปให้เธอ แต่เธอก็ทำมันสำเร็จ 

อืม...เราน่าจะหาอะไรยากๆเพื่อท้าทายเธอต่อนะเนี่ย

ต่อไปจะเป็นเรื่องราว SOOK SOOK ของเธอ 
-----------------------

SOOK เคลื่อนที่...


สิ่งที่ชอบจากการได้อ่านหนังสือ SOOK นอกจากจะทำให้อ.นกผู้กรอกหูเราเสมอว่าเธอคือกัลยาณมิตรได้อิ่มเปรมใจที่บังคับให้เพื่อนอ่านหนังสือที่ตัวเองเลือกให้ได้จนจบแล้วนั้น
ความประทับใจอีกเรื่องก็คือ หนังสือเล่มนี้ทื่มีชื่อว่า SOOK นอกจะบอกถึงวิธีสร้างสุขให้ตัวเองแล้ว ยังสอนให้เราสร้างสุขให้คนอื่นแล้วมีผลสะท้อนสุขกลับมาหาตัวเราด้วยในคราวเดียวกัน ทำให้คิดได้ว่า "ความสุขยิ่งให้...ยิ่งได้รับ" ในตัวเราทุกคนมีทั้งเด็กน้อยที่เฝ้ารอรับสิ่งที่ต้องการ และผิดหวังเมื่อไม่ได้ดั่งต้องการ แต่ขณะเดียวกันก็มีชายชราเคราขาวใจดีที่พร้อมจะไปทุกแห่งหนเพื่อมอบของขวัญให้ผู้คนโดยไม่สนใจในสิ่งตอบแทน การรอรับร้องขออาจนำมาซึ่งความทุกข์เมื่อไม่ได้ดังต้องการ แต่การหยิบยื่นสิ่งดีๆให้แก่ผู้อื่นจะนำมาซึ่งความสุขที่สามารถการันตีได้เสมอ ดังนั้นเราจึงเห็นคุณลุงซานต้ามีรอยยิ้มเปื้อนหน้าอยู่ตลอด อย่าลืมปลุกซานตาครอสในตัวเราขึ้นมานะ
ปล. และเพื่อเป็นการตอบแทนอ.กัลยาณมิตร Diyaporn Wisamitanan (ที่จริงๆอยากเรียกว่า ศัตรูมากกว่า) เลยขอร่วมบริจาคหนังสือให้ห้องสมุดประชาชนสงขลาด้วย แม้จะทำมิชชั่นที่ท้าไว้สำเร็จแล้วก็ตามที่ โดยให้อ.นกเป็นธุระเลือกหนังสือที่คิดว่าเหมาะสมกับห้องสมุดประชาชนสงขลา เน้นว่า " ห้องสมุดประชาชนสงขลา" (ไม่ใช่เหมาะกับอ.นกนะคะ) ให้ ขอบคุณอ.นกล่วงหน้า
ขอบคุณจุ๋ม Kunyapak Kitikun พลขับที่พา SOOK เราเคลื่อนที่ไปด้วยกัน
อ้อขอบคุณอีกครั้งที่หน้าสื่อเลือกให้เราอ่านหนังสือเล่มบางจ๋อยเพื่อไม่ให้เราขายหน้าที่ทำภารกิจไม่สำเร็จ แต่หลังไมค์ช่างใจร้ายนักขนหนังสือหนาเตอะมาให้อ่านรวดเดียว 4 เล่ม - -" ขอบคุณศัตรูเพื่อนรัก
ขอท้าคุณครูปิ๊ก Pik Kamonchanok...คุณครูมือใหม่หัวใจเกินร้อย แม่จ๋า...Kulthida Putthakul หน้าใส และเยาว์Lucky Nw ...สาวสังคมทันสมัยแห่งบางกอก สู้ๆนะปิ๊ก จ๋า เยาว์มีเวลา 3 วัน...ลุยโลดเพื่อน

------------------------
Book Reading Challenge: Spread reading forward
มาหาเรื่อง...สนุกทำกันรับปีใหม่ค่ะ
กติกา:
1. อ่านหนังสือที่ตนเองมี 1 เล่ม(อาจจะเป็นเล่มที่ค้างตู้หนังสือ) ให้จบใน 3 วัน
2. โพสท์ภาพหนังสือบน FB และแชร์สิ่งที่ชอบจากหนังสือเล่มนั้น
3. ท้าทายเพื่อน 1 คนต่อไปให้เป็นวงจรการอ่านโดยคนที่ได้รับการท้าทายต้องตอบรับคำท้าและแจ้งชื่อหนังสือและภายใน 3 วันตอบกลับบน FB ของเพื่อนและคนที่จะท้าทายต่อไป
*4. หากผู้ที่ถูกท้าทายอ่านหนังสือที่เลือกเอาไว้ไม่ทันใน 3 วันจะต้องบริจาคหนังสืออะไรก็ได้ให้กับห้องสมุดท้องถิ่น 1 เล่ม

----------------
หมายเหตุ: SOOK เล่มนี้ได้ตามเจ้าของไปหาความ SOOK ในสถานท่องเที่ยวหลายๆแห่งที่เจ้าของและเพื่อนๆแนะนำ ทั้งห้างเซ็นทรัล ป่าสวนยาง เรือนแพ ฯ 

เที่ยวเยอะจริงๆเลยนะเจ้าความ SOOK สโมสร


ยาดมสมุนไพร: New year present 2015

1 of new year missions achieved, making DIY herbal inhaler for the elderly.



เช้าวันท้ายปี 31/12/2014 ต้องทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ว่าแล้วก็นี่เลยทำ "ยาดมสมุนไพร" สูตรจากสสส.(สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) 

มีสมุนไพรดังนี้ เปลือกชะลูด ดอกกานพลู อบเชย ลูกกระวาน ผิวมะกรูด เมนทอล การบูร พิมเสน เมล็ดเทียนขาว
วิธีทำ:1. เอาสมุนไพรไปอบใน microwave เพื่อฆ่าเชื้อราและถือเป็นการทำความสะอาด

2. เอาผิวมะกรูดมาตัดให้เป็นชิ้นเล็กๆ และตำอบเชยให้เป็นแท่งเล็กๆ (ตามสูตรบอกว่าให้บดอบเชย แต่เราว่าแค่ทุบๆให้มันชิ้นเล็กๆก็ได้แล้ว) 
3. คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน
4. เอาไปใส่ขวดแบรนด์ที่ล้างไว้แล้ว (เป็นการประหยัดการซื้อขวดแก้ว) 


แค่นี้ก็จะได้ยาดมเอาไว้ให้รุ่นย่ารุ่นยายเป็นของขวัญปีใหม่
แจกยายๆไปแล้ว 7 กระปุก ภูมิใจสุดๆ ฮี่ๆ ยังเหลือสมุนไพรอยู่อีกตั้งครึ่ง สามารถทำได้อีกประมาณ 10 กระปุก นับเป็นของทำได้ไม่ยาก และที่สำคัญการทำอะไรเองนี่มันช่างน่าภูมิใจจริงๆ 

ค่าสมุนไพรทั้งหมด 318 บาทแต่ทำได้ร่วม 20 กระปุก แสดงว่ากระปุกเฉลี่ยแล้วต้นทุน 15-28 บาท ถูกกว่าไปซื้อยาดมที่ทำขายเป็นไหนๆ และที่ซื้อมาก็ไม่ค่อยถูกใจเลย ถูกใจอยู่แค่ยี่ห้อเดียวคือ ยาดมพม่าที่เปิดฝามาก็จะเห็นสมุนไพรเป็นเม็ดๆ อยู่ในรูปสมุนไพรที่ยังไม่แปรรูป หอมชื่นใจมากๆ 

ราคาเท่านี้ให้ของขวัญใครๆนี่ถือว่าถูกมาก และน่าภูมิใจ อวดใครต่อใครในฝีมือการปรุงยาได้เลย 
ตำแหน่ง"แดจังกึม"จะไปไหนเสีย โฮะๆๆ

------------------
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ 1 คืน (30/12/2014)

Aroma Therapy for bedtime.
ตอนนี้ห้องนอนอบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศและสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็นการบูร ลูกกระวาน อบเชย เปลือกต้นชะลูด พร้อมทำคุณไสยฯ เอ๊ย ม่ายช่าย...

เราจะตื่นมาอย่างอารมณ์ดีเพราะพรุ่งนี้จะได้ทำยาดมสมุนไพรไว้แจกยายๆแล้ว ไว้หากออกมาดีจะเอาไปให้ลอง อิๆ
ต่อไปเรียกเราว่า "แดจังกึม" ผู้ปรุงยาสมุนไพร
ขอบใจมายังเพื่อนๆที่ช่วยลุ้นการซื้อขายสมุนไพรวันนี้ทั้งจุ๋มและโอ๋
----------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Volunteer talk & its power





Giving a talk on 24/12/14 about volunteer experiences with other volunteers: Aunty Add from PSU Volunteer Center, N'Da from VSA Thailand, Sarah from Belgium, Sini from Finland & Jay from TSU, enriches my understanding of volunteerism from others' perspectives. It also inspired me to learn to be a better volunteer, too.






วันนี้ไปเป็นแขกรับเชิญโครงการ "นิสิตมหาวิทยาลัยทักษิณกับการสร้างสำนึกจิตอาสา" ของกิจกรรมหลักสูตรนอกชั้นเรียน นอกจากมาเป็นผู้เล่าประสบการณ์แล้วก็มาเป็นอาสาฯแปลความให้กับอาสาสมัครต่างชาติจากเบลเยี่ยมและฟินแลนด์ด้วย ทั้ง 2 คนพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่ฟังง่ายอาจจะเพราะทั้งคู่กำลังอาสาฯเป็นครูสอนเด็กในรร.ประถมด้วยส่วนหนึ่งเลยทำให้พูดไม่เร็วเกินไปและพูดชัดถ้อยชัดคำ




Sarah & Sini เป็นอาสาสมัครที่เริ่มทำงานอาสาตั้งแต่วัยเยาว์โดยเฉพาะซาร่าที่ตอนนี้อายุแค่ 18 ปีแต่เริ่มทำงานอาสาเพื่อค้นหาตนเองตอนอายุ 14 ปีและทำเรื่อยมา โดยทั้งคู่จะทำงานอาสาสมัครที่ VSA Thailand เป็นเวลา 4 เดือน Sarah ไปเป็นอาสาฯสวนสัตว์มาแล้ว 1 เดือนและตอนนี้กำลังทำงานอาสาอยู่ที่รพ.หาดใหญ่ (โครงการใหม่ของ VSA Thailand) 

ประสบการณ์ของวิทยากรแต่ละคนทำให้รู้ว่างานอาสาเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งที่ทุกคนไม่ได้รู้สึกเป็นภาระ ทุกคนสามารถแบ่งเวลาเพื่อแบ่งปันให้ผู้อื่นได้ และทุกคนล้วนมีความสุขกับงานอาสาที่ตนเองทำ 
สุดยอดมากๆ


"How wonderful that no one need wait a single moment to improve the world" 
                                                                                     -- Anne Frank

Santa Claus 2014: Sending Happiness forward



A Santa Claus in disguise.
Last night Sheema, a new colleague from Bangladesh got 2 presents, that is, a tea set and an electric kettle from the Fac. of HUSO, but this morning she gave them to me saying that she'd like to give these presents to the poor or the orphanage. I'll do as she wished soon.
She's such a nice asset for our department.

อาจารย์ชีม่า เพื่อนร่วมงานคนใหม่เป็นซานต้าประจำวันนี้ 



เมื่อคืนเธอได้ของรางวัลจากปาร์ตี้คณะฯ 2 ชิ้น วันนี้ตอนเช้าเธอนำของทั้งสองอย่างมาให้เรา เพื่อจะให้ช่วยมอบต่อไปยังผู้ด้อยโอกาสหรือสถานที่ที่เหมาะสมต่อไป
เธอบอกว่าเธอไม่น่าจะได้ใช้ประโยชน์จากมันสักเท่าไหร่ คนอื่นน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าเธอ
ซานต้าน่าจะนิสัยแบบนี้ คือคิดถึงคนอื่นมากกว่าตนเอง
ดีใจที่ได้รู้จักคนใจดีอย่างเธอ นอกจากเธอแล้ว อาจาร์ James Staley ก็เป็นอีกคนที่ใจดีและมีของให้ลูกศิษย์เสมอ รวมทั้งเราและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆด้วย
ด้วยความอยากเป็นซานต้า เมื่อวาน (24/12/57) เลยหาผ้าเช็ดหน้า ที่คั่นหนังสือแม่เหล็ก และพวงกุญแจจากอเมริกา ไดอารี่ ปฎิทิน มาแจกนิสิตที่ตั้งคำถามถามวิทยากรระหว่างเสวนาเรื่องจิตอาสาด้วย (แอบตัดใจเล็กๆเพราะไดอารี่สีสันสวยงาม น่ารักมาก ได้มาจากพี่หมู หัวหน้าศูนย์คอมพิวเตอร์ มหาลัย

เดี๋ยวนี้เวลาใครให้ของขวัญมา เรามักจะส่งต่อของขวัญนั้นให้นิสิตหรือคนที่อาจจะไม่ค่อยได้ของขวัญ เห็นคนที่ได้รับดีใจ มีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย 

นิสิตเอกสังคมศึกษาส่งข้อความมาบอกว่ามีโครงการ"กระเป๋าใช้แล้วเพื่อน้อง" ของมูลนิธิพัฒนา มช. ที่กำลังรวบรวมกระเป๋าส่งไปให้เด็กยากจนเพื่อได้ใช้ไปโรงเรียน เราเลยช่วยรวบรวม ตอนนี้ได้ของ Chawankorn พี่แก้ว และกำลังจะได้อีกหลายๆใบ กะว่าจะส่งวันจันทร์ 29/12/57 เพราะวันนั้นว่างพอที่จะไปส่งได้ 



บางทีการทำงานจิตอาสาก็สามารถหาได้ทางเว็บ หรือทำได้ง่ายๆแค่รวบรวมสิ่งของที่พอจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นและจัดส่งไปตามสถานที่ที่ต้องการ แค่นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำดีแล้ว 

"Start where you are. Use what you have. Do what you can."

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Hot pot isn't hot: Japanese food

Spicy Japanese food ranged from least spicy - most spicy, no. 1-10





จะกินอาหารญี่ปุ่นทั้งทีต้องมีระดับ ?

Hot Pot ร้านนี้มีความน่ารักตรงที่มีระดับความเผ็ดให้เลือก เพื่อให้เหมาะกับความสามารถในการกินเผ็ดของลูกค้า
เราเห็น hot pot หม้อนี้ รีบบ่น(ไปก่อน)ว่ามันน่าจะเผ็ดมากๆ ทั้ง Akira & Naki บอกว่าไม่เผ็ดๆ เราก็ยังไม่ค่อยเชื่อ (เมื่อดูจากหน้าตาสีแดงๆเต็มหม้อ) Naki อธิบายว่าความเผ็ดมันอยู่แค่ระดับ 3 !

ฮ๊า...มีระดับด้วยเหรอ
เรารีบให้ Akira-san แปลระดับให้เราฟัง




แต่ละระดับน่ารักมาก
ระดับ 1 - ถึงจะไม่เผ็ดแต่ก็อร่อยนะ (It's not spicy,but tasty)
ระดับ 3 - most popular / recommended ระดับนี้ลูกค้านิยมสุด
ระดับ 7/8 -- If you're a risk taker / want a bit adventure หากคุณอยากลองเสี่ยงหรือต้องการการผจญภัย(ทางปาก) เล็กน้อย
ระดับ 10 -- ถึงคุณจะไม่เศร้าแต่คุณต้องเสียน้ำตา (กรี๊ด คิดได้ไง !!)
สรุปว่าระดับ 3 ไม่เผ็ดใดๆทั้งสิ้น (ชิมโดยเราซึ่งเป็นคนไม่ชอบกินเผ็ด) ปอดแหกไปก่อนโดยแท้ 




----------------

วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Japan only: Hot red bean drink & UNIQLO

Many products in Japan amaze me!



1.  Hot Asahi Red Bean Soup


Hot Asahi Red Bean Soup from a vending machine. Just in winter 
that you can buy this soup. It's also can be used as a hand warmer when you're cold. Amazing.

อ่านจากหนังสือออนไลน์ DACO ว่าที่ญี่ปุ่นมีถั่วแดงกระป๋องที่เสิร์ฟร้อนเมื่อกดจากตู้กดอัตโนมัติ เลยไม่รอช้าที่จะลองกดมากินดู (ราคา 130 เยน ราวๆ 40 B. ) มันยังช่วยทำให้มือไม่หนาวจนเกินไปในฤดู winter


ซื้อ 1 ได้ถึง 2 ทั้งได้เครื่องดื่มร้อนและได้อุปกรณ์ทำให้อุ่นมือในราคาย่อมเยา
เครื่องดื่มร้อนจะมีขายตามตู้อัตโนมัติเยอะขึ้นในฤดูนี้

*ตอนแรกงงๆ ว่าจะเรียกถั่วแดงกระป๋องนี้ว่าอะไร จนไปหาทางอินเตอร์เน็ต เค้าเรียกมันว่า soup! 

ส่วนผสมมีดังนี้ Sugar, red bamboo beans, kidney beans, adzuki beans, salt, stabilising agent (modified starch, carrageenan – from red seaweed), emulsifier, cellulose, acidity regulator.*

* source:  http://isitveganjapan.com/food-products/soup/
-------------

2. UNIQLO, famous cloth brand name among Thai customers


เสื้อผ้ายี่ห้อนี้มีชื่อเสียงทั้งในไทยและญี่ปุ่นว่าเป็นเสื้อผ้าราคาซื้อหาได้ ไม่แพงจนเกินไป  เรากับน้องฝนเห็นหน้าห้างประดับด้วยสีสันคริสต์มาสก็รีบตรงไปแชะภาพ และดูเวลาเปิดร้าน

โอ้ ...ที่โตเกียว (วันศุกร์) ร้านเปิดตั้ง 11.00 am. แน่ะ แต่ไหนๆก็อยากดูแล้วเลยเดินกลับโรงแรมก่อน และเราเดินกลับมาอีกรอบเมื่อได้เวลา

เอ๊ะ...ในร้านมันขายแต่เสื้อผ้าหน้าหนาว (อ่ะนะ ก็มันหน้า winter) เดินดูกี่ชั้นๆก็ไม่มีเสื้อผ้าที่เราจะซื้อมาใส่ที่เมืองไทยในฤดูอื่นๆได้ งานนี้เลยเป็น window shopping ของจริง คือได้แต่ดูๆว่าแฟชั้นเสื้อผ้าหน้าหนาวเป็นยังไง

ไม่ได้จ่ายเงินแม้แต่น้อย ถือว่าเป็นการประหยัดเงินไปในตัวกับเรื่องเสื้อผ้า  ร้านอื่นๆช่วงนี้ก็มีแต่ sale รับคริสต์มาสและหน้าหนาว ทำให้เราไม่ได้ซ์้อเสื้อผ้ากลับมาบ้านเลย ยกเว้นซื้อ leg warmer (ที่อุ่นขา)มาอย่างเดียว

ตอนนี้ที่ห้างมีโครงการรับบริจาคเสื้อผ้าใช้แล้วเพื่อส่งต่อไปให้ผู้ด้อยโอกาสในประเทศด้อยพัฒนาด้วย
(อืม...เสื้อผ้ามือสองยี่ห้อนี้ที่เราซื้อจากตลาดนัดมาหลายตัว จะมาจากโครงการนี้รึเปล่าเนี่ย สำหรับเรายี่ห้อนี้หาได้ง่ายมากที่ตลาดนัดมือสอง ไม่รู้ว่าเพราะโครงการข้างต้น หรือเพราะคนญี่ปุ่นใส่ยี่ห้อนี้กันเยอะเลยกลายมาเป็นมือสองสภาพดีที่เมืองไทย) 

Letter to P'Tip: Updating my volunteer life

I just got back from Japan for the University Study Tour entitled " Volunteer Work Promotion" which aims to learn and share good practices from Japan institutes. It's amazing how each volunteer center worked.

I'll maximize what I've learned there, comparing with Thai volunteer work and probably American's as it's also very fascinating.
In USA, I learned to be an active volunteer without seeing much of how administration to support the volunteer system worked, on the other hand, in Japan, I saw what staff worked behind the scenes.


กลับมาจากดูงาน "การบริหารงานอาสาสมัคร" ที่มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นและสถาบันที่ทำงานด้านอาสาสมัคร 6 แห่ง เพื่อเอาประสบการณ์มาใช้ในการดำเนินการ"งานส่งเสริมจิตอาสาฯของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์" -- งานใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า
ประสบการณ์ที่ญี่ปุ่น ทำให้เห็นถึงความตั้งใจของคนญี่ปุ่นในการทำงานทุกด้าน และมีแผนงาน เป้าหมายชัดเจน มุ่งหน้าสู่ความเป็นเลิศ ระบบระเบียบสุดยอด
ส่วนอเมริกา นิสิต active มาก กิจกรรมอาสาฯที่ Penn State U. มีให้เลือกและทำทั้งปี ตามความสามารถและสนใจของนิสิต แถมระบบการสนับสนุนให้นิสิตทำงานผ่านเว็บฯก็ทำให้ได้อาสาสมัครมาร่วมลงชื่อ ทำงานมากมาย สิ่งที่เห็นชัดของที่นี่คือไม่ใช่แค่นิสิตที่เป็นอาสาฯแต่อาจารย์ พนักงาน ล้วนทำงานอาสากันทั้งนั้น เป็นแบบอย่างที่ดีทำให้งานอาสาเป็นสิ่งที่ทำได้ทุกวัน เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ในประเทศไทย งานอาสาฯ ยังทำกันเฉพาะกลุ่ม และบางครั้งคนไม่ทำจะมองงานอาสาฯเป็นงานที่สร้างภาพ (?) จริงๆแล้วงานอาสาฯเป็นงานที่ขัดเกลาจิตใจและสร้างมิตรภาพ สร้างสังคมที่ดี ที่น่าอยู่ร่วมกัน
"อยากได้สังคมน่าอยู่ ต้องร่วมใจอาสา"

-------------------
ส่งข้อความข้างต้นไปเล่าให้พี่ทิพย์ (ผอ.Fulbright Thailand) พี่ทิพย์เป็นคนที่ให้กำลังใจคนได้ดีมากและอยากทำดียิ่งๆขึ้นไป Push the limits / Go beyond your limit มากๆ 

พี่ทิพย์: 

  • Thanks for the update ka, Nok. I've been following your facebook and it's great to know what you've learned....the whole loop now na ka

    you'll be a very capable volunteer and administrator loei ka.

    hope to hear more and if there's anything I can do to help you or your university, please let me know na ka.

    I may go to Hatyai next month and hope to have some time in between so we can get to meet na ka

    even I said I'm semi-retired, I've been working almost every day and am trying not to do much on weekends ka.

    only may be 1-2 weekends were a success lae ka
  • Diyaporn Wisamitanan
    Diyaporn Wisamitanan


    That's good for you to have a break on weekends or else you might still be like a full time worker:). Please let me know when you will be in Songkhla / Hatyai. I'm thrilled to meet you again. Not sure if you still remember Ms. Marlane Gulden from America who's 50 something. I've known her 12 years ago and we've been friends till now as she's lived in Songkhla for nearly 10 years. She might want to meet you too. She's the woman who did a mock interview for me before I took the interview for the Humphrey Scholarship and the first one who told me you're very nice director. At that time, I still wasn't sure what she told me till I met you and interact with you . Next month, from 6-9, I'll visit Chiang Mai and 10th I'll be a zoo volunteer. Apart from that I'm free. ( The uni. will start on 12 Jan.).
  • Ptip Kanjananiyot
    Ptip Kanjananiyot


    zoo volunteer! wow! exciting ka. if I don't have anything exciting, I should follow your route jing jing!

    I don't recall who Khun Marlane is ka...would be good to reconnect na ka. We should have some mock interview sessions for your kids too....really useful and could be inspiring as well.
  • Diyaporn Wisamitanan
    Diyaporn Wisamitanan


    I've tried to work hard these days because I'm planing to study doctorate degree by next year. ( Don't know the month exactly) I'm turning 40 and want to do this part very soon. However, I've a commitment with the dean of the Fac. of Humanities that I'd help him establish the volunteer bank and run the program in the first year. I love doing this new duty,but at the same time, feel like I've not completed my other commitment of doing PhD. . A bit confused between doing my beloved job and doing PhD.
  • Ptip Kanjananiyot
    Ptip Kanjananiyot


    where are you working for your phd la ka?

    what you've been doing and will do could be a great topic of your dissertation loei la ka
  • Diyaporn Wisamitanan
    Diyaporn Wisamitanan


    I have not started a PhD. yet. I want to study PhD in New Zealand as the cost of living there's cheap comparing to USA. However, the topic for proposed dissertation should be something in English field, not community service / volunteerism as I'm in the western lang. dept. (Many people think I've worked for Soc. Sci. or Community Development .
  • Diyaporn Wisamitanan
    Diyaporn Wisamitanan


    It's a great idea if we can have mock interview for students, by the way.

The Hundred-Foot Journey



The Hundred-Foot Journey เป็นหนังแห่งปีที่เราขอยกนิ้วให้ หากใครได้ดูจะรู้สึกลุ้นไปกับเนื้อเรื่อง ไม่อยากให้จบ แต่เมื่อจบมันช่างให้ความรู้สึกอิ่มเอมใจ

ตอนนั่งเครื่องบินกลับจากญี่ปุ่นด้วยสายการบิน Delta เราพยายามหาหนังดูสักเรื่องสองเรื่องเพื่อไม่ให้การเดินทาง 6 ชม.จากสนามบินนาริตะ - สุวรรณภูมิ ไกลจนเกินไป หลังจากหาอยู่หลายเรื่อง ก็มาสะดุดที่เรื่องนี้ เพราะเห็นว่ามีคนอินเดียนำแสดง น่าจะมีมุมมองใหม่ๆมานำเสนอ ตอนแรกคิดว่าเป็นหนังบอลลีวู๊ด ผลิตโดยผู้กำกับอินเดีย แต่กลายเป็นว่าเมื่อดูจนจบ ขึ้นชื่อ Steven Spielburg และมารู้ทีหลังว่ามี Opera Winfrey เป็น producer ด้วย

ว๊าว... ว่าทำไมมันออกมาดี ละเมียดละไม และไม่สะดุดตลอดเรื่อง

------------
หนังนำเสนอผ่านการทำอาหารแข่งขันกันของพ่อครัวอินเดียและฝรั่งเศส ซึ่งต่างก็ภูมิใจกับอาหารชาติตนเอง จนหลงลืมไปว่าอาหารของชาติอื่นๆก็ดีไม่แพ้กัน การยึดมั่นถือมั่น ไม่ปล่อยวาง ทำให้เกิดบรรยากาศสงครามย่อมๆ ที่กว่าแต่ละฝ่ายจะเปิดใจยอมรับความต่างทางรสชาติและความคิดก็ทำให้พระเอกของเราเหนื่อย

การทำอาหารเป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่คนในชาติล้วนภาคภูมิใจ ในท้องเรื่อง อินเดียก็ยังนำเสนอเครื่องเทศ (ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทั่วโลกรู้จักอินเดีย) เราว่าเมื่อหนังเรื่องนี้ออกฉาย คนดูน่าจะอยากไปชิมอาหารอินเดียมากขึ้น รวมทั้งเราด้วยที่ถึงแม้จะได้ลองอาหารอินเดียมาบ้างที่อเมริกา แต่ก็เรียกว่ายังชิมไม่หมด และยังกินไม่ได้ทุกอย่างเพราะรู้สึกว่ากลิ่นเครื่องเทศมันแรง

ดูเรื่องนี้แล้วก็คิดถึง Khyati & Rakesh ซึ่งเคยทำอาหารอินเดียให้กิน เราเคยมีโอกาสช่วย Khyati ทำอาหารอินเดียด้วย อิๆ แอบภูมิใจในตัวเอง :)

วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Japan trip: 1 night in BKK


ในที่สุดก็ใกล้ได้ไปญี่ปุ่นแล้ว เหลืออีกแค่คืนเดียว เย้ๆ

วันนี้ออกเดินทางด้วยเครื่องบิน Thai Lion Air (Hatyai - BKK) เวลา 14.50 - 16.14 pm. เราก็มาถึงกทม. เพื่อหาที่พัก โรงแรม Floral Shire Resort Suvannabhumi



เรานั่งแท๊กซี่จากดอนเมืองมาที่นี่ ราคาอยู่ที่ 300 B. + 50 B. (ค่าธรรมเนียมสนามบิน) + 50 B. ค่าทิป





โรงแรมอยู่สุดซอยลาดกระบัง 42 น่าจะมีชื่อเสียงสำหรับ backpacker เพราะเห็นคนพักเป็นต่างชาติซะส่วนใหญ่ ราคาก็ไม่แพงด้วยนะ 750 บ. มี wifi ให้ใช้และบริการรับส่งสนามบินทุก 1 ชม.

พรุ่งนี้เราต้องเจอเพื่อนๆอาจารย์คนอื่นๆตอน 4.00 am. เรากะว่าจะออกจากที่นี่ตอน 3.30 am แต่ปรากฎว่าเมื่อดูตารางการเดินรถ เราต้องออกตี 3 เพราะรถออกชม.ละ 1 คัน OMG คงไม่ต้องนอนกันคืนนี้ เพราะนั่นหมายความว่าเราต้องตื่นมาอาบน้ำตอน 2.30 น.

ก่อนมากทม.เราจัดกระเป๋าเป็นอาทิตย์ ตอนแรกกะจะเอากระเป๋าเดินทางสีฟ้าขนาดกลางและเป้สีเดียวกัน แต่เมื่อซื้อเสื้อผ้ากันหนาว ผ้าพันคอ หมวก และโค๊ตซะเยอะแยะ
(ใช้เงินหมดจนหยดสุดท้าย 1000 กว่าบาทที่ตลาดนัด)

 เลยต้องเปลี่ยน size กระเป๋าเป็นใบใหญ่สุดที่มีอยู่ที่บ้าน (ใบนี้เราหอบหิ้วมาจากอเมริกา เพราะใบที่ซื้อไปล้อหลุด เสียดายมากตั้ง 4000 บ.) ใบนี้เก๋ที่หมุนได้ 360 องศาฯ


กลับจากตลาดเรารีบซักด้วยความเห่อ และจัดกระเป๋าพลางๆ

เรารู้จาก อ.ทากายูกิ Akira & Yuka ว่าญี่ปุ่นอุณหภูมิติดลบ เลยกลัวหนาวขึ้นสมองค่ะงานนี้

ลองชั่งกิโลกระเป๋า นน.อยู่ที่ 15.6 กก.เราเลยเอาออกมาแบ่งใส่ในเป้เดินทางอีกหน่อย เพราะสายการบินในประเทศคือ Thai Lion Air อนุญาตแค่ 15 กก. (แต่ใจดีสามารถเอาขึ้นเครื่องได้อีก 7 กก.)

ส่วนสายการบิน Delta Airline สามารถเอากระเป๋าโหลดได้ 2 ใบๆละไม่เกิน 23 กก. ! อะไรจะให้นน.ขนาดนั้น + กระเป๋าถือขึ้นเครื่องอีก 7 กก.





ระหว่างจัดกระเป๋าก็จะมีสมุนแมวดำมานั่งเขี่ยเสื้อผ้าอยู่ข้างๆ  (ต่อไปกรุณาเรียกเราว่า "นก แมวดำ เอ๊ย มนต์ดำ" อิๆ)  บางตัวก็กระโดดลงไปในกระเป๋า น่าน...สงสัยว่าอยากไปรับลมหนาวที่ญึ่ปุ่นด้วยกันนะเนี่ย

เราหายไปหลายวันมันคงสงสัย "หัวหน้า" ไปไหน






--------------------