วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Eng.Camp 2020 Reflection: Rinlada

ในการไปค่ายในครั้งนี้นั้นต้องยอมรับว่าในตอนแรกหนูค่อนข้างลังเลว่าจะเข้าร่วมดีหรือไม่เพราะเป็นค่ายที่จัดขึ้นในต่างจังหวัด และก็ต้องขอยอมรับอีกอย่างหนึ่งว่าในตอนที่ตัดสินใจไปค่ายนั้นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของหนูมากที่สุดนั้นไม่ใช่การได้ฝึกทักษะการใช้ภาษาอังกฤษกับครูชาวต่างชาติหรือเพื่อนในค่ายแต่อย่างใด แต่เหตุผลหลักที่ทำให้หนูตัดสินใจมาค่ายนี้คือกิจกรรมปีนเขาอกทะลุ นั่นเป็นเพราะโดยส่วนตัวแล้วหนูชอบกิจกรรมแนว Adventure เป็นอย่างมาก แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำเท่าไรนักค่ายนี้จึงเป็นค่ายที่หนูมองว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้หนูสามารถทำอะไรแบบนี้ได้โดยที่ผู้ปกครองไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยมากนัก ส่วนกิจกรรมอื่นๆในตอนนั้นหนูมองว่าเป็นเพียงกิจกรรมทั่วไปเหมือนๆกับค่ายอื่นๆและมีแอบกังวลอยู่บ้างว่าจะเป็นค่ายที่เครียดสำหรับหนูหรือไม่ เมื่อถึงวันเข้าค่ายทุกอย่างก็ดูจะแตกต่างไปจากแผนเดิมไปเสียหมดเนื่องด้วยสภาพอากาศที่มีฝนตกต่อเนื่อง และในหัวหนูก็ยังคงคิดว่าคงจะไม่ได้ขึ้นเขาแล้วแน่ๆแล้วฉันจะสมัครมาค่ายนี้ทำไม แต่เมื่อเดินทางมาถึงที่พักและได้เริ่มทำกิจกรรมตั้งแต่ Ice Breaking ไปจนถึงเกมต่างๆของอาจารย์ Irish, อาจารย์ Erika และอาจารย์ Sterling ก็ทำให้หนูได้เริ่มเห็นถึงความสนุกของค่ายว่าไม่ได้เครียดอย่างที่คิด แต่เป็นอะไรที่สนุกสนาน มีการแบ่งกลุ่มใหม่เรื่อยๆเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกันซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีมากในความคิดของหนู เพราะในค่ายนี้ไม่ได้มีเพียงเพื่อนร่วมเอกแต่มีทั้งเพื่อนต่างเอก รุ่นพี่ในเอก และรุ่นพี่จากวิทยาเขตพัทลุง หากจะให้ทำความรู้จักกันเองก็คงยากเพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน แต่เมื่อมีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันก็ช่วยให้เรามีหัวข้อที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนกันและทำให้การทำความรู้จักกันนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความอึดอัดแต่อย่างใดในทางกลับกันทำให้กล้าพูดคุย และกล้าติดตลกได้อย่างสบายใจส่วนหนึ่งเป็นเพราะเพื่อนร่วมค่ายทุกคนมีความเป็นมิตร พร้อมที่จะทำความรู้จักกันและเต็มที่กับการทำกิจกรรมเหมือนๆกัน
มาถึงกิจกรรมที่เป็น Highlight อีกกิจกรรมหนึ่งคือ TSU Chef Competition ซึ่งก็ได้แบ่งกลุ่มใหม่อีกครั้งเพื่อทำภารกิจการแข่งขันทำอาหาร 3 เมนูโดยมีเมนูบังคับคือไข่เจียวที่ต้องสร้างสรรค์กันเองภายในกลุ่มและมีงบในการซื้อของกลุ่มละ 400 บาท กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ทำให้หนูได้เข้าถึงพี่ๆและเพื่อนๆในกลุ่มมากที่สุดเนื่องจากต้องใช้เวลาร่วมกันเยอะและมีการช่วยกันและกันในกลุ่มอย่างเต็มที่ ในตอนแรกหนูจับกลุ่มอยู่กับเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกันแล้วเพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน แต่อาจารย์นกก็จับหนูแยกออกมาในตอนนั้นตกใจและหวั่นใจมากๆแต่สุดท้ายก็มาเจอเพื่อนร่วมเอกอีกหลายคนที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันก็ทำให้อุ่นใจขึ้นและเมื่อได้เริ่มทำภารกิจตั้งแต่ออกจ่ายตลาดจนกลับมาทำอาหารก็ทำให้สนิทกับเพื่อนในกลุ่มและพี่ๆในกลุ่มมากๆทำให้เห็นว่าบางครั้งการออกมาจาก Safe zone ของตัวเองบ้างก็เป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้เราได้เจออะไรใหม่ๆและได้เปิดโอกาสให้กลุ่มคนใหม่ๆได้รู้จักตัวตนของเรามากขึ้นเช่นกัน กิจกรรมนี้จึงผ่านไปได้ด้วยดีและมีความสุขมากตั้งแต่ออกจ่ายตลาดจนกระทั่งเก็บกวาดล้างจานที่ยังคงมีเรื่องราวให้ได้ยิ้มและหัวเราะจนจบการแข่งขัน มาถึงอีกหนึ่งกิจกรรมซึ่งเป็น1ใน3ของกิจกรรมที่หนูชอบที่สุดและเป็นกิจกรรมสุดท้ายของวันแรก คือกิจกรรมที่ได้สอนอาจารย์ต่างชาติร้องเพลงไทย ในวันนั้นกลุ่มของหนูได้สอนอาจารย์ Irish ให้ร้องเพลง Music lover และถึงแม้ชื่อเพลงจะเป็นภาษาอังกฤษแต่เนื้อเพลงนั้นเป็นภาษาไทยทั้งหมด กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ทำให้หนูประทับใจในตัวอาจารย์ต่างชาติทั้ง3ท่านเป็นอย่างมากที่ให้ความสนใจ ตั้งใจ และพยายามร้องเพลงไทยตามที่พวกเราทุกคนพยายามสอนอย่างเต็มที่และผลงานของทั้ง3ท่านก็ออกมาดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะอาจารย์ Irish ที่พวกหนูเห็นความตั้งใจและความพยายามได้ชัดที่สุดเพราะได้อยู่กลุ่มเดียวกัน เธอไม่เพียงแต่จะพยายามร้องให้ได้แต่เธอพยายามถามความหมายของคำต่างๆ มีการทำสัญลักษณ์ต่างๆเพื่อให้ร้องออกมาได้ชัดเจนที่สุดซึ่งเป็นอะไรที่น่าประทับใจและเป็นการปิดท้ายที่ดีและมีความสุขมากๆสำหรับตัวหนู
ในวันต่อมาเป็นวันที่ได้เรียนรู้ทักษะภูมิปัญญาทั้งการทำขนมจีนเส้นสดที่ไม่เคยได้เห็นและไม่เคยได้ทาน ได้รู้ว่าแกงเคยไม่ใช่แกงกะทิซึ่งเข้าใจผิดมาโดยตลอด รวมไปถึงการได้ลองทำกระเป๋าผ้ามัดย้อมจากสีที่ได้จากใบหูกวางได้เป็นผลงานของตัวเองกลับบ้านมา1ใบและคาดว่าน่าจะได้ใช้จริงอย่างแน่นอน การทำสาคูต้นที่เคยได้ยินชื่อมาแสนนานแต่เพิ่งเคยได้เห็นต้นสาคูและได้ลองกินสาคูจากต้นแท้ๆเป็นครั้งแรกในวัย18ปี ทำให้เห็นได้ว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังต้องลองทำในชีวิตบางสิ่งที่เคยได้ยิน ได้เห็นมาบ่อยๆแต่หากไม่ได้ลองทำไม่ลองเข้าถึงมันเราก็แทบไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เคยเห็นหรือเคยได้ยินนั้นมันจริงอย่างที่เคยเข้าใจหรือไม่ และต่อมาที่หนูอยากกล่าวถึงคือกิจกรรมที่เป็นเป้าหมายแรกของหนูในการมาค่ายในครั้งนี้คือการขึ้นเขาอกทะลุ 1,066ขั้น ถือได้ว่าได้ขึ้นอย่างสมใจ ถึงแม้จะเหนื่อยมากและหยุดพักแทบทุกจุดที่มีให้พักแต่สุดท้ายก็ได้ขึ้นไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกได้ถ่ายรูปอวดตัวเองได้อีกหลายปีอย่างที่อาจารย์นกได้พูดไว้ trip นี้จึงเป็น trip ที่คุ้มแสนคุ้มเพราะได้ทำทั้งสิ่งที่ตั้งใจมาทำตั้งแต่แรก ได้กำไรจากกิจกรรมต่างๆที่มีทั้งความรู้และความสนุกสนาน ได้ท้าทายตัวเองไปอีกขั้น ได้เรียนรู้ที่จะอดทนและพยายามไปให้ถึงเป้าหมายของตัวเองแต่ก็ไม่ลืมที่จะเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆระหว่างทางเพราะทุกอย่างคือกำไรที่เราจะได้รับจากการทำกิจกรรมและการเดินทางไปยังที่ใหม่ๆไว้เก็บเป็นที่ระลึกและเป็นความทรงจำให้กับตัวเองว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้ผ่านอะไรแบบนี้มาแล้วนะ การเขียนในครั้งนี้อาจจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาวและดูเหมือนเป็นการบันทึกเรื่องราวถึงตัวหนูเองมากกว่าการเขียนงานส่งอาจารย์ แต่ทุกอย่างที่ได้เขียนลงไปนั้นล้วนเกิดจากความตั้งใจและเป็นความจริงทั้งสิ้นเพื่อบันทึกแง่มุมของหนูที่มีต่อค่ายนี้ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณอาจารย์และทีมงานทุกๆท่านที่มีส่วนในการช่วยจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นอย่างมาก หากมีโอกาสหนูก็ยังคงอยากเข้าร่วมกิจกรรมและอยากให้มีกิจกรรมดีๆแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆและหนูยังคงหวังว่าอาจารย์จะจัดค่ายหรือกิจกรรมที่มีความ Adventure มาล่อใจหนูอีกในอนาคตนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น