วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เรียงความโครงการส่งเสริมการอ่าน: บ้านสงขลา ( 8)





 
 


ประสบการณ์อาสา ณ บ้านสงขลา
                สภาพสังคมในปัจจุบันถือเป็นสังคมที่ประสบกับปัญหาในหลายๆด้าน ทั้งในด้านของเศรษฐกิจ การเมืองการปกครองและความเป็นอยู่ของคนในสังคม ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้เด็กหลายๆคนขาดการดูแลจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด บางคนก็ถูกทอดทิ้งตั้งแต่ยังเป็นเด็ก หรือที่เราเรียกกันว่า เด็กกำพร้าเด็กเหล่านี้ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งภาวะขาดแคลน การถูกเอารัดเอาเปรียบ การถูกทอดทิ้งและปัญหาต่างๆอีกมากมาย ที่เขาเหล่านั้นต้องเผชิญหน้าและต้องทนยอมรับชะตากรรม
                โดยปกติแล้ว ครอบครัวที่สมบูรณ์นั้น ต้องประกอบไปด้วย พ่อ แม่ และลูก แต่เด็กบางคน เขาต้องเติบโตมาโดยที่ขาดพ่อไร้แม่ ถึงแม้ว่าเขาเหล่านั้นจะสามารถเติบโตได้เหมือนเด็กทั่วๆไปก็ตาม แต่สิ่งที่เขาต่างไปจากคนอื่นก็คือ พัฒนาการทางด้านจิตใจ ความรู้สึก ความคิด ความสุข เขาขาดคนที่จะมาช่วยหล่อหลอม ให้ความรัก ความอบอุ่น และเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดคอยอบรมสั่งสอนเขาให้เติบโตขึ้นมาอย่างเด็กคนอื่นและโดยทั่วไปเมื่อเด็กขาดแม่ก็เท่ากับเขาขาดความมั่นคงในการใช้ชีวิต มีความเสี่ยงในหลายๆด้าน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาเสี่ยงที่จะกลายเป็นปัญหาของสังคมได้มากกว่าเด็กที่มีครอบครัว เขามีเพียงครูพี่เลี้ยงที่คอยดูแล สั่งสอนและเป็นคนที่คอยเลี้ยงดูให้เค้าเติบโตขึ้นและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
                ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีการรณรงค์ในเรื่องของปัญหาเด็กและเยาวชน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายๆหน่วยงานที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ให้ความสำคัญกับเรื่องของปัญหาเด็กกำพร้าแต่ถ้าเทียบกับจำนวนของเด็กที่ต้องประสบกับปัญหาเหล่านี้ ความช่วยเหลือจากหน่วยงานก็แทบจะไม่เพียงพอต่อความต้องการหรือเนื่องจากปัญหาของเด็กและเยาวชนเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากและนับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าประเทศจะมีการพัฒนา ก้าวไปข้างหน้า การศึกษาจะกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคแต่ปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้และยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
                หลายๆครั้งที่เรามักจะท้อแท้กับการใช้ชีวิต หรือเหนื่อยล้ากับการทำอะไรสักอย่าง เราอาจจะคิดว่า


ทำไมชีวิตของเราถึงแย่อย่างนี้?หรือเราอาจจะคิดว่า ทำไมเราถึงโชคร้ายจัง?แต่หากเรามองไปถึงสังคมในปัจจุบัน มองเด็กและเยาวชนกลุ่มหนึ่งที่เขาถูกทอดทิ้ง ไม่มีแม้กระทั่งผู้ปกครอง ขาดพ่อไร้แม่ เขาต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆมากมายที่เข้ามาในชีวิต เมื่อเรามองย้อนไปแล้วเราจะรู้ว่าเราโชคดีแค่ไหนที่เรามีครอบครัวที่สมบูรณ์ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่ดี  ได้เติบโตมาจากครอบครัวที่สมบูรณ์ให้ความอบอุ่นเลี้ยงดูเรามาอย่างดี เมื่อเราคิดเช่นนี้ก็จะทำให้เรามีแรงผลักดันที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

                เมื่อเรามีโอกาสที่ดีในหลายๆเรื่อง ทั้งในเรื่องครอบครัว การใช้ชีวิต การศึกษา เราก็ไม่ควรที่จะมองข้ามปัญหาสังคมเหล่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องของปัญหาเด็กและเยาวชน เราควรจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เช่น เวลาว่างจากการเรียน ไปทำหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ โดยการรู้จักสละเวลา รู้จักการให้ ให้ความรัก ความอบอุ่น ความรู้แก่เด็กๆที่เขาขาดโอกาสในหลายๆด้าน ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องช่วยเหลือเขาด้วยกำลังทรัพย์เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นที่เราจะให้เขาได้ นั่นก็คือ กำลังกาย กำลังใจ ที่เราสามารถให้เขาได้ด้วยความยินดีและเต็มใจ

                จากการที่ดิฉันได้มีโอกาสไปช่วยเหลือ ดูแลเด็กๆ มีโอกาสได้ไปพูดคุย เล่านิทานให้น้องๆฟัง สอนการบ้านและเล่นกับพวกเขาเหล่านั้น ทำให้ดิฉันรู้เลยว่า ยังมีคนอีกจำนวนมาก ที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากสังคม ต้องการความรัก ความอบอุ่น เพราะชีวิตเขาเติบโตขึ้นมาอย่างน่าสงสาร ชีวิตที่ขาดพ่อไร้แม่ ต้องเผชิญกับปัญหาที่รายล้อมเข้ามาในชีวิต เขาต้องการเพื่อน ต้องการความรักและความอบอุ่น หลายๆครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มจากพวกเขาเหล่านั้นทำให้ดิฉันมีความสุขเป็นอันมาก รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรอยยิ้มเล็กๆนั้น ดีใจที่ทำให้เขาเกิดความสุขและสนุกไปกับสิ่งที่ดิฉันเต็มใจและยินดีที่จะทำให้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการช่วยเหลือเพียงเล็กๆน้อยๆก็ตาม และดิฉันก็เชื่อแน่ว่า เด็กๆเหล่านั้นก็ต้องมีความสุขมากๆเช่นกัน ที่มีพวกเราเข้าไปมอบความรักความเป็นมิตรให้แก่พวกเขา
                ประสบการณ์ของการได้มีโอกาสเข้าไปดูแลน้องๆ ทำให้ดิฉันรู้จักกับการเป็นผู้ให้มากยิ่งขึ้น ทำให้เรารู้จักกับความอดทน ความเสียสละ ความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันและสิ่งสำคัญ คือทำให้ดิฉันมีกำลังใจในการเรียนมีแรงผลักดันในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้เราเป็นคนที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น การที่เรารู้จักทั้งการเป็นผู้ให้และผู้รับที่ดีนั้นจะทำให้เราเกิดรอยยิ้มแห่งความสุข ทั้งสุขที่ได้เป็นผู้ให้และสุขที่ได้เป็นผู้รับ 

                สิ่งตอบแทนที่มีค่ามากที่สุดสำหรับดิฉันนั่นก็คือ รอยยิ้มของเด็กๆ มันทำให้ดิฉันรู้สึกยิ้มได้ตลอดเวลาที่ได้ทำกิจกรรมกับพวกเขา รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก รู้เพียงแค่ว่า อยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องๆมีรอยยิ้ม มีความสุข และถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปดูแลน้องๆอีก ถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ
แค่วันละ
1 ถึง 2 ชั่วโมงก็ตาม แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ความประทับใจ และความสุขที่เอ่อล้นอยู่ในหัวใจ

                                                                                                         ทรรษรีย์      ศศบ. ภาษาไทย 



               



           


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น