วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ห้องสมุดฟุตบาท






เมื่อปลายมีค. เราไปสถานีหัวลำโพง และสะดุดตากับห้องสมุดฟุตบาท ซึ่งเป็นความคิดมาจากคุณโหน่ง วงทนงค์ จากรายการเจาะใจที่เชิญเหล่าคนดังมาร่วมจับคู่ทำความดี เราดูเจาะใจตอนห้องสมุดฟุตบาทจาก Youtube และติดใจความคิดบรรเจิดของเค้าที่ตั้งใจทำให้การอ่านเกิดขึ้นได้ทุกที่





ตอนนั้นสิ่งที่คิดคือนึกสงสัยว่ามันจะประสบความสำเร็จเหรอ การที่ตั้งกล่องหนังสือเอาไว้โดยมีกติกาว่าGive 1 Get 1 หากหยิบเอาไปอ่าน 1 เล่มก็ให้ใส่คืน 1 เล่ม ดูแล้วเป็นไอเดียง่ายๆที่ทำได้ไม่ยาก

เมื่อได้แวะเวียนไปสถานีหัวลำโพงเลยไม่รอช้าที่จะต้องมองหากล่องและมุมอ่านหนังสือห้องสมุดฟุตบาท




เอ่อ...จะบอกว่ารู้สึกผิดหวังมาก เพราะในตู้ไม่มีหนังสืออยู่เลย และหนังสือที่ตั้งอยู่ที่มุมอ่านหนังสือก็เก่ามาก เราคิดว่าคงไม่มีใครสนใจจะหยิบมันไปอ่านแน่ๆ เพราะขนาดคนชอบอ่านอย่างเราก็ขอปฎิเสธ หนังสือที่เราเห็นเป็นหนังสือลลนา สมัยนู้น (คนรุ่นเราก็แทบไม่รู้จักแล้ว เพราะมันหยุดผลิตมาร่วม 20 กว่าปี)  นอกจากนั้นก็เป็นหนังสือของหน่วยงาน ซึ่งก็ไม่ได้ชวนให้อ่านน่ะนะ เพราะมันเป็นการรายงานว่าหน่วยงานนั้นๆทำอะไรมาบ้าง (มันน่าสนใจตรงไหน)

เราเลยตั้งเป้าไว้ว่าหากเรามาหัวลำโพง เราจะมาสังเกตใหม่ เผื่อวันที่เรามาเป็นวันที่ทุกคนเอาหนังสือไปอ่านกันหมด และยังไม่มาคืน




เมื่อขึ้นกทม.เพื่อต่อไปยังปากช่อง นครราชสีมา กับนิสิต 13 คน เรามีความหวังว่าจะเห็นหนังสือดีๆเต็มตู้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็พกคู่สร้างคู่สมมาจากบ้าน 3 เล่ม และซื้อเพิ่มที่สถานีรถไฟหาดใหญ่อีก 3 เล่ม กะว่าซื้อมาอ่านบนรถไฟเสร็จแล้วก็จะได้ใส่ตู้ห้องสมุดฟุตบาทเพื่อให้คนอื่นๆที่มานั่งรอรถไฟได้อ่าน





นับว่าคุ้มราคาคู่สร้างคู่สมมาก เพราะบนรถไฟ เราแจกจ่ายให้นิสิตอ่านและอ่านกันทั่วหน้า เรียกว่าคุ้มราคา 20-30 บาท (ตอนนี้คู่สร้างคู่สมขึ้นราคา 30 บาทแล้ว โดยที่ไม่ขึ้ันมาร่วม 20 ปี เป็นหนังสือดีอีกเล่มนึงที่เล่าเรื่องราว ประสบการณ์ชีวิตหลากหลาย น่าสนใจ เราอ่านจนติดมันไปแล้ว หลายคนบอกว่าดวงจากคส.คส.แม่นมากด้วยล่ะ)




เมื่อมาถึงมุมอ่านหนังสือ ผิดหวังอ่ะ ไม่มีหนังสือเลย เราเลยหยิบคู่สร้างคู่สมของเราจากกระเป๋าเดินทางมาวางเอาไว้ นิสิตมองด้วยความแปลกใจ อาจารย์ทำอะไรน่ะ

เราเคยเห็นฝรั่งหลายคนเมื่ออ่านหนังสือเสร็จแล้ว เค้าก็จะวางไว้เพื่อให้คนอื่นได้อ่านต่อ (และจริงๆแล้วคงจะได้ไม่ต้องหนักกระเป๋าขากลับด้วยนะ) เราว่าเป็นความคิดที่ดี เลยทำมั่ง

ตกกลางคืน เนื่องจากต้องพักแถวถนนรองเมือง เราเลยแว่บมาสำรวจหนังสือที่เราตั้งเอาไว้

โอ้ว...มันหายไปหมดแล้ว !


เราอยากให้โครงการห้องสมุดฟุตบาทได้ติดตามกล่องหนังสือที่วางเอาไว้ตามจุดต่างๆทั่วกทม.แล้วประเมินผล ดูความคืบหน้า หรือเติมหนังสือใส่กล่อง รวมทั้งรณรงค์ให้คนเห็นความสำคัญของการมีกล่องหนังสือทุกทิศ ทั่วไทย

สงสัยจังว่าแบบนี้ "กทม. เมืองหนังสือโลกปี 2013 จะประสบความสำเร็จแค่ไหน"
 เห็นนิสัยการอ่านแต่ไม่แบ่งปันแล้วหนักใจ


4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่แน่คนที่เอาไปอ่าน อ่านเสร็จก็อาจเอากลับมาคืนก็ได้
    หวังว่าเค้าจะเอามาคืนเพื่อให้คืนอื่นได้อ่านต่อละกัน

    คงเพราะมันอยู่ที่สถานีรถไฟ คนที่หยิบไปก็คงหวังจะเอาไปอ่านระหว่างทาง
    แล้วก็คิดในใจว่า กลับมาเมื่อไหร่จะเอามาคืนนะ (ละมั้ง)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เราก็หวังว่าแบบนั้น คือที่ตั้งหนังสือเอาไว้ก็ด้วยความหวังว่าคงมีคนหยิบไปอ่านฆ่าเวลา และแอบดีใจที่ได้เพิ่มยอดการอ่านให้ประเทศไทย (ฮี่ๆ หวังไกล)

      ลบ
  2. ครานี้คงได้กลับมาเป็นเเฟนคลับครูนกดังเดิมเเล้ว ถ้าอะไรอะไรลงตัว อ่านเรื่องราวที่ครูนกเขียนทีไร ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เสมอ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเท่าไร ยุ่งๆ กับเด้กตัวน้อยๆ เหอๆ ไม่ได้ไปหัวลำโพงนานเเล้ว เเต่ก็เห็นภาพ จากคำบรรยายของครูนกเเล้ว เจ้าโครงการนี้ ก็น่าสนใจดีนะค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เย้! น้ำกลับมาแล้ว ไว้หากมีเวลาอย่าลืมส่งบล๊อคมาแชร์เรื่องราวการเป็นคุณครูที่บ้านเกิดนะคะ

      ชุมพร เป็นจังหวัดที่ครูอยากใช้เวลาแวะ เพราะไปชุมพรทีไหนก็ได้แค่ร้านอาหารคุณสาหร่าย
      ครูอยากดูการทำกล้วยชอคโกแลตด้วย เมย.ก่อนหน้านี้พอสอบถาม เค้าบอกว่าไม่มี

      ลบ