วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

บริจาคอวัยวะ เรื่องง่ายๆที่ทำได้เพื่อคนอื่น



Don't take your organs to heaven with you.  Heaven knows we need them here. 
                                                                                                         ~Author unknown
อย่าเอาอวัยวะขึ้นสวรรค์ไปกับคุณด้วย สวรรค์รู้ว่าเราต้องการมัน(บนโลกใบนี้)
วันนี้ได้รับบัตรยืนยันการบริจาคอวัยวะ ส่งมาจากสภากาชาดไทย กทม.
อืม...เหตุการณ์ สืบเนื่องมาจากการไปรพ.สงขลานครินทร์เพื่อตรวจร่างกาย เดินไปเดินมาเห็นป้ายโปสเตอร์และเคาเตอร์โฆษณาโครงการ "รับบริจาคอวัยวะ ความดีที่ไม่สิ้นสุด คือการบริจาคอวัยวะเมื่อสิ้นสูญ"
เรา เลยเข้าไปสอบถามและแจ้งว่าเราเคยแสดงความประสงค์จะบริจาคไว้แล้วเมื่อ 8 ปีก่อนตอนอยู่ปัตตานี แต่บัตรที่ให้พกติดตัว(ใส่กระเป๋า) มันหายไปแล้ว ต้องทำใหม่หรือเปล่า เจ้าหน้าที่เลยให้กรอกเอกสารใหม่
เรา เพิ่งรู้ว่าแม้จะกรอกบริจาคอวัยวะทุกส่วนแล้ว แต่ก็ยังไม่รวมตา พี่จนท.บอกว่าให้กรอกอีก 1 ใบเพื่อบริจาคดวงตา  เราถามว่าหากสายตาสั้นจะสามารถบริจาคได้มั๊ย เลยทำให้รู้ว่าส่วนที่จะถูกนำไปใช้เมื่อผู้บริจาคเสียชีวิตคือเนื้อเยื่อดวง ตา ดังนั้นไม่ว่าจะสายตาสั้น-ยาว ก็ไม่มีผลอะไร

พี่จนท.บอกว่าต้องการทำยอดการบริจาคอวัยวะที่ 84 ราย เราสงสัยว่าทำไมตั้งเป้าเอาไว้น้อยจัง
พี่ เค้าบอกว่าขนาดว่าตั้งเป้าไว้น้อย มารับบริจาคเข้าวันที่ 2 แล้วยังได้ไม่กี่คนเลย คนใต้อาจจะยังมีความเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ
"เอ่อ...พี่คะ อย่าเหมาสิคะ" (คิดในใจ) คนภาคไหนๆหากไม่คิดบริจาค เค้าก็ไม่ทำหรอกค่ะ
เอ..หรือที่พี่เค้าคิดแบบนี้เพราะไปตั้งบู๊ทภาคอื่นๆแล้วมีคนบริจาคเยอะ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ

สำหรับ เรา หากตายไปแล้วแล้วอวัยวะยังมีประโยชน์อยู่ ก็จะเป็นการทำดีครั้งสุดท้าย จำได้แว่บๆถึงโคลงโลกนิติ (อ่านว่าโลก-กะ-นิด) สมัยเด็กๆ
พฤษภกาสร        อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง  สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย    มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี   ประดับไว้ในโลกา

ประมาณ ว่าช้างม้าวัวควายเมื่อตายไปก็ยังเหลือโครงกระดูก หรือสิ่งที่มีประโยชน์เอาไว้ แต่คนเราตายไปไม่เหลืออะไรไว้ให้โลก นอกจากความดีให้คนรุ่นหลังได้จดจำ

บริจาค เลือด เราบริจาคไม่ได้เนื่องจากน้ำหนักตัวไม่ถึง ต้องหนักอย่างน้อย 45 กก. เมื่อ 3 ปีก่อนตอนที่ขอให้นิสิตช่วยไปบริจาคเลือดกรุ๊ป B ให้ตา เลยได้เรียนรู้ว่า หากนิสิตนอนไม่พอ ก็บริจาคไม่ได้เนื่องจากเลือดจะลอยตัว หรือหากเป็นหวัดแล้วกินยามา 2-3 วันแล้วก็ไม่ได้เหมือนกัน เนื่องจากยาจะยังอยู่ในกระแสเลือด ช่วงนั้นเป็นช่วงใกล้สอบ นิสิตพักไม่พอ ก็บริจาคไม่ได้
บริจาคเลือดไม่ได้ เลยกะว่าบริจาคอวัยวะเลยแล้วกัน
กลับมาจากรพ.เราเลยเอาbrochure มาจ่ายแจก เผื่อจะช่วยสภากาชาดไทยทำยอด อิๆ
เริ่ม เข้าใจพี่จนท.ว่าคนบริจาคน้อย เพราะกล่อมใครๆไม่สำเร็จเลยอ่ะ เราว่าบางคนยังกลัวๆและไม่คุ้นกับความคิดที่ว่าการบริจาคมาพร้อมความตาย เหมือนแช่งตัวเอง

ชอบคำคมอันนี้
Don't think of organ donations as giving up part of yourself to keep a total stranger alive.  It's really a total stranger giving up almost all of themselves to keep part of you alive.                                                        
                                                                                                    ~Author Unknown
(อย่าคิดว่าการบริจาคอวัยวะเป็นการนำบางส่วนของคุณเพื่อทำให้คนแปลกหน้ามีชีวิต
แต่จงคิดว่าจริงๆแล้วคนแปลกหน้าเค้าให้เรามีชีวิตต่อในร่างของเค้า)
อยากเป็นคนพูดอะไรคมๆแบบนี้บ้างจังเลย เผื่อจะชักจูงใจใครๆได้ง่ายๆ
 ปกติได้แต่เก็บคำคมของคนอื่นมาพูดต่อ 55
-----------------------------------------------------------------



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น