วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557

็Happy Happier Happiest






ทำไมจะสุข ก็ต้องสุข 3 ขั้น สุข สุขกว่า สุขที่สุด (Happy Happier Happiest) มันดูเป็นการแข่งขันเพื่อมีความสุขอย่างไรอย่างนั้น ความสุขที่ได้จากการแข่งขันมีมั๊ยนะ หรือความสุขจะต้องไม่แข่งขันกับใคร เพราะหากแข่งขันก็อาจจะก่อให้เกิดทุกข์ได้ 
เริ่มมีคำถามมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อคิดจะอ่านหนังสือเรื่อง "ความสุข" 
แล้วแบบนี้จะมีความสุขมั๊ยเนี่ย 
อิๆ ยังสงสัยต่ออีก(แน่ะ)

รับปากอาจารย์ณัฐ (บก.วารสารปาริชาต)ก่อนปีใหม่ว่าจะเขียน book review วิจารณ์หนังสือเล่มที่ 2 ให้ หลังจากที่เคยเขียนเรื่อง The Power of Half ไปแล้วเมื่อกค.56 

เราแอบหวังผลไว้ 2 ประการ คือ การรับปากเป็นข้อผูกมัดตัวเองแบบนี้จะทำให้เราตั้งใจอ่านหนังสือ 1 เล่มอย่างจริงจัง มากกว่าที่จะปล่อยให้อ่านจบแล้วก็จบเลย เราอยากสร้างนิสัยการเขียนวิจารณ์หนังสือ เหมือนกับที่เราเคยทำสำเร็จหลังการดูหนังแทบทุกเรื่อง เราก็จะหยิบประเด็นมาเขียนอยู่ช่วงนึง เพื่อให้การดูหนัง 2 ชั่วโมงไม่เสียเปล่า อุตส่าห์เรียนคอร์สทางไกล Critical Thinking in Language Learning & Teaching University of Oregon, USA ซึ่งสอนเรื่องการคิดวิเคราะห์มาแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว อิๆ

2. เรายังหวังผลเลิศอีกอย่างว่า เราจะได้ตัดตอนความยาว 3 หน้าที่เขียนลงวารสาร มาเป็นความยาว 1 หน้ากระดาษ A4 เพื่อส่งไปลง “ขวัญเรือน” อีก หลังจากเพิ่งได้ลงเรื่องไปในปักษ์แรกธันวาคม 56

หลังจากรับปากแล้ว เราก็เริ่มมองหาหนังสือที่มีแง่มุมให้วิเคราะห์ ตอนแรกกะจะเขียนเรื่อง Brain Power ของหนูดี วนิษา เรซ (ยืมจากบูเรียบร้อย กะว่าจะได้เขียนช่วงวันหยุดปีใหม่) แต่ก่อนปีใหม่ เราไปที่ห้อง self-access ของคณะฯ โดยวางแผนว่าจะหาหนังสือน่าอ่านจากที่นี่ไปเขียน เพราะเห็นที่นี่มีหนังสือเพิ่งมาใหม่ น่าอ่านๆเพียบ

ว้าว...เจอหนังสือชื่อเรื่องน่าสนใจกว่า "Happierเปิดห้องเรียนวิชาความสุข" และมันก็ยังเกี่ยวพันกับหนูดี อยู่ดี ตรงที่หนูดีเคยเรียนวิชานี้เมื่อสมัยเรียนที่มหาลัยฮาร์วาร์ด และเธอยังเขียนคำนิยมให้หนังสือเล่มนี้ด้วย

หลังจากใช้เวลาละเลียดอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่เกือบ 2 อาทิตย์ เราก็เริ่มมาคิดๆว่าเราจะเอาแง่มุมไหนของหนังสือมาเขียนดี

อ๊ะ มีบทนึงที่ให้ผู้อ่านนิยาม "ความสุข" "อะไรทำให้เกิดความสุข"
เราเลยได้ที เอามาเป็นคำถามถามเพื่อนๆ นิสิต พี่ๆ รวมทั้งมานั่งคิดคำนึงถึง "ความสุข" ตามประสาเรา

ต่อไปนี้คือนิยาม "ความสุข"

"ความสุข คือ ความสบายใจ เช่น การที่เราได้เป็นผู้ "ให้" กับผู้อื่นหรือสังคมจนทำให้ผู้อื่นมีความสุข ก็จะทำให้เราเกิดความสบายใจและมีความสุขนั่นเอง ความสุขไม่จำเป็นต้องร่ำรวยมีเงินทอง แค่เรารู้จักพอและทำความดี ทำแล้วเรามีความสบายใจ แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว"

"ความสุขของเราเป็นอะไรง่ายๆ ได้กินอะไรอร่อย เราก็มีความสุขแล้ว ได้ดูหนังสนุกๆเราก็มีความสุข นั่งนิ่งๆไม่มีเรื่องอะไรหนักหัวเราก็มีความสุข นั่งข้างๆเพื่อนที่เราไว้ใจเราก็ความสุขแล้ว เห็นหมาแมววิ่งไปวิ่งมาเราก็มีความสุข ได้พยุงคนแก่ข้ามสะพานลอย ได้จูงคนตาบอดข้ามถนน ช่วยเค้าดูสายรถเมล์ ได้ช่รยคนเล็กๆน้อยก็มีความสุข อย่างล่าสุดตอนไปงานศพเห็นเพื่ปนที่แต่งงานกันเพราะเราช่วยจีบให้คบกันเป็นแฟนเป็น 10 ปี แต่งกันอีก 10 กว่าปีเค้าก็ยังน่ารักกันอยู่เห็นแล้วมีความสุขมาก ความสุขของเราหาไม่ยาก ไม่ต้องเป็นอะไรใหญ่โตถึงจะทำให้มีความสุข เรื่องเล็กๆน้อยนี่แหละที่ทำให้ทุกวันเรามีความสุข มีความสุขง่ายนิดเดียว แต่ความทุกข์ของคนอื่นชอบทำให้เราไม่เป็นสุขอยู่เรื่อย" 

"ความสุขคือความรู้สึกสบายใจ ที่ทำให้เราอยากยิ้มออกมา สิ่งที่สร้างความสุขอย่างหนึ่งนอกเหนือจากการได้อยู่ครอบครัว คือการได้ใช้สิ่งที่ตัวมีอยู่ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่น ซึ่งทำตามความพร้อมของตัวเอง หนูคิดว่าเราจะทำอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้ตนเองและคนรอบข้างเดือดร้อน ชีวิตก็มีความสุขแล้วค่ะ"

"ความสุขคือ เราไม่ทุกข์ เราไม่ทำให้ใครทุกข์รวมทั้งตัวเอง ทั้งกายและใจ"

" ความสำราญกาย สำราญใจ"

-----------------------( continued part II)

2 ความคิดเห็น:

  1. อย่างนี้ต้องคิดค่าลิขสิทธิ์แล้วนะ

    Part II จะได้เห็นหรือไม่ รอลุ้นกันต่อไป
    เพราะคนเขียนอาจเลิกเห่อ ไปสนอะไรใหม่ๆแล้วก็เป็นไ้ด้


    ปล. การได้เข้ามาอ่านบล๊อคแล้วทำให้นกมีความสุข เราก็สุขไปด้วย T T

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. 55 ตอนนี้ part II ยังตั้งแหมะอยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรคืบหน้า อย่างที่โอ๋ว่าเลยอ่ะ (รู้ได้ไงว่าเราจะไปเพลิืนอยู่กับอย่างอื่นจนลืม!)

      ความสุขของผู้เขียนคือการมีผู้อ่าน ถึงแม้จะแค่คนเดียว very special มั่กๆ

      ลบ