วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

เพราะมีฝันฉันจึงเขียน


เมื่อ ก่อนหากมีคนถามเราว่าทักษะภาษาอังกฤษด้านไหนที่เราชอบที่สุด เราก็จะตอบว่า การอ่าน จนตอนนี้ก็ยังเป็นการอ่าน แต่เราเห็นความสำคัญของทักษะด้านการพูด การฟัง การเขียน มากขึ้น
 เพราะทักษะใดๆหากขาดทักษะอื่นๆสนับสนุนก็จะไม่สมบูรณ์



หาก อ่านรู้เรื่อง แต่ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารออกมาได้ว่าเรื่องที่อ่านเป็นเรื่องอะไร การอ่านนั้นก็แทบสูญเปล่า เพียงแต่การอ่านจะเป็นพื้นฐานที่ดีต่อทักษะอื่น เพราะหากอ่านมาก ก็มีเรื่องที่จะพูด จะเขียน จะแสดงความคิดเห็นมาก


เมื่อ เราสอบทุนต่างประเทศที่ไม่ต้องใช้การสอบข้อเขียน ( ในที่นี้หมายถึงเป็นข้อสอบการฟัง ไวยากรณ์และการอ่าน) เราพบว่าการเขียนเป็นบันไดขั้นแรกที่ทำให้เราบรรลุเป้าหมายไปได้ครึ่งทาง เพราะการสอบทุนส่วนใหญ่มักคัดเลือกคนในชั้นแรกจากการให้ผู้สมัครได้แสดงความ คิดเห็น ยกตัวอย่างทุน IATSS Forum ซึ่งให้เขียนแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ตั้งไว้ภายใน 500 คำ ( หากเกินกว่านั้นไม่พิจารณา)

การ จำกัดคำทำให้ต้องทำเรื่องที่เขียนให้กระชับ เขียนแล้วก็ต้องมานั่งตัดเพื่อให้เนื้อความดูแน่น ไม่น้ำท่วมทุ่ง แต่จะเลือกตัดตรงไหนก็ต้องตัดสินใจให้ดี อย่าให้เสียประเด็นที่ตั้งใจจะเล่า

ส่วนทุน Humphrey Fellowship เน้นกระบวนการเขียนมากๆ ในใบสมัครรอบแรกของเราๆเขียนจนมึน เนื่องจากไม่ได้ให้เขียนแค่ข้อเดียว คำถามมีหลายข้อมาก ทั้งเขียนแบบ paragraph
บางข้อให้เขียนประมาณ 200-250 คำ ส่วนข้อใหญ่ๆก็จะให้แสดงความคิดเห็น 1 หน้า
 ( โอ้ว!!! เหงื่อตกได้อีก) 

ปกติ ถนัดเขียนบล็อกเฮฮาเมื่อต้องมาขบคิดประเด็นคำถามที่ได้รับ เราใช้เวลากับการเขียนและขัดเกลาภาษา( โดยได้เจมส์และเกรกเป็นผู้ช่วย) นานมาก ส่งใบสมัครเอาซะวันสุดท้าย

ผ่านเข้ารอบ 3 คนสุดท้ายแล้วก็ยังเจอการเขียนมหาโหดอีกเพราะต้องส่งใบสมัครไปให้กรรมการฟุลไบรท์
อเมริกาอีกที ประเด็นคำถามเริ่มเจาะลึกขึ้นเรื่อยๆ 

คิดๆๆ

 การเขียนครั้งใหม่เราใช้เวลาอีกร่วมเดือน ครั้งนี้ high-tech มาก ต้องมานั่งกรอกใบสมัครออนไลน์ มีรหัสที่ได้มาเพื่อเจาะ เอ๊ยเข้าไปตอบในเว็บของ Humphrey Fellowship

หลาย ครั้งที่เราเขียนจนเรารู้สึกว่าเริ่มกลับมาเขียนเรื่องซ้ำๆ ส่งใบสมัครรอบสุดท้ายด้วยความโล่งอกปนเกร็งๆ เขียนอย่างนี้กรรมการจะอ่านเข้าใจสิ่งที่เราพยายามจะนำเสนอรึเปล่านะ

เย้....เมื่อผลออกมาว่าเราได้รับทุน อิๆ ต่อไปเราจะเพิ่มทักษะการเขียนเป็นอีก 1 ทักษะที่เรากด like (ภาษาเด็กFacebook)

อาชีพ หนึ่งที่เราอยากเป็นคือ “นักเขียน” เรื่องท่องเที่ยว เคยฝันอยากเป็นคนทำงานตามนิตยสารที่ท่องเที่ยวไปที่ต่างๆแล้วก็มาเขียน เรื่องลงหนังสือ แม้ฝันนี้ไม่สำเร็จ แต่เราก็มีบล็อกให้เราปล่อยของ 55

เราชอบคำคมอันนี้

If there's a book you really want to read but it hasn't been written yet, then you must write it. 
                                                                       ~  Toni Morrison

ถ้ามีหนังสือที่คุณอยากอ่านแต่มันยังไม่ถูกเขียน คุณควรจะเขียนมันซะเอง – โทมัส มอริสสัน

บาง ครั้งเวลาจะไปเที่ยว หนังสือที่จะหาอ่านไม่ค่อยมี หรือเป็นเรื่องที่เราเห็นว่าไม่น่าสนใจ เมื่อเรากลับมาจากทริปนั้น เราก็จะมาเขียนซะเอง ( อิๆ คือคิดเอาว่าตัวเองเขียนน่าสนใจ 55)

ร่ำๆว่าไปอเมริกาคราวนี้เราอาจจะมีเรื่องเล่าความยาว 300 หน้าจบมาฝากมิตรรักแฟนเพลง J


==================================

หมายเหตุ แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้เกิดจากอาจารย์หยก อาจารย์ผู้ใหญ่ของภาควิชาบอกว่า
เราน่าจะเขียนเรื่องราวการสมัครทุนเอาไว้เพื่อกระตุ้นนิสิต/เพื่อนร่วมงานให้ลองสมัครทุนดูบ้าง


วิชาที่ชอบกับนิสิตที่ใช่

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

Florida trip: Spring Break

Diana & I got back from Florida last night and it was fun to me. There're 30 Intl students. 27 were Chinese! So Diana, Shintaro (Japan) & I were the minority :).

The weather in Florida's very warm very much like Thailand's. Surprisingly, so are tropical plants & fruits. 
My face is a bit red & sunburnt b/c of warm weather there. It's like boiled lobster, I think :)


I paid $450 for the trip from 2-10 March and admittedly, it worthed.
The program was very neat. Thanks to Bill Saxton,the organizer from the International Ministries of PSU.
 I got a chance to stay 3 overnights in an American host family's houses. This family included parents & 6 children age ranging from 11-25! They're very warm & friendly though. One night I cook Pad Thai & banana in coconut milk while Jianli, my co-housemate cooked Chinese dumpling for them. I got these children as helpers and we'd fun cooking together. I found that cooking is a good way to talk about culture and promote my country.




Plus, when I visited a local Calvary church with the host family, I met Kathy, the mid 50 American woman, who told me her brother'd a Thai wife, P'Jar, so she invited me to have Thai dinner at their house. ( She thought that since it's been nearly a year stay in USA, I might miss Thailand. Honestly, I don't miss it much as I really enjoy exploring America & it's easy to keep in touch with family & friends via Facebook & phone call or even skype.)

Kathy also took me to shop Asian food at "Food Town" when I told her I'd like to buy Pad Thai sauce to cook Pad Thai for my host family and we ended up at "Publix" to buy ripe bananas for my banana in coconut milk.
 I'd a good dinner with this family & played with Amanda Ploy, P'Jar's daughter. Their Thai neighbor, P'Jeem, from Phuket, also joined the dinner.  It's my 1st time eating papaya salad in USA.
Apart from these interaction with American & Thai families in Florida, I visited Walz Disney World ( Magic Kingdom, Sea World, & EPCOT)

--- The more I travel, the more I feel that I still have to learn about people and places as the world's very wide and there are still lots of places that I've never known----