กฎของบริษัทมีแค่ 2 ข้อต้องท่องจำให้ขึ้นใจ
1. The boss is always right.
2. If the boss does something wrong, see the rule number 1.
เจ้านายมักถูกเสมอ หากเจ้านายผิดก็ให้ย้อนไปดูประโยคข้างหน้า 55 บ้ารึเปล่า
เราไม่ได้จัดตัวเองเป็นมนุษย์เงินเดือน เพราะถึงแม้เรารับเงินเดือนทุกเดือน แต่การไม่ได้ทำงานบริษัท ทำให้เราไม่ต้องแข่งขันมาก ไม่ต้องตอกบัตรเข้าทำงาน ไม่ต้องนึกเรื่องโบนัสปลายปี
ไม่ต้องไปทำงานแต่ไก่โห่ กลับบ้านดึก เหมือนกับมนุษย์เงินเดือนในกทม.
เมื่อเราได้ดูหนังเรื่อง "ยอดมนุษย์เงินเดือน" (Super Salary Man) ระหว่างทางกลับจากลาว เราชอบมันมาก อาจจะเพราะด้วยความที่เราอยู่ในวัยทำงานเลยเข้าใจมันได้ดี และเนื้อเรื่องโดยรวมทำได้น่ารักมาก
พี่ติ๊กแสดงเป็นคนบ้างาน "ห้ามป่วย ห้ามสาย ถ้าจะตายกรุณาแจ้งล่วงหน้า" (? ...มันทำได้ด้วยเหรอ อย่างหลังเนี่ย) พี่เค้าตีบทแตกมากกับการเป็นหัวหน้างานที่ต้องทำให้ได้ตามเป้า และต้องเอาลูกน้องให้อยู่ทั้งใช้ลูกล่อลูกชน เป็นโบนัส หรือด้วยวิธีการเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกน้องทำตาม เพราะในเวลาทำงานหากเจ้านายดีแต่สั่ง ไม่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วย เชื่อได้ว่าลูกน้องคงไม่ทำงานถวายหัว
ส่วนนางเอก เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ชอบอยู่นอกคอก เอ๊ย นอกกรอบ แม่นางเอกสอนตอนนึงว่า "หากลูกยังไม่เคยอยู่ในคอก จะรู้ความรู้สึกของการแหกคอกอย่างแท้จริงได้อย่างไร" (คมซะ)
เมื่อ 2 คนนี้มาเจอกันจะเป็นเยี่ยงไร น่าสนุกใช่มั๊ย
พระเอกรำคาญนางเอก ในขณะที่นางเอกก็รำคาญพระเอกเช่นกัน
เมื่อ 2 คนเริ่มลดความเป็นตัวเอง ก็พบว่าวิธีของอีกฝ่ายก็ดีเหมือนกันแฮะ
ขอยกตัวอย่าง ....เมื่อพนักงานต้องเอางานมาทำที่คอนโดของพระเอก ก็โดนข้างห้องโวยว่าส่งเสียงดัง ลูกไม่ได้หลับได้นอน ขณะที่พระเอกถูกบ่นอยู่หน้า้ห้อง นางเอกก็โผล่หน้ามาแบบเนียนๆ มาคุยหยอกล้อเล่นกับลูกเล็กของเพื่อนข้างห้อง สถานการณ์เลยเปลี่ยนไป เพื่อนบ้านโดนหันเหความสนใจและกลับห้องไปในท้ายสุด ฉากใกล้จบ พระเอกกับเพื่อนบ้านก็กลายเป็นเพื่อนกันไปเรียบร้อยแล้ว
เรื่องนี้เราว่าเหมาะสำหรับ
1. คนวัยทำงาน จะได้เอาไว้ย้อนดูตัว ว่าเรามีพฤติกรรมอย่างไร จะปรับปรุงตัวเองอย่างไร
2. คนเข้าสู่การทำงาน เพื่อจะได้พอมองเห็นภาพการทำงานของตัวเองในอนาคต แบบว่าเตรียมตัวรับชะตาของตัวเองเอาไว้ก่อน อิๆ
ขอจบบล๊อคด้วยคำคมขำๆจาก Facebook ของหนังเรื่องนี้
7. ขอให้ลูกเจ้านายปลอมตัวมาสืบเรื่องลับในบริษัทและเจอเราเป็นคนแรก ( สูตรสำเร็จละครช่อง 7 :)
8. (เอ่อ...คิดไม่ออกแล้วอ่ะ บังเอิญว่าไม่ได้เป็นชาวออฟฟิศ :)
เคยอ่านข่าวๆนึง น่าสนใจมาก
ที่ประเทศจีน อนุญาตให้พนง.ลาในกรณีอกหักได้ 3 วัน !
"โอ้ว...พระเจ้าจ๊อช มันยอดมาก" เราเอาเรื่องนี้มาถกกับนิสิตๆหลายคนเห็นด้วย เนื่องจากว่าหากอกหักคงไม่มีจิตใจจะทำงาน แถมยังอาจทำให้งานเสียหายได้ อืม...ก็จริง แต่ก็น่าคิดว่าหากลาพักอยู่คนเดียว จะฟุ้งซ่านมั๊ยเนี่ย
ความคิดดีๆอีกอย่างนึงคือ พนง.ที่ไม่ได้อกหักก็สามารถใช้วันลานี้ได้ 3 วันต่อปีเหมือนกัน !
ดีจัง จะได้เกิดความเท่าเทียมกันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่งั้นฝ่ายหลังคงมีอาการแกล้งอกหักกันบ้างล่ะ อิๆ
-----------------------------------------
ว้าว พอได้อ่านบล็อกของอาจารย์หนูก้พอเหยนอิกมุมที่ไม่ได้เหนมาก่อนเลยคะ เพราะพุดตรงๆหนูไม่ค่อยดูหนังแนวนิเท่าไรนัก แต่พอดูแล้วก้ไม่ผิดหวังเรย แอบซึ้งร้องไห้ด้วยซ้ำไป เหนทีต้องลองดูหนังให้หลายๆแบบขึ้นแล้ว
ตอบลบขอบคุณคะ