Fulbright ให้อะไรกับฉัน
ฉันเป็น fulbrighter จากทุน Hubert
H. Humphrey Fellowship ประจำปี 2011-2012 นับเวลาร่วม 8 ปี
ที่ฉันระลึกอยู่เสมอว่าฉันเป็นชาวฟุลไบรท์ ฉันเรียนหลักสูตร Higher
Education Administration จากมหาวิทยาลัย Pennsylvania State University ที่นั่นฉันได้เรียนรู้และได้รับประสบการณ์มากมาย
โดยเฉพาะด้านการทำงานอาสาสมัครที่คนที่นั่นทำกันสม่ำเสมอ ทำกันในชีวิตประจำวัน
ทำเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ฉันรู้สึกประหลาดใจและนึกเทียบกับบ้านเมืองของฉัน ที่หลายครั้งการทำงานอาสาสมัคร ดูเป็น event เป็นครั้งๆไป ตอนอยู่ที่นั่นฉันพยายามเข้าร่วมงานอาสาสมัครแทบทุกประเภทที่ฉันสนใจและคิดว่าฉันน่าจะได้นำมาประยุกต์ใช้ที่ชุมชนของฉัน ไม่ว่าจะเป็น การเยี่ยมเยียนและดูแลผู้สูงวัย เด็กออทิสติก การรักษาสิ่งแวดล้อมในมหาวิทยาลัย การเป็นวิทยากรเล่าเรื่องราวประเทศไทย การเป็นอาสาสมัครในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กในมหาวิทยาลัย เป็น food runner ในงานกีฬา จัดแยกเสื้อผ้ามือสองเพื่อหาทุนเพื่อการกุศล ฯ
ฉันรู้สึกประหลาดใจและนึกเทียบกับบ้านเมืองของฉัน ที่หลายครั้งการทำงานอาสาสมัคร ดูเป็น event เป็นครั้งๆไป ตอนอยู่ที่นั่นฉันพยายามเข้าร่วมงานอาสาสมัครแทบทุกประเภทที่ฉันสนใจและคิดว่าฉันน่าจะได้นำมาประยุกต์ใช้ที่ชุมชนของฉัน ไม่ว่าจะเป็น การเยี่ยมเยียนและดูแลผู้สูงวัย เด็กออทิสติก การรักษาสิ่งแวดล้อมในมหาวิทยาลัย การเป็นวิทยากรเล่าเรื่องราวประเทศไทย การเป็นอาสาสมัครในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กในมหาวิทยาลัย เป็น food runner ในงานกีฬา จัดแยกเสื้อผ้ามือสองเพื่อหาทุนเพื่อการกุศล ฯ
ฉันทำอะไรบ้างในช่วง
8 ปีที่ผ่านมา
เมื่อฉันกลับมาจากสหรัฐอเมริกา ฉันเป็น pioneer
ฉันริเริ่มทำสิ่งต่างๆที่ฉันอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในมหาวิทยาลัยของฉัน
ฉันอยากให้นิสิตที่ฉันสอนมีจิตสาธารณะ
แต่ละเดือนฉันมีโครงการงานจิตอาสามากมายเพื่อให้นิสิตได้เลือกตามความสนใจ เช่น
การเป็นอาสาสมัครสอนการบ้าน อ่านนิทาน กับน้อง ๆ สถานสงเคราะห์เด็ก
การเก็บขยะชายหาด (Trash Hero Songkhla) ซึ่งฉันเข้าร่วมและชักชวนนิสิตกลุ่มใหญ่ ไปเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเก็บขยะรายเดือน
ณ หาดสมิหลา สงขลา
ฉันชอบเห็นนิสิตใช้ทักษะความสามารถของตนในการช่วยเหลือผู้อื่น นิสิตมักถูกฉันชักจูง ชักนำ ให้ไปเป็นอาสาสมัครร่วมกัน
พวกเราทำงานอาสาสมัครเป็นครูสอนน้อง เป็นล่ามให้กับศิลปินนานาชาติที่มาวาดกำแพง
ตัวอาคารของโรงพยาบาลจิตเวช สงขลา เป็นล่ามงานวัฒนธรรมนานาชาติ South Fest
Thailand ให้ศิลปินที่มาจัดแสดงงานศิลปะแขนงต่างๆ
เป็นล่ามให้กับทีมแพทย์และพยาบาลจากสหรัฐอเมริกาซึ่งมารักษาผู้สูงอายุในท้องถิ่นฟรี
เป็นอาสาสมัครดูแลนักท่องเที่ยวตามชายหาด และเป็นไกด์พิพิธภัณฑ์นำชมพิพิธภัณฑ์ทักษิณคดีศึกษา
(ซึ่งปีที่แล้วได้รับการโหวตให้เป็น The Popular Voted Museum of Thailand)
ฉันภูมิใจทุกครั้งที่เห็นนิสิตรู้สึกมีความสุขหลังทำงานอาสาและพวกเขาบอกฉันว่าพวกเขาอยากทำงานอาสาอีก
สิ่งที่ติดตัวฉันมาจากสหรัฐอเมริกา จากการเป็น fulbrighter
ฉันว่าคือสิ่งนี้
มันคือความเป็นจิตอาสาที่ฝังรากลึกอยู่ในตัวฉันและฉันอยากปลูกฝังในเยาวชนไทย
สำหรับฉัน “ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ” เป็นคำกล่าวที่เป็นจริงเสมอมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น