ตั้งแต่สอนภาษาอังกฤษที่ ม.ทักษิณ มาร่วม 16 ปี เราพยายามจะชักชวนเพื่อนต่างชาติเข้าห้องเรียนเพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้ประสบการณ์นอกชั้นเรียนจากชาวต่างชาติ เราเชื่อว่าเรื่องที่เราเล่า หรือสิ่งที่เรียนรู้จากหนังสือมันไม่พอ และบางทีก็ไม่ใช่ (อย่างไม่น่าเชื่อ)
อย่างเช่นวันนี้
เรารู้จักกับน้องฮันนี่มาหลายปี เพราะเคยติว IELTS ให้น้องก่อนไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ จนน้องเรียนจบกลับมาอยู่สงขลา น้องเพิ่งแต่งงานกับแฟนชาวญี่ปุ่นไปเมื่อปลายพย. ปีที่แล้ว อ๊ะ เราได้ที ชวนทั้งคู่มาร่วมแลกเปลี่ยนในชั้นเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นน่าจะดี
มุมมองของ"โมริ"(ผู้ซึ่งไม่ได้อยู่ประเทศญี่ปุ่นเข้าปีที่ 5 และไม่ค่อยชอบสังคมญี่ปุ่นสักเท่าไหร่ )เป็นมุมมองคนรุ่นใหม่มากๆ
- อาชีพของคนรุ่นใหม่ที่ชอบเดินทาง คืองานที่เป็น self-employed (เป็นนายตัวเอง) ทำงานที่ไหน เวลาใดก็ได้ มุมไหนของโลกก็ได้ (อีก) โมริชอบเดินทางท่องเที่ยว เค้าเลยรู้สึกว่าการทำงาน online เป็น animator มันใช่ทางของเค้า
- สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น เมื่อถูกนิสิตตั้งคำถาม เค้าคิดว่าน่าจะเป็นการที่คนญี่ปุ่นสุภาพ และรักษามารยาทมากๆ ดังนั้นเมื่อเค้าออกนอกประเทศ ช่วงแรกๆเค้าเลยประหลาดใจที่เห็นคนไม่ได้สุภาพอย่างบ้านเกิด เช่นตามร้านค้า พนง.ไม่ได้ยิ้มแย้มหรือดูมีมารยาทเท่าญี่ปุ่น
- คนญี่ปุ่นเข้มงวดเรื่องเวลามาก หากสาย 5 นาที เจ้านายเอาเรื่อง และเมื่อรถไฟฟ้ามาสายแค่เพียงไม่กี่นาที ก็ออกมาขอโทษแล้ว (เคยได้ยินข่าวว่าจนท.ระดับสูงของการรถไฟออกมาขอโทษเมื่อรถเลทไป 20 วินาที!) เค้าว่ามัน crazy ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้
- อากาศที่ญี่ปุ่นหนาวมาก เค้าต้องใส่เสื้อผ้าหนาๆหลายๆชั้น เค้าเลยดีใจที่เมื่อมาอยู่เมืองไทย อากาศสบายดี
-สิ่งที่เค้าชอบเกี่ยวกับเมืองไทยคือ "การนวด" เค้าชอบนวด แต่เมื่อแต่งงานและเปลี่ยนศาสนามาเป็นอิสลาม มีกฎว่าห้ามผู้หญิงมาแตะต้องเนื้อตัว เค้าเลยไม่ได้นวดแล้ว เมื่อก่อนเค้าชอบนวดมาก สัปดาห์ละครั้งเลยทีเดียว! เราเพิ่งรู้อีกว่าร้าน "ออนเซ็น" มาถึงหาดใหญ่แล้ว เคยได้ข่าวว่าที่กทม.มี ไม่น่าเชื่อว่าที่หาดใหญ่ก็ in trend กับเรื่องนี้ด้วย (ไว้วันหลังต้องสัมภาษณ์ฮันนี่ว่าคนมาใช้บริการเยอะไหม อิๆ)*
- "คนไทยใจดีและเป็นมิตร" โมริบอกว่าเค้าประหลาดใจที่เมื่อเข้า 7-11 คนก็พูดคุยประหนึ่งเป็นเพื่อนกันแล้ว (Yuka เพื่อนสนิทชาวญี่ปุ่นของเรา เมื่อเราพามาเที่ยวสงขลา นั่งรถ 2 แถว เธอประหลาดใจมากที่คนบนรถคุยกัน เราก็คุยกับคุณยาย / คนขับรถ เธอว่าที่ประเทศของเธอ บนรถโดยสารคนจะเงียบ และอยู่กับตนเอง ไม่รบกวนกัน )
ขอบคุณน้องฮันนี่ที่ช่วยเป็นคนกลางนำโมริมาเข้าคลาส
ขอบคุณความมีน้ำใจ จิตอาสา ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้ และยังสัญญาว่าจะมาเยี่ยมคลาสอังกฤษของเราพรุ่งนี้อีก
"การให้ที่ดีที่สุด คือ การให้เวลาและให้ความรู้" คนที่เป็นจิตอาสามักคิดแบบนี้ เราเชื่อแบบนั้น
จ.17/02/63
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น