แสดงค่าเฉลี่ยระดับความเห็นเกี่ยวกับการเรียนการสอนโดยนิสิต เฉลี่ยจากรายวิชาที่สอนโดยอาจารย์ จำแนกตามข้อรายการ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประจำปีการศึกษา 2555 ภาคการศึกษาที่ 2 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อ. ดิญะพร วิสะมิตนันท์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผลการประเมินภาพรวม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
จำนวนนิสิตที่ประเมิน69 คน / จำนวนครั้งที่ประเมิน 69 ครั้ง | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
Student's Teacher Evaluation
วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
Vientiane on weekends: Part 1
หลังจากที่เคย backpack ไปลาวเมื่อ 3 ปีก่อนกับมด ก็หมายมาดว่าจะต้องไปลาวอีกให้ได้ เนื่องจากยังติดใจอยู่ คราวที่แล้วไปเที่ยวโดยไม่มีไกด์ท้องถิ่น คราวนี้โชคดีเมื่อรู้จักกับน้องวัน เราก็ได้ไปแบบรู้ลึก รู้จริง (ที่ไหนที่คนลาวไป ก็ได้ไปที่นั้นด้วย ไม่เหมือนคราวก่อนที่มักจะไปยังจุดท่องเที่ยวใหญ่ๆที่นักท่องเที่ยวมักไปกัน)
คราวนี้เรามากับคนใหญ่คนโตคืออธิการบดีกับคณบดี และ อ.เจี๊ยบ เพื่อลงนามความร่วมมือกับวิทยาลัย Soutsaka College of Technology & Management เป็นโปรแกรมเร่งด่วนมาก บินเช้าวันเสาร์กลับบ่ายวันอาทิตย์ แอบเกร็งเล็กน้อยก่อนมา ฮ่าๆ โชคดีที่ทั้งอธิการบดีและคณบดีเป็นคนง่ายๆ เป็นกันเอง ไปไหนไปกัน
น้องวันมารับที่สนามบินด้วยรถตู้ของวิทยาลัย เราไม่ได้เจอกับวันเลยตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา วันยังน่ารัก มีน้ำใจและทำงานอย่างมืออาชีพเหมือนเดิม
แซ่บแบบลาว
มาถึงลาวด้วยสายการบินไทยซึ่งแจกส้มตำเนื้อแดดเดียวบนเครื่องเพื่อเรียกน้ำย่อย แซ่บหลาย
เราเริ่มคิดถึงมื้ออาหารที่ลาวจะอร่อยเด็ดขนาดไหน จำได้ว่ามาลาวครั้งแรกไม่คิดถึงอาหารไทยเลย เพราะที่นี่อาหารอร่อยมากๆ
น้องวัน น้องโหยด และสาลี่ พาไปกินมื้อแรกที่ร้านขายเฝอ(หรือก๋วยเตี๋ยวแบบลาว)
อ๊ะ เรานึกได้ว่ายังไม่ได้ดื่มชาเย็นเลยวันนี้ ขอสั่ง “ชาเย็น” โลด
อะไรกันเนี่ย สั่งชาเย็น ได้ชาดำมา มันไม่ใช่นะ หันไปเห็นแก้วของรองผอ.เห็นแก้วชาเย็น ถามเค้าว่าเสิร์ฟผิดรึเปล่า (อยากจะตู่เอาแก้วโน้นอ่ะ)
น้องวันบอกว่าจะต้องสั่งว่า “ชาใส่นม” ถึงจะได้ดื่มชาเย็น โห…นี่ขนาดว่าเราพยายามศึกษาภาษาลาวมาแล้ว ยังพลาด
เฝอ: มื้อแรกที่ลาว
เฝอของลาวมีหลายขนาด พนง.เสิร์ฟถามว่าเอาขนาดไหน “น้อย กลาง จัมโบ้” เราเหลือบไปเห็นชามก๋วยเตี๋ยวของเค้าแล้วตกใจขนาด สั่ง”น้อย”ไว้ก่อน ปลอดภัยสุด จะได้ไม่กินเหลือ เดี๋ยวเสียชื่อสมาชิก Green Peace แย่เลย
เอ่อ...นี่ขนาดเล็กแล้วเหรอคะ มันถ้วยก๋วยเตี๋ยวของไทยขนาดปกติที่เรากินกันเลยนะเนี่ย
บนโต๊ะ มีขวดน้ำปลาขนาดใหญ่ ตั้งเอาไว้ให้ปรุงเอง มีผักเยอะมากๆเต็มโต๊ะ
โอ๊ะโอ... มีกะปิ(จากเมืองไทย)ด้วย มันเอาไว้กินกับอะไรเนี่ย สอบถามวัน(อีกที) วันเลยโชว์ให้ดูว่าเอาผักมาจิ้มกับกะปิ แล้วก็กินแกล้มกับเฝอ หรือจะใส่ลงไปในก๋วยเตี๋ยวก็ได้ อืม...ขอกินแบบไม่ปรุงอย่างที่เราชอบดีกว่า
กินอิ่ม (จริงๆอิ่มตั้งแต่อยู่บนเครื่องบิน) แล้วก็รีบเข้าที่พัก เพื่อจะได้ไปยังวิทยาลัยของวันกันต่อ จะต้องเซ็น MOU ตอน 15.30 น. คุณครูที่นั่นดูเป็นมิตรและใจดี หลังเซ็นเสร็จก็จะได้ทำความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนนิสิตและบุคลากรกันต่อในเดือนเมษา 2556
----------------------------------------------------------------------------------------
หมากอะโวคาโดของโปรด
ก่อนมาลาวเราอ่าน review จากเว็บ pantip มีคนที่เคยไปลาวบอกไว้ว่าที่นี่มีอะโวคาโดขาย
โอ้ว...เราตาโต ผลไม้สุดโปรดของเราตอนแรกก็ยังไม่คิดว่ามันจะมีสักเท่าไหร่ เพราะมันดูเป็นผลไม้ฝรั่ง แต่เมื่อรู้ว่าที่เชียงใหม่ก็มีการปลูกเหมือนกัน อืม...เลยออกอาการดีใจ การตามล่าหาอะโวคาโดของเราได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ภาษาลาวคำว่า ผลไม้= หมากไม้
ดังนั้นจากตรรกะนี้อะโวคาโดก็จะถูกเรียกว่า หมากอะโวคาโด (ฟังจั๊กจี้จัง เหมือนกับศัพท์ยุคเก่าเลย)
ที่เวียงจันทน์เวลาจะซื้อน้ำอะโวคาโดปั่น จะเริ่มจากการซื้อผลอะโวคาโดก่อน หลังจากนั้นก็เอาไปให้แม่ค้าปั่นให้ ว้าว...มันกิโลละ 140 บ. เองอ่ะ ในขณะที่ราคาเมืองไทยพุ่งพรวดไปอยู่ที่ลูกละ 60 บ. (ราคาตลาดหาดใหญ่)
เราเลยซื้อ 1 กก.และก็ทะนุถนอมอย่างดี เอาขึ้นเครื่องกลับบ้าน
แง...ด้วยความขี้ลืมของข้าพเจ้าซึ่งฝังรากจนเป็นสันดาน ตอนที่เอาไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าบนเครื่องบิน ด้วยความที่ที่นั่งมันคับแคบและเรานั่งไม่เป็นสุก เอาเท้าไปวางบนกระเป๋า ตอนที่เหยียบลงไปรู้สึกเหมือนเท้าสัมผัสความไม่เรียบของกระเป๋าก็ยังไม่รู้สึกอะไร
โอ๊ะโยะโย๋... มาคิดได้อีกทีตอนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ อะโวคาโดของช๊าน...นิ่มหมดแล้ว กลับถึงบ้านรีบลองเจี๊ยะ 1 ลูก อยากจะบ้า ไม่อร่อยซะแล้ว
หอบหิ้วมาเพื่ออะไรเนี่ย
เสน่ห์อาหารลาว
หลังจากลงนามความร่วมมือ ทำเรื่องที่เป็นความรับผิดชอบทางวิชาการเสร็จแล้ว น้องสาลี่กับโหยดก็พาพวกเราไปตลาดเช้า ไกลจากตัวเมืองเวียงจันทน์เล็กน้อย
สภาพตลาดสดของที่นี่ก็คล้ายๆเมืองไทย ของสดทั้งหลายที่ขายเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าคนแถวนี้เค้ากินอะไรกันเป็นอาหารหลัก อาทิ น้ำปลาร้า (เราซึ่งไม่เคยกินและไม่อยากกินตอนอยู่ไทย แต่เมื่อไปกินอาหารลาวเต็มรูปแบบ มีน้ำจิ้มใส่น้ำปลาร้า โอ๊ะโอ ไม่อยากเชื่อมันอร่อยอ่ะ)
เราเห็นมีขายน้ำปลาร้า และผัก ผลไม้ เต็มไปหมด แม้แต่ข้าวสารก็มีส่งมาขายจากเมืองอื่น ตอนแรกเราคิดว่าลาวรับสินค้ามาจากฝั่งไทยเป็นส่วนใหญ่ เพราะไม่เห็นว่าพื้นที่ที่เวียงจันทน์เป็นพื้นที่การเกษตรเลย ไกด์บอกว่าสินค้าส่วนใหญ่มักมาจากเมืองอื่นๆ ผัก ผลไม้จะมาลงที่ตลาดเช้าตอนเช้ามืด
แม้แต่เชื้อฟืนขนาดเล็กๆก็มีขาย เห็นราคาแล้วแบบว่าของแพงๆทั้งนั้น 12000 กีบ 150000 กีบ โอ้ว...เหมือนว่าได้จับเงินเป็นฟ่อนๆ ช่างรวยแท้
พวกเราได้ลองชิมขนมพื้นบ้านของลาวด้วย อร่อยดีแฮะ
กล้วยทอดที่นี่ชิ้นใหญ่มากๆ ข้างๆกล้วยทอดในถาดจะเป็นขนมปังทอด คงทอดทั้งแผ่น อย่างหลังไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่เพราะมันอมน้ำมันเล็กน้อย
-----------------------------------
ภาษาน่ารัก: ภาษาลาว
เราชอบภาษาลาว เราว่ามันเรียบง่ายและไม่ต้องแปลความมาก มาคราวก่อนซื้อหนังสือหัดเขียน ก.ไก่ กลับไป 1 เล่ม แล้วก็เพลิดเพลินกับการเอาเข้าชั้นเรียนเพื่อให้นิสิตได้ร่วมเรียนรู้ภาษาลาว ตอนนี้เมื่อการเตรียมตัวเข้าสู่อาเซียนเป็นเรื่อง in trend นิสิตถามว่าเราจะเปลี่ยนจากสอนอังกฤษไปสอนภาษาลาวกันเลยมั๊ย ฮี่ๆ เนื่องจากเราเข้าใจภาษาลาวแต่ก็ไม่ 100% ออกแนวพอจะเข้าใจความแต่จะให้พูดก็ไม่ค่อยได้ เมื่อไปลาวครั้งนี้เลยซื้ออีก 1 เล่ม (ของเก่าไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว) ราคาถูกกว่าครั้งก่อนที่ซื้อที่สนามบิน 80 บ. ราคาตามท้องตลาดแค่ 20 บ. เอง
เวลาเห็นภาษาลาวน่ารักๆ เราเลยอดแชะภาพไม่ได้
เริ่มตั้งแต่บัตรขาเข้าขาออกประเทศลาว
บัตรขาออก = บัตรแจ้งออกเมือง
ยิง = ผู้หญิง
"ซื้อปี้ทางนี้"
ปี้ = ตั๋ว
พิพิธภัณฑ์พระธาตุทอง
ปอดควันยาสูบ = Smoking-free museum
(คำว่ายาสูบ บ้านเราก็ยังใช้กันอยู่)
คำที่เรามักเอามาพูดกับนิสิต คือ หากขอถุงพลาสติกที่นี่ต้องขอ "ถุงยาง" ฟังแล้วชวนให้คิดไปอีกแง่ :)
หรือหากจะบอกว่าผู้ชายคนนี้หล่อจัง ก็จะบอกว่า "เจ้าชู้จัง" (อืม...หรือว่าความหล่อกับความเจ้าชู้มันมักมาคู่กันน๊า...)
ยังมีคำว่า จอก = แก้ว
วี = พัด
ตอนที่ไปแวะตลาดสดลาว เราไม่ได้ซื้ออะไรจากร้านที่ไปยืนๆดู เราสนใจภาษาลาวที่เขียนแปะไว้มากกว่า "ร้านส้มผักแซ่บ มาก น้อย ..." (อ่านไม่ออกอีกต่อไป ยากเกินความสามารถ แต่การใส่เครื่องหมายลูกน้ำ (...) ทำให้ดูดีมีชาติสกุล อิๆ เหมือนจะอ่านออก แต่ละเอาไว้ฐานที่เข้าใจ :)
วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ย้อนคิดหลังวันครู
ก่อนมาเป็นครู ไม่เคยคิดว่ามันมีหน้าที่อีกเยอะแยะมากมายนอกจากการสอน พอมาเป็นเต็มตัว
อ้าว เฮ้ย...มันมีโน่นนี่นั่นให้ทำเยอะแฮะ (บางครั้งแอบคิดว่าหากเราไม่ตื่นเต้นกับการทำอะไรใหม่ๆและไม่รับปากช่วยงานเค้าไปทั่ว เราคงมีเวลาทำงานวิจัย หรือไปเรียนต่อนานแล้ว)
บ่อยๆที่มีงานขาจรเข้ามา รู้ตัวอีกที อ๊ะ...รับปากเค้าไป (อีก)แล้ว (ภายใน 3 วิ) ช่างใจง่ายซะไม่มี
หรือบางครั้งก็เอาตัวเข้าไปทำด้วยความอยากและคันไม้คันมือด้วยคิดว่ามันเป็น "ประสบการณ์ใหม่ๆ"
(ตาโตๆ วาวๆ หางแอบส่ายดุ๊กดิ๊ก เอ่อ...เราเป็นนกนะไม่ใช่หมา)
เมื่อวันอังคาร( 5 กพ.) พี่ใจ จนท.ภาระกิจงานแนะแนวและอาชีพ โทรมาตอนเย็นบอกว่าบริษัทการบินไทยจะมารับสมัคร air ground พี่ใจฝากให้เราช่วยประชาสัมพันธ์ใ้ห้นิสิตเอกอังกฤษรู้ด้วย
เราเลยเอาไปโพสท์ไว้ในเฟสบุ๊คกลุ่ม
เสียดายที่นิสิตปี 3 ต้องไปดูงานโรงแรมธรรมรินทร์ ตรัง ส่วนปีสี่ยังไม่กลับมาจากการฝึกงาน
เราเลยถือเป็นหน้าที่ที่ต้องไปสังเกตุการซะเอง เก็บข้อมูลเพื่อมาเล่านิสิตต่อได้
(แอบคิดว่าตัวเองเป็นผู้กระจายข่าว เอ๊ย ผู้สื่อข่าว อิๆ)
โอ๊ะโอ...ไปงานไหนๆเราก็พบว่าเรามักเป็นอาจารย์คนเดียวในหมู่นิสิต (ไม่เห็นจะมีอาจารย์คนอื่นๆมาร่วมฟังเลยอ่ะ เรามองว่ามันเป็นโอกาสดีของนิสิตมากๆที่จะได้ทำงานอย่างที่ฝัน การเป็น air ground สำหรับผู้หญิงถือเป็นการไต่เต้าก่อนไปทำงานบนเครื่องนะเนี่ย แฮ่ม...มันเป็นความฝันของเราสมัยเด็กๆด้วยล่ะ ฮี่ๆ ไม่มีอาชีพไหนที่เราไม่อยากเป็น ไม่ว่าจะเป็นบุรุษไปรษณีย์ บรรณารักษ์ นักเขียน ล่าม ไกด์ ฯ)
กว่าพี่ๆจนท.ผู้รับสมัครและมาแนะแนวงาน จะมาถึงก็เกือบบ่ายสอง พี่ใจเลยให้เราเล่าให้นิสิตฟังฆ่าเวลาเรื่องการสอบโทอิค (Test of Eng. for International Communication) ซึ่งคุณสมบัติข้อนึงคือต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 500 จาก 990 คะแนน
หลังจาก talk show เรื่องการสอบโทอิคไปประมาณนึงและพูดออกนอกเรื่องไปไกลจนไม่มีอะไรจะพูด บ่ายสองพวกพี่ๆจนท.ซึ่งบินมาจากกทม.ก็เดินทางมาถึง พี่ใจแนะนำให้เรารู้จักและชวนพูดคุย ( เข้าทางเราเลย อิๆ )
เราเล่าให้พี่ๆฟังว่านิสิตเอกอังกฤษสนใจแต่มาไม่ได้ และเรากำลังจะจัดสอบโทอิคในมหาลัย(โดยเราเป็นคนติดต่อศูนย์ที่กทม.ให้มาจัดสอบที่นี่เพื่อให้นิสิตจ่ายในราคา 700 B. เนื่องจากหากนิสิตไปสอบที่มอ.หาดใหญ่จะต้องจ่ายในราคา 1550 B. ในฐานะบุคคลภายนอก แล้วจะต้องจ่ายแพงไปทำไม เราเลยติดต่อกับศูนย์ที่กทม.เอง เราทำมาได้ 2 ครั้งแล้ว ก่อนไปอเมริกา 1 ครั้ง และก็หยุดไปตอนไปที่โน่น มารู้ทีหลังว่านิสิตไม่ได้สอบในปีนั้นเนื่องจากไม่มีอาจารย์ประสานให้ กลับมาเราเลยจัดต่อพร้อมอบรมเตรียมความพร้อมให้นิสิต 4-5 ครั้ง น่าภูมิใจที่นิสิตที่เข้าร่วมอบรมสม่ำเสมอทำคะแนนสูงสุดได้ 720 คะแนน (ทำได้มากกว่าเราตอนสอบครั้งแรกเมื่อสมัยเรียนปัตตานีซะอีก เราได้แค่ 685 คะแนน) ส่วนหลายคนก็ทำคะแนนได้ 500 กว่า)
พี่ๆจนท.บอกว่าปีนี้การบินไทยภูเก็ตรับสมัคร 90 อัตรา โอ้ว...เราตาโต ตื่นเต้นแทนนิสิตที่จะมีโอกาส
มากๆหากพยายาม พี่ๆรับปากเราว่าหากเราหานิสิตที่จะสมัครงานมาได้สัก 20 คน ก็จะมาแนะแนวพร้อมรับสมัครงานให้เมื่อนิสิตทราบผลโทอิค
เข้าทางๆ นายหน้าจัดหางานอย่างเรา อิๆ
เรากลับมารีบเขียนข้อความแปะไว้ใน FB ของเอกอังกฤษ เอ่อ...ยาวมากไม่รู้ว่าจะเรียกข้อความหรือจม.ดี (อิๆ)
----------------------
ประกาศสำหรับนิสิตปี 4 (โดยเฉพาะผู้สอบ TOEIC) บัณฑิตเอกอังกฤษที่อยากเปลี่ยนง
วันนี้ครูเข้าร่วมฟังบริษัทการบ
พี่ๆจนท.ใจดีมากค่ะ สอบถามว่านิสิตจะได้ผลโทอิคเมื่
คะแนนโทอิคแค่ 500 จาก 990 พวกเราทำได้แน่นอนค่ะ
หากคนใดสนใจให้ลงชื่อได้ที่ข้าง
ตอนนี้เตรียมความรู้เพื่อสอบไว้
สู้ๆ ค่ะ โอกาสเป็นของเราแล้ว พวกเราจะได้ได้ชื่อว่าเป็นเอกอั
---------------------------------
การได้ช่วยทำความฝันของลูกศิษย์ให้เป็นจริง ก็เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่พึงกระทำ เราคิดแบบนั้น
---------------------------------
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)