หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่อง Children of Heaven (1997) แล้ว
ก็รู้สึกว่าตัวเองได้เรียนรู้อะไรที่แตกต่างไปจากเดิมอีกแง่มุมหนึ่ง
มันเป็นหนังที่ทำออกมาได้ดีทีเดียว สะท้อนเรื่องราวชีวิตของคนในสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรา ได้เห็นภาพของความลำบากที่แท้จริง และสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นของคนในครอบครัว
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวที่ยากจนครอบครัวหนึ่งในประเทศอิหร่าน
มีตัวดำเนินเรื่องหลัก คือ พี่ชายชื่ออาลี(Ali)และน้องสาวของเขา
ซึ่งทั้งสองก็เป็นเพียงแค่เด็กชั้นประถม
ในตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ก็คิดอยู่ในใจว่าอยากจะตั้งชื่อเรื่องว่า The shoes
ให้จริงๆ
เพราะประเด็นจุดเริ่มเรื่องมันคือ “รองเท้า” และก็ดำเนินเรื่องด้วยรองเท้า
เหตุเกิดจากอาลีนั้นได้ทำรองเท้าของน้องสาวเขาหายไปตอนที่เอามันไปซ่อม
และก็เป็นเรื่องขึ้นมาจริงๆ เพราะถ้าไม่มีรองเท้าเก่าๆขาดๆคู่นั้น
น้องสาวของเขาก็ไปโรงเรียนไม่ได้ อีกทั้งครอบครัวในตอนนั้นก็ลำบากสุดๆ
เพราะว่าแม่ล้มป่วย และยังมีน้องทารกตัวน้อยที่ต้องดูแลอีกด้วย
จึงมีเพียงพ่อที่ต้องแบบรับภาระทั้งหมดไว้คนเดียว อาลีรู้ดีถึงสิ่งนี้
และรู้ว่าพ่อของเขาจะไม่มีทางได้เงินจนกว่าจะสิ้นเดือน
จึงตกลงกับน้องว่าต้องไม่ให้พ่อและแม่รู้เรื่องรองเท้าหาย ดั้งนั้นเวลาไปโรงเรียนสองพี่น้องจึงต้องผลัดกันใส่รองเท้าผ้าใบเก่าๆของอาลีที่มีอยู่เพียงคู่เดียว
และตอนนี้เองก็เพิ่งรู้ว่าโรงเรียนที่นั่นเขาแบ่งกันเรียนเป็นสองช่วง
ช่วงเช้าสำหรับผู้หญิง ช่วงบ่ายสำหรับผู้ชาย อาจจะด้วยเหตุผลว่าเป็นโรงเรียนเล็กๆในชนบท
จึงมีพื้นที่ไม่พอให้เด็กนักเรียนทั้งหมดมาเรียนพร้อมกัน
เมื่อเป็นอย่างนี้เมื่อน้องสาวเลิกเรียนจึงต้องรีบวิ่งสุดชิวิติเพื่อเอาร้องเท้าผ้าใบมาเปลี่ยนให้อาลีใส่
หลังจากนั้นอาลีก็ต้องรีบวิ่งสุดชิวิติเหมือนกันเพื่อที่จะไปเรียนให้ทัน แต่มันก็ทำให้เขาไปเรียนสายติดๆกันหลายครั้ง
มันเป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายๆวัน จึงรู้สึกขอบคุณรองเท้าทุกคู่ที่ตัวเองมีจริงๆ อาลีนั้นเป็นต้นแบบของพี่ชายที่สุดยอดจริงๆ
เขาเรียนดีมีความรับผิดชอบ และพร้อมจะเป็นผู้เสียสละทุกๆอย่างให้กับน้องสาวของเขา
และมาถึงตรงนี้ก็อยากจะขอยกตัวอย่างฉากที่ประทับใจบางฉาก
ฉากแรกคือตอนที่อาลีเข้าเมืองไปกับพ่อของเขาเพื่อจะไปสมัครเป็นคนสวนของบ้านที่มีฐานะดีในย่านนั้น
พวกเข้าต้องใช้จักรยานเดินทางตลอดระยะทางที่ยาวไกล
และต้องไปตามบ้านต่างๆหลายหลังมากกว่าจะได้งาน ต้องเจอกับอุปสรรคทั้งหมาไล่เห่า และเจ้าของบ้านไม่เป็นมิตร
จนได้มาเจอกันตาหลานคู่หนึ่งซึ่งเป็นคนรวยจ้างให้ไปทำสวนที่บ้าน
เอาจริงๆมันก็เป็นเพราะหลานชายของคุณตาคนนั้นเหงาจึงอยากจะเล่นกับอาลี
ตรงนี้มันสะท้อนให้เห็นว่าถึงจะเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย
ก็ใช่ว่าจะมีพร้อมไปทุกอย่าง มันก็ยังคงมีบางส่วนที่ขาดหายไปอยู่ดี
ซึ่งบ่อยครั้งที่มันเป็นเรื่องของความรู้สึกทางใจ
อีกฉากหนึ่งมันเป็นตอนที่อาลีลงแข่งวิ่งมาราธอน ในความเป็นจริงทุกการแข่งขันทุกๆคนล้วนอยากจะเป็นที่หนึ่ง
แต่ในมุมของอาลีมันไม่ใช่อย่างนั้น เขาอยากจะได้รางวัลที่สามซึ่งเป็นรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่
เพื่อที่ว่าถ้าได้มาแล้วก็จะเอามันไปเปลี่ยนเป็นรองเท้าผู้หญิงเพื่อมอบให้กับน้องสาวของเขา
และตลอดระยะทางที่วิ่งในหัวเขาก็มีแต่ภาพเหตุการณ์เกี่ยวกับน้องสาวของเขา
ทุกเสียงที่ผุดขึ้นมาให้หัวก็คือคำสัญญาที่เขาจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้
สิ่งเหล่านี้มันเป็นพลังให้เขาก้าวไปข้างหน้า
แง่คิดที่สะท้อนผ่านออกมาจากหนังเรื่องนี้ ชีวิตมันมีแต่เรื่องที่คาดไม่ถึง และเรื่องราวของชิวิตคนแต่ละคนมันก็มีรูปแบบและรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป บางทีการที่เราจะรู้สึกเป็นทุกข์กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากน้อยเพียงใด มันก็ขึ้นอยู่กับนิยามที่เรากำหนดให้มันเป็น
แง่คิดที่สะท้อนผ่านออกมาจากหนังเรื่องนี้ ชีวิตมันมีแต่เรื่องที่คาดไม่ถึง และเรื่องราวของชิวิตคนแต่ละคนมันก็มีรูปแบบและรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป บางทีการที่เราจะรู้สึกเป็นทุกข์กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากน้อยเพียงใด มันก็ขึ้นอยู่กับนิยามที่เรากำหนดให้มันเป็น
ถ้าจะให้เห็นภาพง่ายๆก็คือว่า
ชีวิตของคนบางคนมันหนักหนาสาหัสกว่าเรามากมาย
แต่ทำไมดูๆไปแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าเราเสียอีก
ถึงแม้ว่าจะเกิดมาด้วยความไม่พร้อมแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่ควรไปนิยามมันว่าเป็นอุปสรรค์ที่หนักหนาเกินกว่าจะข้ามผ่าน..."อย่างน้อยเราก็ยังมีรองเท้าให้ใส่"
---จิราพร รหัส 58 นิสิตปี 2 เอกอังกฤษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น