ผู้เขียน: Lai Dong Jin
ผู้แปล: วิลาวัลย์ สกุลบริรักษ์
ผู้แนะนำ: เมย์
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสืออัตชีวประวัติเล่าเรื่องราวชีวิตของเด็กชายขอทานคนหนึ่งและครอบครัวของเขาอีก
14
ชีวิตที่เขาต้องดูแลโดยการขอทานแลกอาหารเพื่อความอยู่รอด
ก่อนอื่นฉันอยากจะเล่าถึงที่มาที่ได้รู้จักหนังสือเล่มนี้สักนิด
วันนั้นมหาวิทยาลัยได้จัดกิจกรรมให้นักศึกษาและได้เชิญวิทยากรท่านหนึ่งมาบรรยาย
ในขณะบรรยายท่านได้พูดถึงหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า “ไล่ตงจิ้น ลูกขอทาน”
ฉันเพิ่งได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้เป็นครั้งแรก
วิทยากรเอ่ยถึงขนาดนี้คงจะเป็นหนังสือที่เป็นประโยชน์แน่ๆ ฉันคิดและอดไม่ได้ที่จะจดชื่อไว้
หมายมั่นว่าจะไปหาอ่านสักครั้ง จนอาจารย์ของฉันได้เอาหนังสือเล่มนี้มาให้ฉันอ่าน
(ได้อ่านเร็วมากเลยค่ะ) ตอนแรกที่ได้มาคิดว่าคงจะอ่านไม่จบแล้ว
เพราะว่าเป็นคนอ่านหนังสือช้าแต่อ่านไปอ่านมาก็ใช้เวลาอ่าน 2 วันเต็มๆจนจบ
(มันนานไปไหมคะ อิอิ)
ฉันอ่านตั้งแต่หน้าปกและพลิกอ่านไปเรื่อยๆ ทยอยอ่านไป ทีละหน้าและจินตนาการ นึกภาพชีวิตของเขา
(ต้องอ่านช้าๆนิดนึงนะคะ ผู้อ่านจะสามารถนึกภาพชีวิตเขาตามได้) ซึ่งเรื่องนี้มีทั้งหมด
49 ตอน และบทส่งท้าย น่าติดตามทุกตอนเลยค่ะ
“ไล่ตงจิ้น” เริ่มขอทานตั้งแต่อายุ 5 ขวบเพื่อเลี้ยงดูพ่อที่ตาบอด
แม่กับน้องชายที่สติไม่ดี และพี่น้องของเขาอีก 14 คน เขากับพี่สาวของเขาเป็นหัวเรือใหญ่นำพาครอบครัวเร่ร่อนไปขอทานตามที่ต่างๆ
แน่นอนว่าชีวิตของเขาต้องพบพานกับอุปสรรคมากมาย ทั้งดูแลพ่อ แม่
และน้องซึ่งก็ลำบากอยู่แล้ว ผู้คนที่เขาเที่ยวไปขอทานก็ดูถูกเขาอีก
แต่จากชีวิตของเขามีอะไรหลายอย่างที่ซ่อนอยู่เป็นข้อคิดดีๆมากมาย
ฉันอยากแบ่งปันประโยคดีๆ จากหนังสือเล่มนี้ค่ะ
มีประโยคหนึ่งบอกว่า “ความจนสอนให้เราเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยน
และการปรับเปลี่ยนทำให้ผ่านอุปสรรคไปได้ และนี่คือปรัชญาของการอยู่รอด”
มีประโยคหนึ่งที่ไล่ตงจิ้นบอกกับตัวเองไว้ว่า “ผมบอกกับตัวเองว่า การตอบแทนพระคุณพ่อแม่นั้นควรจะทำให้ทันเวลา
และควรทะนุถนอมสิ่งที่มีตอนนี้ให้ดีที่สุด แต่ไหนแต่ไรมาตราบจนกระทั่งวันนี้
ผมไม่เคยโกรธหรือคิดที่จะกล่าวโทษพ่อแม่เลยอาจเป็นเพราะผมได้ข้อคิดนี้ตั้งแต่อายุสี่ขวบก็เป็นได้”
“ใบประกาศเกียรติคุณแผ่นบางๆ
เทียบไม่ได้กับอาหารที่เขาขอทานมาได้สักมื้อ”
“เกียรติยศเทียบอะไรไม่ได้กับการหาที่ซุกหัวนอน
ที่พอจะใช้กันแดดบังฝนให้คนทั้งครอบครัว”
นี่เป็นเพียงประโยคจากบางบทบางตอนจากหนังสือ
อ่านแล้วก็ชวนให้ฉุกคิด
เรื่องราวของไล่ตงจิ้นอ่านแล้วได้ทั้งข้อคิด กำลังใจ
ได้เห็นชีวิตแนวคิดของคนขอทาน การต่อสู่ชีวิตฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนได้ดี (ต่อมาไล่ตงจิ้นกลายบุคคลที่มีชื่อเสียงของประเทศไต้หวัน)
หากใครที่รู้สึกท้อแท้ หมดหวัง หมดกำลังใจ
หรืออยากอ่านเปิดมุมมองความคิดให้เห็นชีวิตของคนอีกด้านหนึ่ง
รับรองว่าหนังสือเล่มนี้มีครบทุกอย่างให้อ่านเลยค่ะ
อาจกลายเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่สร้างกำลังใจให้แก่ผู้อ่านก็ได้นะคะ (รวมถึงผู้เขียนด้วย อิอิ)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ความจนสอนให้เราเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยน และการปรับเปลี่ยนทำให้ผ่านอุปสรรคไปได้ และนี่คือปรัชญาของการอยู่รอด"
ตอบลบจริงนะ
คนจนๆมักจะเข้าใจชีวิตคนจนด้วยกันดี หลายครั้งที่คนจนดูมีน้ำใจกว่าคนรวยก็เพราะเหตุนี้ เพราะเข้าใจความจน (จำเป็นต้องเข้าใจ)
ลบ