ขอ 3 คำ สำหรับทริปตะรุเตา
มวน (ท้อง)
มึน (งง)
เมา (เรือ)
ทริปตะรุเตาคราวนี้ (11-12 พค.56)เป็นทริปแก้มือ หลังจากที่เคยไปเมื่อ 3-4 ปีก่อน แล้วขาแพลงก่อนขึ้นเรือทำเอาทริปนั้นเฝ้าห้องพักซะเป็นส่วนใหญ่
คราวนี้ไปอีกที คาดว่าเตรียมตัวเองพร้อม จะไม่ซุ่มซ่ามแล้วล่ะ
อ้าว มีอุปสรรคซะอีก คลื่นแรงมากๆๆจนนิิสิตส่วนใหญ่เมาเรือกันเป็นแถว ไม่เว้นแม้แต่นิสิตชายหรือพี่ตี๋ซึ่งแข็งแรง กล้ามใหญ่
จนท.ตะรุเตาบอกว่าเป็นวันแรกที่คลื่นสูง กว่าจะถึงจุดหมายจุดแรกคือ "เกาะหลีเป๊ะ" ใช้เวลา 2 ชม.ครึ่ง ก็สะบักสะบอม หน้าเขียวกันเป็นแถว ส่วนเราก็นั่งตุ้มๆต่อมๆ กลัวว่าจะเอาชีวิตมาทิ้งกลางทะเลแถวนี้ซะแล้ว (ไม่น๊า...เค้ายังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลยน๊า)
เคล็ดลับไม่มึนของเราคือ หลับตาเป็นระยะๆ และพยายามหายใจเข้า หายใจออกไปพร้อมๆกับคลื่น เมื่อคลื่นสูง ก็หายใจเข้า และจังหวะหายใจออกไปตามจังหวะการทิ้งตัวของเรือ (พยายามคิดให้สนุกว่าได้นั่ง roller coaster รถไฟเหาะ (แต่เปลี่ยนเป็นเรือเหาะ) ฟรีตั้ง 2 ชม.กว่า
พี่ตี๋ติงว่านั่งรถไฟเหาะมันแค่ไม่กี่นาทีนะ ต่างกันเยอะ :(
เราเลยกลายเป็นคนที่แข็งแรงในหมู่นิสิตไป
เอ่อ...ว่าแต่ขอเว้นวรรคการเที่ยวทางทะเลไปอีกนานเลยแล้วกัน
โปรแกรมทริปนี้ที่ตั้งไว้มีทั้งแวะหาดทรายขาว (ถูกตัดไป) เกาะไข่ (ตัด) เกาะหินงาม (ตัด)
สุดท้ายเหลือเกาะหลีเป๊ะ และตะรุเตา
พวกเราลงเรือ ferry เพื่อนั่งเรือเล็กเข้าเกาะหลีเป๊ะ แต่ละคนไม่ค่อยได้เดินไปไหนกันสักเท่าไหร่ จากที่นิสิตชอบถ่ายรูป หลายคนนั่งให้หายมึน (เดี๋ยวไม่สวย) เอาแรงก่อน
แซวกันเล่นๆว่าทริปนี้นิสิตไม่อยากกลับเลย ไม่ได้ติดใจความสวยงามหรือธรรมชาติของเกาะหรอก ฮ่าๆ สาเหตุหลักคือกลัวการนั่งเรือกลับ กลัวว่าจะเจอสภาพอากาศ คลื่นลมแบบเดิม
และก็เป็นดังคาด หลังจากนั่งพักและให้นิสิตเล่นน้ำที่หลีเป๊ะ ขากลับคลื่นยังแรงเหมือนเดิม น่ากลัวมาก เนื่องจากนิสิตส่วนใหญ่กลัวเมาเรือเลยขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้า ทำให้ข้างล่างไม่สมดุลย์ เรือเลยเอียงไปเอียงมา จนท.เรือต้องคอยเตือนให้นิสิตลงมานั่งด้านล่างเป็นระยะๆ
นิิสิตกรี๊ดจริง กรี๊ดจังเวลาเรือเอียง ทำเอาเราประสาทเสีย พลอยกลัวไปตามเสียงกรี๊ดด้วย ตลอด 1.30 ชม. จากหลีเป๊ะ - ตะรุเตา เราเลยลุ้นไปตลอดทาง "ตูจะรอดมั๊ยเนี่ย"
เฮ้อ!! โล่งอก ได้ขึ้นฝั่งตะรุเตา (อ่าวพันเตมะละกา) ซะที
เย็นๆไม่สามารถไปไหนได้ เลยไปเดินเล่นที่ชายหาด ทรายที่นี่เมื่อเดินเท้าเปล่าจะได้ยินเสียงเอี๊ยดๆด้วยล่ะ ด้วยความที่มันละเอียดมาก
บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ เหมาะกับการมาพักผ่อน ทอดอารมณ์ชิลๆและใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ ที่กลางคืนไม่สามารถออกไปเที่ยวตามถนนคนเดินหรือนั่งผับ บาร์ ได้
เหมือนกับเกาะยอดฮิตอย่างสมุยและภูเก็ต
หาดทรายที่นี่ธรรมชาติสร้างสรรค์ศิลปะจากผืนทรายเยอะมาก ทั้งปูที่ผลิตรูปู ทำให้ผืนทรายมีลวดลายเป็นจุดๆ สวยดี น้องเต้ & ตั้ม เลยสนุกสนานกับการวิ่งไล่ปูลมตามประสาเด็กกับพี่เหมย เปิ้ล ตั้ม เคน
หมายเหตุ: ช่วงที่เหมาะกับการเที่ยวเกาะตะรุเตา คือ พย.-พค. เมื่อเข้าเดือนมิย.ก็จะเป็นช่วงมรสุม และมีการปิดเกาะร่วม 6 เดือน
โชคดีที่ไม่หลงกลไปด้วย ว่าแต่ถ้าไม่ไปในฐานะครูบาอาจารย์บางทีอาจไม่เก็กจนผ่านพ้นอาการ "มวน มึน เมา" ไปได้ละมั้ง
ตอบลบ