วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

ค่ายรร.ตชด.บ้านบาโรย สะเดา



 Do what you can to show you care about other people, and you will make our world a better place. 
                                                                  Rosalynn Carter

เราตั้งใจเอาไว้ว่าแต่ละปีจะพยายามไปออกค่ายให้ได้ 3 ครั้ง ดังนั้นเพื่อให้ความตั้งใจเป็นจริง นิสิตสอบเสร็จวันที่ 28 กพ. รุ่งขึ้นวันที่ 1-2 มีค. เราก็หอบข้อสอบนิสิตเอาไปค่ายด้วย (ตกลงว่ามาเปลี่ยนสถานที่ตรวจข้อสอบหรือมาช่วยทำงานค่่ายเนี่ย อิๆ มีเวลาตรวจข้อสอบและทำเกรด 6 วันเลยต้องเร่งมือหน่อย ไปที่ไหนก็เอาไปด้วย)

ค่ายอาสาครั้งนี้เป็นของเอกสังคมศึกษา โดยเฉพาะปี 2 นำโดยลิฟท์ และผองเพื่อนที่เกณฑ์กันมาเพื่อมาช่วยสร้างโรงเพาะเห็ด ทาสีสำนักสงฆ์ และสร้างหลังคากันแดดให้ห้องเรียนธรรมชาติ


เราเห็นนิสิตโพสท์ทาง FB ขออาสาสมัครมาช่วยงานจำนวน 40 คน เลยชวนๆนิสิตเอกอังกฤษไปด้วยกันได้ 2 คน คือ มด กับ แก้ว

และขอเงินบริจาคเพื่อซื้อโต๊ะญี่ปุ่นให้น้องๆ จากโอ๋ & อ๋อย เพื่อสมทบทุน ทำดีร่วมกัน

พร้อมแล้ว ก็ออกค่ายได้ เย้!
1-2 มีค. 56

วันแรกพวกเราไม่ได้ช่วยงานสักเท่าไหร่ เพราะไปถึงก็ตกเย็น ในขณะที่นิสิตเอกสังคมฯมาถึงก่อนในตอนเช้าและเริ่มทาสีสำนักสงฆ์กันไปแล้ว (มีเหตุขัดข้องคือฝนตก ทำให้ทาสีไม่ติด อันนี้เป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ทำให้การออกค่ายของนิสิตได้ฝึก problem-solving thinking การแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ เพราะถึงแม้วางแผนกันไว้แล้ว แต่สภาพอากาศออกแบบไม่ได้ ก็ต้องปรับตัวเองหรือรอความพร้อมของอากาศกันก่อน  เราว่านี่เป็นข้อดีข้อนึงของการออกค่ายที่ฝึกนิสัยการทำงานในชีวิตจริง อุปสรรคที่เข้ามาตั้งแต่การเตรียมการ ขณะทำงาน หรือเมื่องานเสร็จ จะดูแลงานหรือส่งต่องานยังไงให้เกิดการทำงานต่อไปในพื้นที่

นิสิตเห็นเราเป็นอาจารย์เลยไม่ค่อยให้งานเราทำ ด้วยความเกรงใจ เราต้องบอกว่าเราออกค่ายมาสารพัดแล้วประมาณ 7 ปีและเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมอาสาพัฒนาชนบทมา 4-5 ปี เราทำได้  ออกตัวซะขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ค่อยมีงานอะไรให้เราทำ งั้นเราเป็นผู้ให้กำลังใจก็ได้

ว่าแล้วก็มองหางานให้ตัวเองทำดีกว่า คิดได้แล้ว!

สอนหนังสือเด็กๆ!

งานนี้คงเหมาะกับเราที่สุด เราเห็นเด็กนร.มาเดินๆในโรงเรียน เลยหลอกล่อน้องๆเข้าห้องสมุด มาอ่านหนังสือ เล่านิทาน เขียนตามคำบอก เล่นเกมส์

น้องๆนร.ให้เราเสนอเกมส์ เราเลยแนะนำให้เล่นเกมไก่ชน
กติกา -- แบ่งนร.เป็น 2 ทีม อยู่กันคนละฟาก
แข่งกันครั้งละ 2 คน โดยสมมติทั้ง 2 คนเป็นแม่ไก่ (นั่งยองๆ เอามือประสานไว้หลังขา) ขยับตัวมาชนกันที่จุดกึ่งกลาง โดยมือห้ามหลุด ชนกันจนกว่าคนใดคนหนึ่งจะล้ม หรือมือหลุดออกจากกัน

เราเล่นเป็นคนสุดท้าย เย้! เอาชนะได้ทุกคน แต่ละคนตีปีกแม่ไก่กันมาด้วยความมุ่งมั่นแต่น้องๆไม่รู้ trick ว่าหากเอนตัวมาชนคู่แข่งมากเกินไป เมื่อคู่แข่งถอยออกมานิดนึงพวกเค้าก็จะล้มได้ง่าย
ผู้ชนะอย่างเราเลยเหงื่อท่วมตัว เพราะต้องชนกับน้องๆหลายรอบ แฮ่กๆ

หลังจากที่ทำกิจกรรมกับน้องๆเพื่อให้น้องๆรักการอ่านและมาหาหนังสืออ่านกันเองในห้องสมุดได้ในภายหลัง เราก็ได้ลูกสมุนเดินตามหลังกลุ่มใหญ่ ฮ่าๆ ให้ความรู้สึกประหนึ่งเป็นนางงาม มีเด็กๆล้อมรอบ

------------------------------
พืชผักสวนครัวรั้วกินได้: โครงการอาหารกลางวัน





โรงเรียนตชด.มีชื่อเสียงเรื่องการพัฒนาเด็กๆให้รู้จักทำงานด้านเกษตร ที่รร.มีบ่อเลี้ยงปลา แปลงผัก และสวนมะพร้าว ที่แปลงผัก นอกจากมีตะไคร์ ถั่วฝักยาว ผักหวาน ผักโขม แล้วก็มีผักโขมแดงด้วย เราเคยเห็นแต่ต้นสีเขียวๆ กินผักนี้ไม่เป็นอ่ะ มันน่าจะเป็นผักเหนาะแน่ๆเลย




ที่แปลกอีกอย่างนึงคือ ต้นมะระไฟ (ดูแล้วคล้ายปลาปั๊กเป้าเลย) เอาไว้เป็นยา ใส่ในแกงส้ม แกงกะทิ ดูทีแรกเหมือนผลไม้มากๆ

เราลองกูเกิ้ลดูมันมีชื่อเยอะมาก 

แก็ก มะข้าว ผักข้าว ขี้กาเครือ ฟักข้าว 

ทั้งหมดเป็นชี่อเรียกผักชนิดนี้แตกต่างไปตามภูมิภาค

การปลูกผักกินเองน่าจะทำให้น้องๆแข็งแรง และช่วยลดต้นทุนค่าอาหารกลางวัน เนื่องจากที่เรารู้มา รัฐฯจ่ายค่าอาหารกลางวันต่อหัวเด็กแค่ 13 บ. ของกินที่ทำให้เด็กๆเลยเป็นของง่ายๆ

ขอชมเชยการทำงานของเด็กอาสาทั้งหน้าเก่าที่เราเคยไปด้วยกันตอนค่าย Art for All และนิสิตหน้าใหม่ ใจรักการช่วยเหลือ ว่าที่คุณครูทั้งหลายต้องมีทั้งใจที่พร้อมจะเป็นผู้ให้ และรักการเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากภายนอกรั้วมหาลัยแบบนี้

-----------------

3 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. สวัสดีครับอาจารย์ ผมไม่รู้จะพูดยังไงดีครับ นอกจากอยากจะบอกอาจารย์ว่าพวกผมขอบคุณอาจารย์มากจริงๆนะครับ ที่คอยแนะนำพวกผมมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นก่อนออกค่ายมาแล้วก็ตาม การจัดค่ายในครั้งนี้ผมพูดตรงๆนะครับ ว่าผมเครียดมากเลยที่รู้ว่าอาจารย์เข้าร่วมโครงการ ไม่ได้เครียดเพราะไม่อยากให้เข้าร่วมนะครับ แต่เครียดที่ว่า ผมไม่รู้จะหางานอะไรให้อาจารย์ดีครับ เพราะจากที่เคยรู้จักอาจารย์มาก่อนหน้านี้ ผมพูดจากใจจริงว่า อาจารย์ทำได้ทุกอย่างเลยครับ ไม่ว่ามันจะหนักแค่ไหน ผมยังจำภาพที่อาจารย์พยายามจะยกถังน้ำ 20 ลิตร ที่ค่าย art for all ได้เลยครับ ผมเห็นแล้วว่าไม่ว่ามีงานอะไรอาจารย์ช่วยเต็มที่เลยครับ ทำให้ค่ายนี้พวกผมไม่กล้าจะให้งานอะไรแก่อาจารย์เลยครับ เพราะงานแต่ละงานมันหนักจริงๆครับ เช่นขนทราย ตัดไม้ไผ่ ตอกตะปู จึงได้คุยกับเพื่อนๆในครั้วว่า พยายามดูแลอาจารย์ให้ดีนะ ท่านมาช่วยด้วยใจ เดี๋ยวสักพักหากเราไม่มีงานให้อาจารย์ทำ อาจารย์คงหางานจนได้ อิอิ ในที่สุดอาจารย์ก็ได้งานครับ ผมยังวิ่งมาบอกเพื่อนๆเลยครับ อีกประเด็นหนึ่งนะครับ พวกผมดีใจจริงๆครับ ที่ว่าอาจารย์ได้มาทำกิจกรรมร่วมกับพวกผม จากส่วนลึกๆในใจนะครับ ผมน้อยใจอาจารย์และก็เจ้าหน้าที่ในคณะของผม ที่มีตั้งหลายท่านครับ แต่ไม่มีท่านใดมาร่วมกับพวกผมเลย พยายามเข้าใจว่าท่านคงติดธุระกันทั้งคณะเลยครับ แต่อาจารย์ซึ่งอยู่คนละคณะกับผมเลย เหมือนกันตรงที่เป็นอาจารย์ที่คอยอบรมณ์พวกผม พยายามช่วยผมทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นประสานเพื่อนๆ ตลอดจนอาจารย์ในสาขา ให้มาร่วมบริจาคเงิน ตลอดจนไปร่วมกับพวกผมถึงที่เลยครับ จริงอยู่ครับที่เด็กและเยาวชนสามารถทำอะไรได้มากมาย แต่ส่วนลึกๆผมเชื่อว่า เขาต้องการผู้ใหญ่ที่ใจดี คอยเดินไปกับเขาเสมอ เพื่อสร้างพลังและกำลังใจ เพื่อเด็กเหล่านั้นจะคิดเสมอว่า อย่างน้อยก็มีผู้ใหญ่เห็นด้วยกับพวกเรา

    ----------- ลิฟท์ นิสิตปี 2 เอกสังคมศึกษา----

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อ่านแล้วประทับใจ กำลังใจยิ่งใหญ่และสำคัญเสมอ



      ขอยืมข้อความข้างบนมาใช้หน่อยนะ

      " Do what you can to show you care about other people,
      and you will make our world a better place."

      สำหรับเรา what I can = บริจาคเงิน และเป็นกำลังใจให้นก
      เราทำได้เท่านี้จริงๆ แต่เราจะทำในสิ่งที่เรา what I can ต่อไปเท่าที่โอกาสจะมีนะ

      ลบ