เมื่อ ก่อนหากมีคนถามเราว่าทักษะภาษาอังกฤษด้านไหนที่เราชอบที่สุด เราก็จะตอบว่า การอ่าน จนตอนนี้ก็ยังเป็นการอ่าน แต่เราเห็นความสำคัญของทักษะด้านการพูด การฟัง การเขียน มากขึ้น
เพราะทักษะใดๆหากขาดทักษะอื่นๆสนับสนุนก็จะไม่สมบูรณ์
หาก อ่านรู้เรื่อง แต่ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารออกมาได้ว่าเรื่องที่อ่านเป็นเรื่องอะไร การอ่านนั้นก็แทบสูญเปล่า เพียงแต่การอ่านจะเป็นพื้นฐานที่ดีต่อทักษะอื่น เพราะหากอ่านมาก ก็มีเรื่องที่จะพูด จะเขียน จะแสดงความคิดเห็นมาก
เมื่อ เราสอบทุนต่างประเทศที่ไม่ต้องใช้การสอบข้อเขียน ( ในที่นี้หมายถึงเป็นข้อสอบการฟัง ไวยากรณ์และการอ่าน) เราพบว่าการเขียนเป็นบันไดขั้นแรกที่ทำให้เราบรรลุเป้าหมายไปได้ครึ่งทาง เพราะการสอบทุนส่วนใหญ่มักคัดเลือกคนในชั้นแรกจากการให้ผู้สมัครได้แสดงความ คิดเห็น ยกตัวอย่างทุน IATSS Forum ซึ่งให้เขียนแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ตั้งไว้ภายใน 500 คำ ( หากเกินกว่านั้นไม่พิจารณา)
การ จำกัดคำทำให้ต้องทำเรื่องที่เขียนให้กระชับ เขียนแล้วก็ต้องมานั่งตัดเพื่อให้เนื้อความดูแน่น ไม่น้ำท่วมทุ่ง แต่จะเลือกตัดตรงไหนก็ต้องตัดสินใจให้ดี อย่าให้เสียประเด็นที่ตั้งใจจะเล่า
ส่วนทุน Humphrey Fellowship เน้นกระบวนการเขียนมากๆ ในใบสมัครรอบแรกของเราๆเขียนจนมึน เนื่องจากไม่ได้ให้เขียนแค่ข้อเดียว คำถามมีหลายข้อมาก ทั้งเขียนแบบ paragraph
บางข้อให้เขียนประมาณ 200-250 คำ ส่วนข้อใหญ่ๆก็จะให้แสดงความคิดเห็น 1 หน้า
( โอ้ว!!! เหงื่อตกได้อีก)
ปกติ ถนัดเขียนบล็อกเฮฮาเมื่อต้องมาขบคิดประเด็นคำถามที่ได้รับ เราใช้เวลากับการเขียนและขัดเกลาภาษา( โดยได้เจมส์และเกรกเป็นผู้ช่วย) นานมาก ส่งใบสมัครเอาซะวันสุดท้าย
ผ่านเข้ารอบ 3 คนสุดท้ายแล้วก็ยังเจอการเขียนมหาโหดอีกเพราะต้องส่งใบสมัครไปให้กรรมการฟุลไบรท์
อเมริกาอีกที ประเด็นคำถามเริ่มเจาะลึกขึ้นเรื่อยๆ
คิดๆๆ
การเขียนครั้งใหม่เราใช้เวลาอีกร่วมเดือน ครั้งนี้ high-tech มาก ต้องมานั่งกรอกใบสมัครออนไลน์ มีรหัสที่ได้มาเพื่อเจาะ เอ๊ยเข้าไปตอบในเว็บของ Humphrey Fellowship
หลาย ครั้งที่เราเขียนจนเรารู้สึกว่าเริ่มกลับมาเขียนเรื่องซ้ำๆ ส่งใบสมัครรอบสุดท้ายด้วยความโล่งอกปนเกร็งๆ เขียนอย่างนี้กรรมการจะอ่านเข้าใจสิ่งที่เราพยายามจะนำเสนอรึเปล่านะ
เย้....เมื่อผลออกมาว่าเราได้รับทุน อิๆ ต่อไปเราจะเพิ่มทักษะการเขียนเป็นอีก 1 ทักษะที่เรากด like (ภาษาเด็กFacebook)
อาชีพ หนึ่งที่เราอยากเป็นคือ “นักเขียน” เรื่องท่องเที่ยว เคยฝันอยากเป็นคนทำงานตามนิตยสารที่ท่องเที่ยวไปที่ต่างๆแล้วก็มาเขียน เรื่องลงหนังสือ แม้ฝันนี้ไม่สำเร็จ แต่เราก็มีบล็อกให้เราปล่อยของ 55
เราชอบคำคมอันนี้
If there's a book you really want to read but it hasn't been written yet, then you must write it.
~ Toni Morrison
ถ้ามีหนังสือที่คุณอยากอ่านแต่มันยังไม่ถูกเขียน คุณควรจะเขียนมันซะเอง – โทมัส มอริสสัน
บาง ครั้งเวลาจะไปเที่ยว หนังสือที่จะหาอ่านไม่ค่อยมี หรือเป็นเรื่องที่เราเห็นว่าไม่น่าสนใจ เมื่อเรากลับมาจากทริปนั้น เราก็จะมาเขียนซะเอง ( อิๆ คือคิดเอาว่าตัวเองเขียนน่าสนใจ 55)
ร่ำๆว่าไปอเมริกาคราวนี้เราอาจจะมีเรื่องเล่าความยาว 300 หน้าจบมาฝากมิตรรักแฟนเพลง J
หมายเหตุ แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้เกิดจากอาจารย์หยก อาจารย์ผู้ใหญ่ของภาควิชาบอกว่า
เราน่าจะเขียนเรื่องราวการสมัครทุนเอาไว้เพื่อกระตุ้นนิสิต/เพื่อนร่วมงานให้ลองสมัครทุนดูบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น