ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี
พ.ศ.2557 นับจากวันที่ตัดสินใจสมัครเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ถึงปัจจุบัน
จนตอนนี้เวลาได้ล่วงผ่านมา 3 ปีแล้ว พี่ตั้งใจที่จะมาเรียนที่มหาวิทยาลัยทักษิณ ถึงแม้ว่า คณะที่ได้วิชาเอกที่ได้อาจจะไม่ได้ใช่ที่หนึ่งในใจที่หวังเอาไว้ แต่วันนี้ระยะเวลาผ่านไป
3 ปีเต็มๆ ที่กล้าพูดเต็มปากเลยว่าวันนี้พี่ศรัทธาในคณะและหลงรักในวิชาเอกที่เรียน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
พี่ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากสถาบันแห่งนี้
จากสาขาที่เลือกเรียน
พี่ได้รับทั้งความรู้ทางวิชาการในห้องเรียนและความรู้จากการออกไปลงสำรวจพื้นที่จริง
เรียนรู้การทำงานอย่างมีหลักคิด
ทำงานอย่างเป็นระบบทุกอย่างที่พี่ได้สัมผัสล้วนทำให้พี่เกิดการเรียนรู้
และเป็นการเปิดโลกให้กับตัวเองมากขึ้น แน่นอนว่าการเรียนรู้จากการออกไปสำรวจพื้นที่จริง
หรือการลงมือทำงาน ทุกอย่างจะสำเร็จไม่ได้หากเราขาดอาจารย์ พี่ เพื่อน และชาวบ้าน
ทุกคนที่กล่าวมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นกัลยาณมิตรที่คอยช่วยเหลือ
ให้คำปรึกษาและคำแนะนำพี่มาตลอด ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นได้ผสมผสานกันอย่างลงตัว
จนทำให้คำว่าคณะมนุษยศาสตร์ฯ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรักและความอบอุ่น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
พี่ไม่เคยเสียใจเลยสักครั้งที่เลือกเรียนที่นี่ สถาบันที่ให้ทั้งความรู้
ทั้งประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากห้องเรียนสี่เหลี่ยม
พี่เชื่อว่าน้องๆหลายๆคนมาอยู่ตรงนี้ด้วยความตั้งใจและยังมีอีกหลายคนที่มาอยู่ตรงนี้ด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็ตาม ก็อยากบอกน้องๆทุกวิชาเอกว่าถึงแม้จะไม่ได้ในสิ่งที่รักก็จงรักในสิ่งที่ได้และทุ่มเทไปกับมันแล้วคุณจะหลงรักใวิชาเอกของคุณ
สุดท้ายนี้ขอให้น้องๆ นิสิตปีการศึกษาใหม่จงภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็นศิษย์รุ่นปัจจุบัน
พี่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าสถาบันแห่งนี้จะสามารถให้ความรู้
ความเข้าใจและประสบการณ์กับน้องๆ ได้เป็นอย่างดี
อย่าลืมว่าเมื่อเรามีโอกาสเข้ามาแล้วเราจะต้องตั้งใจทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด
ไม่ว่าน้องๆ จะเลือกเรียนในสาขาวิชาใด
จงจำไว้ว่าทุกสาขาวิชามีความยากง่ายแตกต่างกันออกไป ขอแค่เรารักและทุ่มเทกับมัน
ทำทุกอย่างให้เต็มความสามารถ เพื่อที่จะได้รับความรู้และประสบการณ์อย่างเต็มที่
อย่าหลงระเริงไปกับสิ่งยั่วยุที่มีอยู่มากมาย
จงตระหนักอยู่เสมอว่าตนเองมีหน้าที่ที่จะต้องศึกษาหาความรู้
เพื่ออนาคตของตนเองและความภาคภูมิใจของบิดามารดา
นส.อรไท เอกพัฒนาชุมชน ปี 4
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น