การอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความต่าง
ทั้งต่างความคิด ต่างทางร่างกาย เราจะทำให้ความต่างมันอยู่ร่วมกันได้อย่างไรล่ะ
มันคือสิ่งที่พวกเรานิสิตสาขาการพัฒนาชุมชนต้องเรียนรู้และต้องนำไปปรับใช้ในชุมชน พวกเราเลือกที่จะศึกษากลุ่มของผู้พิการทางสายตาโดยมีโรงเรียนสอนคนตาบอดธรรมสากลหาดใหญ่เป็นที่ศึกษาในครั้งนี้
เราพบว่าคนตาบอดเองก็มีความต่างกันในศักยภาพของการเรียนรู้
มีหลายๆคนที่ไม่สามารถทำตามเส้นทางการศึกษาได้ เค้าจึงต้องเรียนรู้ทักษะอาชีพเพื่อนำไปใช้ในชีวิตของตนในอนาคต
พวกเราเลยว่าหากเราเข้าไปทำกิจกรรมร่วมกันกับคนตาบอด สิ่งที่เค้าได้รับต้องเป็นประโยชน์ต่อตัวเค้า
ไม่ใช่แค่ผ่านพ้นไป ทำให้พวกเราเลือกที่จะสอนน้องปลูกผักอินทรีย์ คือ
ต้นอ่อนผักบุ้ง และต้นอ่อนทานตะวัน ผักสองชนิดนี้สามารถปลูกและดูแลได้ง่าย
มีอายุที่โตเร็วแค่ 5-10
วัน
ก็สามารถทานได้ และมีคุณค่าทางอาหารสูงมากกว่าผักหลายๆชนิด
แน่นอนว่ากว่าพวกเราจะสอนน้องๆได้
เราเองต้องทำให้เป็นและเข้าใจในข้อจำกัดของพวกเค้า
เลยทำให้เราต้องสมมุติว่าเราคือคนตาบอดและลองฝึกด้วยการหลับตาและปลูกผักในตะกร้าด้วยการสัมผัสมากกว่าการมอง
จนเราสามารถที่จะไปถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ไปสู่น้องๆได้
กิจกรรมที่เราจัดขึ้นเรามองว่าน้องจะได้รับประโยชน์มากทั้งสามารถนำไปปรับใช้ในครอบครัวเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย
หรือจะต่อยอดสร้างอาชีพให้ตัวเค้าเองได้
และที่มากกว่านั้นคือเราได้สร้างความรู้สึกเชื่อมั่นในตนเองให้เกิดแก่ตัวน้องว่าน้องสามารถทำได้
แม้น้องเรียนไม่เก่ง ไม่สามารถต่อยอดทางวิชาการสร้างอนาคตได้
แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้น้องรู้สึกว่าน้องทำได้ ช่วยเหลือครอบครัวได้
และไม่ได้เป็นภาระของครอบครัว
---------------------------------------
เล่าเรื่องและทำงานโดยนิสิตเอกพัฒนาชุมชน ปี 4
น.ส. ดุษฎี
น.ส บัณฑิตา
น.ส อารยา
น.ส สุฑารัตน์
น.ส ชฎาพร
นาย ธนาธิป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น