กำลังใจ: การทำดีอย่างง่ายๆ
เราพบว่าว่าการทำความดี บางทีมันก็ไม่ต้องใช้เงินมากมาย
ไม่ต้องบริจาคก็ได้ เนื่องจากมันสามารถทำได้หลายอย่าง
เช่น
การให้กำลังใจคนและทำให้คนที่มีฝันได้ทำตามฝันของเค้า
บางคนท้อได้ง่ายเมื่อคิดไปถึงอุปสรรคที่อยู่ข้างหน้า
หากเราเสริมแรงเค้า คอยช่วยเหลือและ(แอบ)ผลักเค้าเบาๆให้เดินไปข้างหน้า
ตามหาฝัน ฝันของเค้าก็ไม่ไกลเกินไป
วัลลภา (อร)
อรเป็นเด็กขยันเรียน และตั้งใจเรียนมาก เข้าห้องเรียนตามเวลา
ไม่เคยขาดเรียน และเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนเรียน
คุณสมบัติแค่นี้คงไม่พอหากอรไม่มีใจมุ่งมั่นที่จะทำตามฝันด้วย
เรื่องมีอยู่ว่า…
เมื่อเราชวนอรและเพื่อนๆเอกอังกฤษปีสามไปฟัง Fulbright
Talkshow: Read with Greed ที่หาดใหญ่
มีทุน Global Undergrad Scholarship
ที่ให้ทุนนิสิตในภูมิภาคได้สอบชิงทุนไปเรียนอเมริกาเป็นระยะเวลา
5 เดือน หรือ 1 ปี
เราเอาทุนนี้มาโพสท์บน FB ของสาขาวิชาก็มีคนมาคลิ๊ก
Like แต่ไม่มีคนสมัคร (จะคลิกทำไมเนี่ย :( เราพูดในห้องเรียนอีก
ก็ยังไม่มีคนสมัคร เราเลยไม่ทำอะไรต่อ เดือนถัดมาเมื่ออาจารย์นิคม หัวหน้าภาคฯบอกว่าให้ช่วยแปะทุนนี้อีกที
เราก็เลยแปะอีก (ยังไม่เข็ด 55) คราวนี้โทรไปหานิสิตบางคน
กล่อมให้ลองดูเผื่อได้ขึ้นมาก็จะเป็นโอกาสดีของชีวิตมาก ไม่ลองไม่รู้
อรเป็นหนึ่งคนที่ยุขึ้น ขั้นตอนของการสมัครมีเยอะมาก
จนมีคนที่สมัครพร้อมๆกันถอดใจ และทำให้อรก็ถอดใจไปด้วยแต่เธอก็โทรมาแจ้งให้ทราบว่าอยากเปลี่ยนใจ
เลยต้องใช้วิทยายุทธกล่อมกันใหม่อีกครั้งว่าหากไม่ลองก็จะเสียดายทีหลัง
เพราะจะไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
เนื่องจากโครงการนี้รับนิสิตที่ต้องเหลือการเรียนตอนกลับมาจากอเมริกา 1 เทอม
ซึ่งนิสิตปีสามหากไม่สมัครเทอมนี้ ขึ้นปีสี่ก็สมัครไม่ได้
และคนที่ไม่ได้มีพ่อแม่ร่ำรวยหากอยากไปนอกก็ต้องกล้าที่จะเสี่ยง
กล้าที่จะลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ ทุกอย่างมันเป็นประสบการณ์ไปหมด
พลาดคราวนี้อย่างน้อยได้รู้ขั้นตอนการสมัครทุน 1 ทุน
จบปริญญาตรีแล้ว การจะสมัครทุนต้องทำเอง แต่ทุนนี้มีเราเป็นผช.
และรู้แนวทางของ Fulbright เพราะฉะนั้นมันไม่ยากเกินไป
คิดแง่บวกไว้หากสอบทุนไม่ได้ครั้งแรก ครั้งต่อไปอาจเป็นเรา เพราะทุนนี้เก่งอย่างเดียวไม่พอ
ต้องกล้าพาตัวเองเข้าไปสมัคร ผ่านขั้นตอนหินๆของการเขียนเรียงความ 3 เรื่อง
แถมยังต้องขอ transcript จากโรงเรียนมัธยมอีกด้วย
นี่เป็นเหตุให้บางคนท้อและรู้สึกว่ายุ่งยาก
มีผู้กล้าจากเอกอังกฤษ 3 คน คือ แป๋ม
โบ และอร
มีเสียงพูดให้ได้ยินว่าเพื่อนๆที่ไม่สมัครมักจะบอกว่าหากได้ทุนนี้จะมีปัญหาเรื่องกลับมาเรียนไม่พร้อมเพื่อน
รับปริญญาไม่พร้อมกัน ปัญหาจิปาถะที่เพื่อนยกมา
ในที่สุดอร แป๋ม โบ ก็มีชื่อเข้าสอบสัมภาษณ์จากจำนวน 24 คนเราไปเป็นเพื่อนสอบที่ CAT Telecom หาดใหญ่ เป็นการสอบผ่าน VDO conference จากกทม.โดยมีกรรมการ 3 คนสัมภาษณ์ มีบางช่วงที่สัญญาณขาดๆหายๆ (โอ้ว...นี่ขนาดว่าเป็นผู้นำด้าน telecommunication นะ) ใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 10-15 นาที
อรผ่านรอบสัมภาษณ์ 10 คน และไปสอบ Paper-based TOEFL แล้วเธอก็ผ่านเข้ารอบ 6 คนสุดท้ายอย่างสวยงาม
เย้! ตื่นเต้นเหมือนได้ทุนเอง (นี่ถ้าเราอายุวัยมหาลัย อรมีคู่แข่งแล้วนะเนี่ย อิๆ ;) เห็นทุนนี้แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่ทุนสำหรับผู้ใหญ่อย่างเรา ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ว่าโอกาสอาจเป็นของลูกศิษย์เรา
เราปลอบแป๋มและโบว่าพวกเค้าเป็นคนกล้าที่เริ่มก้าวแรกไปแล้ว ดังนั้นอย่ากลัวกับการสอบครั้งต่อไปและอย่าท้อถอย เราก็เคยสอบทุนครั้งแรกไม่ได้เหมือนกัน (ทุนเรือเอเชียอาคเนย์ไปญี่ปุ่น) แต่ 4 ครั้งของการสมัครทุนหลังจากความผิดหวังเล็กๆครั้งแรก เราก็ผ่านทั้งหมด แป๋มกับโบ หากไม่ท้อก็จะเป็นอย่างนี้ได้เหมือนกัน เราเชื่อมากๆ
เราพบว่านิสิตมหาลัยเราขาดแรงจูงใจในการสอบแข่งขันระดับประเทศมากๆ
เพราะมัวแต่คิดว่าเป็นคนตัวเล็กๆ เรียนก็ปานกลาง นิสิตมหาลัยอื่นเก่งๆทั้งนั้น
สอบแข่งขันกับเพื่อนไม่ได้หรอก ฟังแบบนี้แล้วเราก็คันปาก หากไม่พยายามก่อน
จะรู้มั๊ยว่าตัวเองทำได้รึเปล่า หรือหากคิดว่าความสามารถยังไม่ดีพอ
ทำไมไม่พยายามพัฒนาตัวเอง ไม่มีใครเก่งมาแต่อ้อนแต่ออก พรสวรรค์มีแค่ 10% แต่พรแสวงหรือความมานะ
วิริยะ 90% จะทำให้ไปได้ไกล
นิสิตมักจะชอบฟังเวลาที่เราเล่าเรื่องการได้รับทุน
การใช้ชีวิตเมืองนอก พวกเค้ามักจะตาโตและคิดว่าเราเก่ง
เรามักจะบอกเสมอว่ามันไม่ใช่ความเก่ง
แต่มันคือความกล้าปนบ้าบิ่นในการสมัครทุนนั้นๆแม้จะดูว่ามีการแข่งขันสูง
ความกล้าและการมองโลกในแง่ดี มองทุกอย่างให้เป็นประสบการณ์หนึ่งของชีวิต
ทำให้เราพร้อมที่จะสมัครทุนต่างๆเมื่อเห็นคุณสมบัติของตนเองพอจะมี
(หรือหากไม่มีแต่พอใกล้เคียงก็พยายามสุดฤทธิ์ที่จะเขียนให้เข้าข่าย 55) อีกอย่างหนึ่งคือต้องทำกิจกรรมนอกชั้นเรียนโดยเฉพาะในเชิงจิตอาสา
เพราะการทำงานบำเพ็ญประโยชน์มันทำให้เรามองถึงการสร้างความสุขให้ผู้อื่น
ละทิ้งตัวตนรวมถึงการคิดถึงแต่ตัวตน มันทำให้ทัศนคติเวลาที่เราสอบสัมภาษณ์ออกมาดีเพราะความมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำและทำให้คุณสมบัติคนทำแตกต่างจากคนที่เก่งทางวิชาการเพียงด้านเดียว
ในใบสมัครทุน Global Undergrad ก็มีให้กรอกเรื่องการทำงานอาสาสมัคร (น่าน...ไง)
เราพบว่าการแข่งขันทุนไม่ได้แข่งกับผู้อื่น มันคือการแข่งกับตัวเอง profile
แต่ละคนมีคุณสมบัติหรือสิ่งที่นำเสนอต่างกัน
แล้วแต่ว่าแต่ละคนเขียนถึงตัวเองในแง่ไหน
แต่คุณสมบัติไหนล่ะที่จะถูกใจกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
คำกล่าวที่ว่า “ชีวิตคือการแข่งขัน” คงจะจริง
แต่สำหรับเรามันจริงยิ่งกว่าในแง่ที่ว่า “ชีวิตคือการแข่งขันกับตัวเอง”
แข่งเพื่อที่จะทำให้ชีวิตดีกว่าเก่า เป็นชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย ทำความดีเมื่อมีโอกาสและได้แบ่งปันความสุขให้คนอื่นด้วย
นี่คือสิ่งที่เราพยายามยึดเป็นหลักปฎิบัติ อายุที่มากขึ้นอีก 1
ปี
ควรมีโอกาสสร้างสิ่งดีๆให้สังคม เริ่มจากสังคมเล็กๆในมหาลัย การให้กำลังนิสิต
“ทำดีได้ง่าย สบายจัง”
หนูต้องขอบคุณอาจารย์มากๆ เลยนะค่ะ ที่เป็นกำลังใจและผลักดัน
ตอบลบหนูให้ก้าวมาถึงขั้นนี้ได้ ถ้าไม่มีอาจารย์หนูก็ยังคงเฉื่อยๆๆ เรียนอย่างเดียวไปเรื่อยๆ ไม่ได้พัฒนาตัวเองเหมือนวันนี้ ....อีกอย่างที่หนูอยากจะบอกอาจารย์ ...หนูขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ทำตามความตั้งใจที่จะให้..ให้ประสบการณ์ ให้แรงผลักดัน ให้หลายสิ่งหลายอย่าง แก่นิสิตของอาจารย์ต่อไป สู้ๆค่ะ สุดท้าย..ขออำนาจคุณพระศีรัตนตรัยจงดลบันดาลให้อาจารย์ปรสบแต่ความสุข สุขภาพแข็งแรง ...my idol
-----------(ความคิดเห็นอรจาก FB)
มาตอบให้ เค้าคลิ๊ก Like เพราะเค้าเห็นถึงประโยชน์ในสิ่งที่นกโพส หรือขอบคุณที่มาบอกกัน ถึงจะสมัครหรืไม่สมัคร มันเป็นการตอบสนองให้รับรู้ว่า เค้าได้อ่านแล้ว และเห็นค่าในสิ่งที่เราโพสไป แม้เค้าจะไม่ได้สมัครก็ตามที กรุณาอย่าเข้าใจว่า Like แปลว่า "ชอบ" อย่างเดียวตามความหมายทางภาษา แต่ Like ใน FB มันมีหลากหลายความหมายนัก เป็นได้แม้กระทั่งการให้กำลังใจแก่เจ้า่ของรูป เก็ทปะคุณครู
ตอบลบปล. เมื่อใจเราอยู่ในความดี การทำความดีไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายเลย มันจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ