บางครั้งกิจกรรมดีๆที่อยากทำก็มักมาให้เลือกพร้อมกัน คนสองจิตสองใจอย่างเราเลยต้องคิดหนักเมื่อต้องเลือกระหว่างงาน IMT-GT Carnival ซึ่งปีนี้จัดที่มหาลัยในมาเลเซียถึง 3 แห่ง กับโครงการ Art for All ศิลป์ สร้างสรรค์ สันติสุข ณ เขื่อนรัชชประภา สุราษฎร์ฯ 2 งานนี้จัดระยะเวลาเดียวกันคือ 1-5 ธค. 55
ติ๊กต่อกๆ จะไปไหนดีน๊า จะเด็ดดอกไม้ที่สวนหน้าคณะมนุษย์ฯเพื่อช่วยการตัดสินใจก็คงถูกคณบดีตีมือ ฐานทำลายความงามของสวน งั้นเราขอเลือกโครงการ Art for All ดีกว่า ประสบการณ์นี้เรายังไม่เคยทำมาก่อน คาดว่าน่าจะมีอะไรให้เราเรียนรู้เพียบ แถมยังได้ทำความดีรับวันพ่ออีกด้วย นับเหตุผลดีๆได้หลายข้อ ว่าแล้วก็รีบชวนนิสิตเอกสังคมศึกษา ศึกษาฯ ปี 2 ซึ่งเราเคยสอนวิชาอังกฤษ 3 ให้ไปด้วยกัน ในที่สุดก็ได้มา 12 คน กรอกใบสมัครพร้อม แจ้งนิสิตให้หาข้อมูลเกี่ยวกับค่ายจากเว็บไซต์เพื่อรู้เขารู้เรา จะได้พอเข้าใจลักษณะงาน พวกเรา ( กาน ลิฟท์ เมย์ เมย์ สาว ณี ไฟท์ เฟิร์ส ฮัน บิ๋ม ขิง & เรา)ก็พร้อมแพ็คกระเป๋าออกเดินทาง
เสาร์ที่ 1/12/55
ว๋าย…ฝนฟ้าก็ช่างไม่เป็นใจ ทั้งฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ฝนตกหนัก น้ำท่วมมหาลัย สับสนอลหม่าน ฤกษ์(ไม่)งาม ยามไม่ดีซะแล้วแฮะ แต่ว่าง่วงจัง ไม่ขอคิดอะไรมาก ขึ้นรถได้ก็นั่งหลับไปตลอดทาง และอย่าให้ได้แวะปั๊ม ต้องหาอะไรเข้าปาก (ตื่นเป็นหลับ ขยับเป็น … กินตลอดแฮะเรา )
ขอบคุณพี่ๆคนขับที่ทำให้การเดินทางราบรื่น ทั้งๆที่เราแอบหวั่นๆ เกรงว่าแก๊งค์พวกเราจะเป็นตัวอย่างการหลับที่ไม่ดี ทำให้พี่ๆอยากหลับตามไปด้วย
เย้…ในที่สุดก็มาถึงค่ายโดยปลอดภัย มาก่อนเวลา 30 นาที ทีมสันทนาการของค่ายเริ่มกิจกรรมละลายพฤติกรรมให้อาสาสมัครทำความรู้จัก กัน และเรียนรู้งานค่ายจากคลิปวิดีโอครั้งก่อนๆ เพื่อให้พวกเราเข้าใจคร่าวๆว่าเราจะเจอกับเหตุการณ์อะไรบ้างในวันงาน พวกเราได้รับแจกเสื้อโลโก้ Art for All คนละ 3 ตัว! เสื้อผ้าที่ทั้งยัดทั้งอัดมาเต็มกระเป๋า แถมคิดอย่างหนักว่าจะเอาชุดอะไรมาใส่เพื่อทำงาน ได้คำตอบแล้ว!
วัคซีนชีวิต
อาสาสมัครได้ฟังบรรยายจาก ศ.ดร.ชาญณรงค์ ถึงประวัติความเป็นมาของโครงการ และการให้วัคซีนที่จำเป็นกับชีวิตมนุษย์ นั่นคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองจากการเรียนรู้สังคม และผู้อื่น มักมีคำกล่าวในค่ายเสมอๆว่า “อย่าคิดว่าเรามาเป็นผู้ให้ ให้สังเกตความรู้สึกตัวเองตอนวันสุดท้ายว่ามาครั้งนี้เราได้ให้หรือเราได้ รับ” งานอาสาเป็นงานที่ใช้แรงกาย สิ่งที่ได้รับคือแรงใจดีๆเก็บกลับบ้านเพื่อเอาไปเป็นวัคซีนชีวิต ในวันที่ท้อแท้ ผิดหวัง การได้มาร่วมค่าย มาเห็นชีวิต
ผู้พิการทั้งตาบอด หูหนวก ร่างกายไม่สมประกอบ ออทิสติก และน้องร่างกายปกติ มาอยู่ร่วมกัน ภายใต้ “ห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่” (เขื่อนรัชชประภา สุราษฎร์) โดยมีศิลปะหลากหลายบำบัด ย่อมทำให้น้องๆพวกนี้และพี่ๆอาสาได้ก้าวข้ามความคิดและก้าวผ่านอคติไปด้วยกัน พี่ๆอาสาสมัครซึ่งอาจเคยมองน้องๆคนพิการในแง่เป็นผู้ต้องการความช่วย เหลือและเป็นภาระสังคม เมื่อได้มาเจอน้องๆพวกนี้ ส่วนใหญ่เปลี่ยนความคิดในแง่ลบกันทั้งนั้น เพราะน้องๆเหล่านี้ล้วนมีความสามารถและพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ เช่น น้องที่ตาบอด ร้องเพลงไพเราะมาก และระเบียบวินัยสูง อ.ชาญณรงค์เล่าให้ฟังว่า เมื่อน้องๆได้รับมอบหมายให้สวมเสื้อตามสีแต่ละวัน น้องแต่งตัวได้ตามนั้นจริงๆ ส่วนคนตาปกติใส่เสื้อผ้าสีผิดๆถูกๆ หรือคนปกติมาสาย แต่น้องๆเหล่านี้ล้วนมาตรงเวลา และไม่มีของหาย เพราะตั้งของเป็นที่เป็นทางเพื่อช่วยการจำ (เอ่อ…เราเริ่มร้อนตัววาบๆ อิๆ ของหาย หาไม่เจอเป็นประจำ) น้องๆปัญญาหรือน้องออทิสติก พลังดี ไม่มีตก วิ่งได้ทั้งวัน และร่าเริงทั้งวัน การไม่คิดอะไรมากของน้องๆพวกนี้ก็ดีแฮะ ในแง่นึงก็เป็นความตรงไปตรงมา คิดอะไรทำอย่างนั้น มีน้องคนนึงในกลุ่มกานซึ่งค่อนข้างไฮเปอร์ พี่ๆต้องคอยวิ่งจับตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นน้องที่เราจำได้ดี เหตุการณ์มีอยู่ว่า
“อาจารย์ ระวัง!!”
(ระหว่างที่เหลียวซ้ายแลขวาว่าให้ระวังอะไรล่ะเนี่ย)
“ ว๊าย! ขวดน้ำลอยมาตกใกล้ๆตัว”
เอาเข้าแล้วไง น้องคนนี้กำลังออกฤทธิ์ขว้างของใกล้ตัว ดีนะเนี่ยที่เราไม่ได้หัวปูดๆเป็นของที่ระลึกจากค่าย
-----continued part II ---------
กลับบ้านไปจกเสื้อจากนกซักตัวดีกว่า
ตอบลบอยากได้รูปตอนไปค่ายจัง คิดถึงบรรยากาศตอนนั้นมาก
ตอบลบ