วันอังคารที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560

9 days in Japan แดนซากุระ






มีคำกล่าวไว้ว่า 3 สิ่งที่สูญเสียไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับมาได้ เวลา คำพูด และโอกาส
หากพูดถึงชีวิตของคนเรา มีโอกาสอยู่มากมายนัก ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะ “หยิบฉวย” โอกาสนั้นให้เป็นของคุณหรือไม่ เช่นเดียวกันในชีวิตของฉันนับว่ามีโอกาสไม่น้อยที่ผ่านเข้ามา แต่บางโอกาสฉันก็เลือกที่จะปล่อยมันไป และกลับเสียใจในภายหลังอยู่บ่อยครั้ง
แต่ไม่ใช่กับโอกาสครั้งนี้ ที่ฉันใช้ความสามารถและความพยายามมากที่สุดเพื่อ “คว้า”โอกาส นั้นมา
ฉันเป็นหนึ่งในผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนระหว่างประเทศญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก JENESYS2016: Economics ,Small and Medium Enterprises Batch 6 โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเยาวชน
พร้อมกับประเทศอื่นๆในกลุ่มประเทศอาเซียน อินเดียและติมอร์-เลสเต ณ ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 29 มกราคม ถึง 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 (9 วัน)เพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมม ระหว่างประเทศ ซึ่งมีการริเริ่มโดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และดำเนินการโดยกระทรวงต่างประเทศของประเทศญี่ปุ่น

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นทางประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดกลุ่มผู้เข้าร่วมจากประเทศไทยมีกลุ่มนักศึกษา 12 คน และกลุ่มบุคคลทั่วไป 11 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มตามเมืองต่างๆ และฉันได้เดินทางไปโตเกียว (Tokyo) โอซาก้า (Osaka) และเกียวโต (Kyoto)


Jenesysy 2016 ประกอบไปด้วยกิจกรรมมากมายที่มีประโยชน์และสามารถนำมาปรับใช้ได้ เช่น การปฐมนิเทศ การฟังบรรยายในหัวข้อ เศรษฐกิจ การเมือง สังคม ประวัติศาสตร์ และกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น การเยี่ยมชมพิพิฒภัณฑ์ โรงงาน บริษัททั้งในเมืองและในท้องถิ่น การสำรวจศูนย์เทคโนโลยีต่างๆ การพูดคุยเจรจากับเจ้าของบริษัท ผู้จัดการ หรือเจ้าหน้าที่ การและเปลี่ยนความรู้กับชาวบ้านในชุมชน การเรียนรู้ประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การเยี่ยมชมวัด สถาปัตยกรรมโบราณ ทานอาหารญี่ปุ่น สวมใส่ชุดยูคาตะและกิโมโน พักผ่อนในบ้านสไตล์ญี่ปุ่นเดิม


ท้ายที่สุดจะมีการรวมรวมข้อมูลและความรู้ที่ได้รับ จัดทำเป็นรูปแบบของรายงานและการนำเสนอเชิงวิชาการสู่สถานทูตญี่ปุ่น รวมไปถึงงานเลี้ยงในค่ำคืนก่อนลาจากผ่านธีมของการแต่งกายนานาชาติ ซึ่งนับเป็นการส่งท้ายโครงการได้อย่างน่าประทับใจ

ประเทศญี่ปุ่นในความคิดของฉันจัดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศที่มีระเบียบวินัยในทุกด้าน ไม่ว่างจะเป็นความสะอาดของบ้านเมืองที่ไม่มีขยะตกพื้นแม้สักชิ้นเดียว การคมนาคมที่เป็นระบบ ปราศจากการขับรถเร็ว หรือการฝ่าไฟแดง ซึ่งเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนน การยืนบนบันไดเลื่อนแล้วชิดซ้ายหากไม่รีบร้อน อีกทั้งคนญี่ปุ่นไม่ว่าเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนมีมารยาท รู้จักกาลเทศะ มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ และให้เกียรติทุกๆคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว รวมไปถึงไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือรำคาญใจ เช่น ไม่พูดคุยกับคนรอบข้าง ไม่คุยและปิดเสียงโทรศัพท์ขณะอยู่บนรถเมล์ รถไฟสาธารณะ

ฉันได้ค้นพบว่า เพราะประชากรทุกคนในประเทศปฏิบัติตามกฎระเบียบของสังคมอย่างเคร่งครัด นับเป็นปัจจัยสำคัญหรือเปรียบเสมือนหัวใจหลักที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นก้าวหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประเทศชั้นนำของโลก

การเดินทางคนเดียวเพื่อไปพบเจอคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันมาก่อนครั้งนี้ นับเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งในชีวิตของฉัน เพราะได้สร้างสายใยแห่งมิตรภาพกับนักเดินทางชาวไทย และชาวต่างชาติอีกหลายประเทศที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากความรู้ที่ได้รับผ่านการเดินทางไปสัมผัสด้วยตัวของเราเองแล้ว มิตรภาพคือสิ่งที่มีคุณค่าที่ไม่มีวันจะจางหายไปตามกาลเวลา
----------------------
นางสาวณฐินี กศบ.ภาษาอังกฤษ ปี 4