วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เรื่องเล่าจากบัณฑิตหมาดๆ: ที่คิดว่าตัวเองหน้าตาดี + ตลกสุดในชั้นปี






สวัสดีครับ ผมชื่อนาย ภูวิศ พลรงค์ นิสิตคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ชื่อเล่นโย เพื่อน ชอบเรียน โยคนหล่อ โยคนหล้าตาดี และมักจะสับสนระหว่างหน้าผม กับ ณเดช มาริโอ เมาเร่อ และ เณรคำ

การเข้ามาอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ตอนแรกผมก็ไม่ได้คาดหวังไรมาก เพียงแค่ขอให้มีที่เรียนและเข้าเรียนสาขาวิชาภาษาอังกฤษที่ผมชอบก็พอแล้ว ผมเลยเลือกสอบตรงมาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา

การเรียนที่นี่ในตอนแรก ก็ค่อนข้างกลัวว่าเราจะปรับตัวได้ไหม แต่พอได้สัมผัสจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ยากอะไรมากมายใน ปีที่ 1 เพราะไม่ใช่วิชาเอกล้วน รุ่นพี่บอกว่าให้ตั้งใจเรียนใน ปี 1 เพราะเราจะได้เก็บเกรดไว้เยอะๆ พอเวลาขึ้น ปี 2 เข้าวิชาเอกล้วนๆ เกรดอาจจะลดได้ ผมก็ทำตามที่รุ่นพี่แนะนำ และพอตอนปี 2 3 4 เริ่มเข้าวิชาเอก ก็พยายามประคับประคองเกรดไม่ให้ตกลงมาเยอะ อยากแนะนำให้น้องๆที่เรียน ไม่ควรที่จะโดดเรียนในวิชาที่ไม่ชอบ เพราะ ถ้าเรายิ่งโดดอาจารย์ก็จะไม่ชอบ และยิ่งทำให้คะแนนเก็บต่างๆ ยิ่งลดลง แต่ควรที่จะเข้าเรียน และ พยายามตอบในเวลาตั้งคำถาม ถูกบ้างผิดบ้าง อาจารย์คงไม่ได้เอาไม้มาฟาดหน้าเราเพราะตอบผิด พอถึงเวลาสอบหรืออะไร ก็เอาพอผ่าน พี่คิดว่าน้องคงไม่ติด F แน่นอนถ้าทำอย่างที่พี่แนะนำนะครับ

พี่จะเน้นเรื่องการแบ่งเวลา คือ แบ่งเวลาว่าเรียนเราก็เรียน หรือทำการบ้าน และจะจัดสรรเวลาสำหรับการผ่อนคลายเช่นเล่นเกม ดูหนัง และออกกำลังกาย การแบ่งเวลาในการเรียนนั้นสำคัญมาก เพราะ จะทำให้เราเป็นคนมีระเบียบ น้องๆ ส่วนใหญ่มักเห็นพี่และเพื่อนไปเล่นเกม ณ สำนักคอมพิวเตอร์บ่อยๆ อยากจะขอชี้แจงว่า เวลานั้นพวกพี่ทำการบ้านเสร็จหมดแล้ว จริงจริ๊งงงงงงง

ตอนนี้พี่ทำงานเป็นล่ามและผู้ช่วยครูชาวต่างชาติในโรงเรียนที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นการทำงานที่แตกต่างจากที่ตอนที่พี่ฝึกงานมาก เพราะ ตอนฝึกงานพี่ทำงานโรงแรม งานที่โรงแรมมีความเป็นระเบียบ มีการแบ่งงานการจัดการที่เป๊ะมาก แต่เมื่อกลับมาทำงานแบบนี้ งานจะเป็นในอีกรูปแบบนึงที่ทุกคนอาจจะมีหน้าที่มากกว่า 1 อย่างเพราะโรงเรียนคงไม่ได้มีเงินเยอะมากมายที่จะจ้างคนมาทำหน้าที่นั้นๆ มันจึงทำให้เรารู้ว่า 

ไม่มีงานไหนดีที่สุด แต่ควรเลือกงานที่เราทำแล้วมีความสุข เมื่อเรามีความสุข มันอาจจะเหนื่อยนะ แต่เราจะไม่ทุกข์กับความเหนื่อยนั้นเลย ในอนาคตพี่ก็อยากที่จะลองงานอื่นต่อไปอีก อาจจะเป็นด้านการท่องเที่ยว เพราะจังหวัดบ้านเกิดพี่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวแต่ก็คงเป็นเรื่องของอนาคต

ในการทำงานอย่ากลัวที่จะทำผิดพลาดครับ จงวิ่งเข้าหามัน มันอาจจะถูกบ้างผิดบ้าง แต่นั้นแหละครับ มันทำให้เราได้เรียนรู้ ได้มีประสบการณ์ คนเราเรียนรู้จากความผิดพลาด มากกว่า การทำถูกครับ 
น้องๆคนไหนที่จะไม่รู้ว่าตัวเองชอบงานอะไร ก็ควรลองทำงานนั้นๆดู พี่คิดว่า 

เราจะรู้ได้ว่าเราชอบงานอะไรก็คงเกิดจากการลงมือทำ มากกว่าคิดไปเองว่าเราชอบงานโอเค 

เอาง่ายๆ คืออย่ามโนว่าชอบ ให้ลงมือทำจะดีกว่า และอย่ามองว่ามันเสียเวลา เพราะถ้ามองว่าเราเสียมันก็เสีย แต่ถ้าเรามองว่าเราได้ เราได้ประสบการณ์ครับ

สำหรับผมการเรียนที่นี่ให้อะไรผมหลายๆอย่าง ทั้งเพื่อนที่ดีและไม่ดี มันทำให้ผมเรียนรู้โลกมากยิ่งขึ้น การได้ใช้ชีวิตไกลจากครอบครัวทำให้ผมรู้ว่า เราต้องรู้จักบังคับตัวเอง มีความรับผิดชอบ ทำอะไรก็ควรนึกถึงพ่อ แม่ หรือว่า คนที่อยู่ข้างหลังไว้มากๆ 4 ปีที่ผ่านมามันทำให้พี่โตขึ้นมาก หลังจากนั้นมันคงเป็นการทำงาน ที่จะทำให้เราโตขึ้น

อยากฝากน้องว่า วิชาต่างๆ ที่เรียนนั้นมันสามารถเอามาใช้ได้จริงในการทำงาน เพื่อจะได้เอาความรู้มาใช้ในการทำงานได้มากที่สุด อย่าให้เขาว่าเราได้ว่า เรียนเอกภาษาอังกฤษได้แค่นี้หรอมันคงจะเจ็บปวดน่าดูถ้าได้ยิน 



ชีวิตการทำงานกับการเรียนมันต่างกันครับ มีอุปสรรคอะไรก็อย่าท้อ ยิ้มเข้าไว้ และมองโลกในแง่ดีไว้ สำหรับพี่ การมองโลกในแง่ดีช่วยพี่ได้มากจริงๆ พี่เป็นคนตลก ใจดี หน้าตาดี(?) เพราะพี่เป็นคนมองโลกในแง่ดี ขอให้น้องสู้ๆ และหวังว่าสิ่งที่พี่ได้พูดไปน้องคงเอาไปปรับใช้ครับการใช้ชีวิตของน้องๆ ไม่มากก็น้อยครับ จาก ชายที่หน้าตาดีที่สุด(ในโลกส่วนตัว)ของเอกอิ้ง




วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เรื่องเล่าจาก Miss Queen Young ICT 2016d, 2nd runner up


ไม่ได้มาเล่นๆแต่มาเป็นกองสันฯ: 





สวัสดีครับ ชื่อ นาย สุทธิพงษ์ ชื่อเล่น ดิว เป็นคนจังหวัด กระบี่ จบจาก โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล ปัจจุบัน กำลังศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาจีน ชั้นปีที่ 2
เวลามักจะผ่านไปรวดเร็วเสมอ กับการที่ได้สัมผัสการเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิณ และปรับตัวเป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ จากที่ผมเองเป็นนักเรียนกลายเป็นนิสิตอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นการเรียน
การใช้ชีวิต จากที่บ้าน จากครอบครัวมาตามล่าหาความฝัน
ซึ่งตอนแรกผมยอมรับเลยว่ายังไม่ชิน ผมสอบติดที่มหาวิทยาลัยทักษิณในรอบ Admission ในวันสอบสัมภาษณ์ เป็นวันที่ผมเดินทางมาสอบสัมภาษณ์แค่คนเดียว ไม่มีเพื่อนมาติดที่นี่ด้วยกัน จึงทำให้ผมกังวัลว่า จะเจอเพื่อนใหม่ที่ดีบ้างหรือเปล่า ? แต่พอเปิดเทอมแล้วเราก็เข้ากับเพื่อนใหม่ได้อย่างไม่มีปัญหา คอยช่วยเหลือกัน ช่วยกันขยันเรียน มีน้ำใจ ความกังวลเหล่านั้น ก็ลดลง
สำหรับสาขาวิชาภาษาจีนนั้นค่อนข้างยาก และท้าทายกันเลยทีเดียว แตกต่างจากที่ผมเรียนที่โรงเรียนมาก เพราะคำศัพท์ และเนื้อหาที่มากและยากขึ้นนั่นเอง มีคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ และอาจารย์จากประเทศจีน คอยให้คำปรึกษาต่างๆ รวมถึงวิธีการเรียนการสอนต่างๆ ที่ทำให้ผมเก่งภาษาจีนและชอบภาษาจีนมากขึ้น
สำหรับการเป็น Freshy 58 คงจะหนีไม่พ้นในเรื่อง ทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมรับน้องคณะ กิจกรรม Freshy มหาวิทยาลัย และกีฬาภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ เป็นการละลายพฤติกรรมให้เข้ากับสังคมได้ดี สอนให้ผมได้รู้จัก กล้าแสดงออก มีความมั่นใจในตัวเอง สอนให้มีวินัยและมีความรับผิดชอบ และรู้จักแก้ไขปัญหาต่างๆ ในการทำงานในอนาคตของเราอีกด้วย




กิจกรรมในมหาวิทยาลัย เป็นกองสันทนาการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้รับตำแหน่งเป็น Miss Queen รองชนะเลิศอันดับ 2 ในการประกวด The Young Green ICT Contest 2016 ของสำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ได้เข้าร่วมกิจกรรมงานวัฒนธรรมจีน ซึ่งจัดในทุกๆ ปีของสาขาวิชาภาษาจีน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

นอกจากนั้นยังเป็นอาสาสมัครช่วยสอนการบ้าน อ่านหนังสือ และเล่นกับเด็กๆ ที่บ้านเด็กโสสะ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

สุดท้ายนี้พี่อยากฝากน้องๆ ที่จะเข้ามาศึกษาที่มหาวิทยาลัยทักษิณว่า ที่นี่เป็นบ้านหลังที่สองที่สอนให้น้องรู้จักการใช้ชีวิตต่างๆ สอนการแบ่งเวลาว่า เวลาไหนเรียน เวลาไหนกิจกรรม ทำกิจกรรมได้แต่ไม่ควรทิ้งเรื่องการเรียน เพราะความรู้ที่เราเรียนนั้น จะติดตัวจนถึงการทำงานของน้องๆ นะครับ

" 努力在哪儿,成功在那 " ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่นั่น ฝากไว้ด้วยนะครับน้องๆ ทุกๆ คน

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ความสุขในรั้วมหาวิทยาลัย: ชีวิตปี 2



      


สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ นางสาวจิรารัตน์ รักษ์จำรูญ ชื่อเล่น หมิว จากพัทลุง กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 3  สำหรับสาขาวิชาภาษาอังกฤษที่ดิฉันได้ศึกษาอยู่นั้น มีอาจารย์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และทักษะการสอนที่ช่วยให้นิสิตเข้าใจ และสามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของนิสิตทั้งในด้านการฟัง พูด อ่าน และเขียน ในขณะที่เรียนนิสิตจะได้แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ และเมื่อมีข้อสงสัยหรือสิ่งที่สนใจเพิ่มเติมก็สามารถถามอาจารย์ผู้สอนได้ตลอด เพราะอาจารย์ทุกท่านพร้อมที่จะตอบคำถามของนิสิตเสมอ และนอกจากทักษะทางการสอนแล้ว อาจารย์ทุกท่านยังเอาใจใส่ คอยช่วยเหลือ และให้คำแนะนำแก่นิสิตทุกคนเป็นอย่างดีแม้จะไม่ใช่อาจารย์ที่ปรึกษาก็ตาม ด้วยเหตุนี้ดิฉันจึงไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อต้องห่างบ้านมาเรียนที่นี่




          นอกจากนี้สิ่งที่ดิฉันได้รับจากรั้วมหาวิทยาลัยนอกเหนือจากความรู้แล้ว ดิฉันยังได้ทำกิจกรรมมากมายทั้งกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ของคณะและสาขา ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมรับน้อง กิจกรรมสร้างเสริมระเบียบวินัย กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม และกิจกรรมอาสาสมัครต่างๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ฉันชอบมากที่สุด เพราะฉันคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในการทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่สังคม


        และสิ่งสำคัญที่ฉันได้รับจากรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือ คำกล่าวที่หลายคนบอกไว้ว่าการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยมันโหดร้าย เพื่อนดีๆก็หายากนั้นมันไม่จริง เพราะฉันได้ ได้เรียนกับอาจารย์ที่มีทั้งความรู้ ความเมตตา ได้ประสบการณ์ที่มีค่าจากการทำกิจกรรม และเพื่อนๆที่คอยช่วยเหลือและดีกับฉันตลอดมา เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน 

 และนี่คือเหตุผลที่ฉันรัก และดีใจที่ได้เลือกมาอยู่ที่นี่ ณ รั้วเทา-ฟ้า มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยเล็กๆ แต่ความสุขไม่เล็ก


-----------------------------------

Here I am where I belong





สวัสดีครับ ผมชื่อ นาย คณากร  ชื่อเล่น กร จากยะลา กำลังศึกษาอยู่ที่ คณะ มนุษย์ศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เอกวิชา ภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่2

แม้มันจะผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า1ปีเต็ม นับตั้งแต่วันแรกที่ผมได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรั้วมหาลัยฟ้า-เทาแห่งนี้แต่ก็ยังคงจำความรู้สึกทั้งหมดได้ดี ผมเชื่อว่าใครหลายๆคนคงรู้สึกตื่นเต้นกันไม่น้อยกับก้าวแรกของการเป็นนิสิต-นักศึกษา ผมก็เช่นกัน ทุกๆสิ่ง ทุกอย่างๆดูแปลกหูแปลกตาไปหมด ผมรู้สึกกังวลกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยอย่างมาก ทั้งเรื่องการเรียน สังคม อาหารการกินและการปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ๆ แต่หลังจากวันแรกที่ผมได้เจอ คณะอาจารย์ รุ่นพี่ เพื่อนๆ มันทำให้ผมได้รู้ว่าทุกอย่างไม่ยากอย่างที่คิด ผมรู้สึกเหมือนหนูตกถังข้าวสาร ทุกๆอย่างมันดีไปหมด

มหาลัยมีสวัสดิการต่างๆคอยอำนวยความสะดวกในการเรียน การใช้ชีวิต ผมแทบไม่ต้องออกจากม. เพื่อไปหาอะไรต่างๆ  อาจารย์ทุกๆท่านก็มีเทคนิคการสอนที่ผมไม่คิดว่ามีโอกาสได้พบเจอ เนื้อหาหรือบทเรียนหลายๆอย่างที่ผมเคยใช้เวลาศึกษาด้วยตัวเองเป็นเดือนๆแล้วไม่เข้าใจ อาจารย์สามารถทำให้ผมเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งภายในระยะเวลาไม่กี่ชม. อีกทั้งอาจารย์ยังคอยหากิจกรรมนอกชั้นเรียนต่างๆมากมายให้ผมได้ลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำให้ผมได้เข้าใจความหมายของคำว่าจิตอาสา แถมยังมีโอกาสได้ฝึกใช้ภาษากับชาวต่างชาติและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน รุ่นพี่ก็คอยให้คำปรึกษา คอยช่วยเหลือและชี้แนะในเรื่องต่างๆมากมาย เพื่อนก็เป็นกันเองมาก ผมรู้สึกอบอุ่นมากในทุกวินาทีที่ผมอยู่ในรั้วมหาลัยแห่งนี้ จะว่าเป็นบ้านหลังที่2ของผมก็คงไม่ผิด





ในชีวิตของคนเราคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ค้นพบความหมายของคำว่าความสุข ได้รู้ว่าเราจะนำความรู้ที่เรียนตรงนี้ ไปใช้ทำอะไรเพื่อใคร สำหรับผมแล้วทุกๆวินาทีใต้ธงฟ้า-เทาแห่งนี้ คือช่วงเวลาที่ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่า “ Here I am where I belong”


-------------------------------------------

ปี 1 บันไดขั้นแรก










สวัสดีครับ ผมชื่อนายจิรวัฒน์ ชื่อเล่น เบนซ์ จากจังหวัดพัทลุง กำลังศึกษาอยู่ที่คณะมนุษยศาสตร์เเละสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 2  ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2558 ผมเพิ่งจะจบม.6 มาใหม่ๆและได้ยื่นคะแนนแอดมิชชั่นเข้ามาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเเห่งนี้ ในวันสอบสัมภาษณ์เป็นวันที่ผมได้พบเจอพี่ๆเเละเพื่อนๆเป็นครั้งเเรก แต่เนื่องจากผมไม่ค่อยเจอเพื่อนผู้ชายจึงแอบกังวลว่าจะอยู่ได้รึปล่าว เเต่เมื่อเปิดเทอมผมก็ได้พบเจอเพื่อนมากขึ้น ความกังวลต่างๆก็ลดลง

สำหรับสาขาภาษาอังกฤษนั้นก็เต็มไปด้วยคณาจารย์ที่มีความรู้และประสบการณ์สูงทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก สำหรับปี1 ผมได้เรียนวิชาเอก 3วิชาด้วยกันได้เเก่ Vocabulary Development, Reading Principles และ Grammar ซึ่งทั้งสามวิชานี้ก็ได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของผมได้เป็นอย่างดี  ขึ้นชื่อว่าเด็กปี 1 คงหนีไม่พ้นกิจกรรมรับน้องเเละกีฬาต่างๆอย่างแน่นอน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ก็จะมีมาเรื่อยๆเป็นการละลายพฤติกรรมนิสิตและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคม ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่เหนื่อยมากแต่ก็สนุกมากเช่นกัน หากมีเวลาว่างผมก็จะไปร่วมกิจกรรมอาสาสมัครกับชาวต่างชาติทำให้ผมมีความกล้าในการใช้ภาษามากขึ้นและเป็นการเเลกเปลี่ยนความคิดทัศนคติที่ดีอีกทางหนึ่ง



ชีวิตนิสิตนั้นแตกต่างกับชีวิตเด็กมัธยมโดยสิ้นเชิงไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนที่มีเนื้อหายากขึ้นและไหนจะกิจกรรมต่างๆที่เข้ามาอีก ซึ่งผมต้องให้เวลาปรับตัวอยู่สักพักใหญ่และผมได้ค้นพบว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราเรียนไปด้วยเเละทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่นั้นก็คือการรู้จักแบ่งเวลาให้เหมาะสมและการสร้างวินัยให้กับตนเองเพราะเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ดังนั้นจะไม่มีใครปลุกเรา ซักผ้าให้เรา กวาดห้องให้เราหรือเเม้เเต่จ้ำจี้จ้ำไชให้เราอ่านหนังสือ ดังนั้นเราจึงต้องดูเเลตัวเองเป็นหลัก






ชีวิตการเป็นนิสิตตลอด 1ปี ที่ผ่านมาให้อะไรกับผมมากมาย ทั้งด้านความรู้ต่างๆ ประสบการณ์การใช้ชีวิตและยังเปรียบเหมือนบันไดขั้นเเรกของการเติบโตขึ้นสู่วัยผู้ใหญ่อีกขั้นหนึ่ง

---------------------------------------------------