วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Challenging experience @ Singha English Challenge






กระผมและผองเพื่อนได้เข้าร่วมโครงการนี้เป็นปีที่สองก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าปีที่แล้วได้มีโอกาสเข้าร่วมแค่ระดับภาคใต้ ซึ่งไม่คิดว่าได้รับคะแนนรวมจากการทำกิจกรรมต่างๆในช่วงเช้า อยู่ในลำดับที่ 3 จากทีมที่เข้าร่วมประมาณ 50 ทีมจนได้รับรางวัลเก๋ๆจาก Singha Corporation แต่ที่เซอร์ไพรส์กว่านั้นคือ คะแนนที่ได้ในช่วงเช้าไม่มีส่วนในการคัดเลือกเป็น 24 ทีมสุดท้ายสู่ระดับประเทศ ฮ่าๆเพราะการคัดเลือกสู่ระดับประเทศจะคัดเลือกจากคะแนนสอบใบภาคบ่ายจาก British Council ประกาศผลออกมาก็ตกรอบไปตามระเบียบนะครับ แต่ด้วยความพยายามบวกกับความมั่นและไม่ยอมแพ้จึงได้สมัครเข้าร่วมโครงการ Singha English Challenge อีกครั้งในปีนี้ 
ผลปรากฏว่าได้เป็น 1 ใน 24 finalists สู่ระดับประเทศ จำได้ว่าทราบผลว่าได้ผ่านเข้ารอบในวันจันทร์และต้องเดินทางวันศุกร์ และต้องเตรียมผลิตภัณฑ์ OTOP จากสงขลาไปด้วยคนละ 1 อย่าง(งานไฟไหม้ ไฟลนก็มาครับ) พวกเราจึงได้ใช้เวลาเตรียมตัวกันทั้งสัปดาห์ที่เหลือ ถ้าพร้อมแล้ว เรามาออกเดินทางสู่บริษัท Singha Corporation กันครับ




กิจกรรมจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 3 วันสองคืนเต็มๆ เพื่อนๆมาจากหลายมหาวิยาลัย หลากหลายสาขา (ภาษาอังกฤษของเค้าเป๊ะมากครับ ราวกับว่า native speakers มาเอง) โดยกิจกรรมในวันแรกช่วงเช้าจะเป็น workshop โดยทีม Teacher จาก British Council ในหัวข้อ Persuasion and Persuasive Techniques ซึ่งเป็นการเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ในการโน้มน้าวใจผู้อื่นให้ซื้อสินค้าของเรา พูดง่ายๆคือ จะใช้วิธียังไงให้คนมาซื้อของที่เราขายนั่นเอง ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่เราไม่สามารถลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยได้อย่างแน่นอน ไม่คิดว่าเรียนครูภาษาอังกฤษ วันหนึ่งต้องมาขายของ ซึ่งผมได้ความรู้และแนวคิดเยอะมากจากการ workshop ในครั้งนี้ ต่อมาก็จะเป็นกิจกรรม Amazing Race ขอบอกว่าตามชื่อเลยครับ amazing จริงๆ ประกอบกับการวิ่งไปตามฐานต่างๆในบริษัท Singha Corporation ฝ่าเปลวแดดที่อบอุ่นในช่วงเวลา 13:30 – 16:30 ของวันที่ 23 เมษายน โดยจะมีการเข้าฐานต่างๆ ประมาณ 6 ฐาน ซึ่งการจะผ่านด่านในแต่ละฐานเราต้องใช้ทักษะทางภาษาอังกฤษที่ร่ำเรียนกันมาทั้งชีวิตในการเอาตัวรอดกันครับ เรียกได้ว่าใบหน้าอาจารย์หลายๆท่านในสาขาลอยกันมาเลยทีเดียวครับ และปิดท้ายวันแรกด้วย workshop ในหัวข้อ TV Script Writing โดยคุณ Daniel B. Fraser จากรายการ "หลงรักยิ้ม" ทางช่อง ททบ. 5 ซึ่งได้เรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกทำโฆษณาสิ้นค้าแบบในทีวี ว่าทำอย่างไรถึงจะให้ลูกค้าสนใจในสิ้นค้าของเรา และจำโฆษณาของเราได้ และแน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่สามารถลงทะเบียนเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยได้อย่างแน่นอนครับ และยังไม่จบเพียงแค่นั้น เรายังมีการบ้านครับ อ่านไม่ผิดครับ มันคือการบ้านของเราที่ต้องทำความรู้ที่ได้มาทั้งวัน กลับไปทำ presentation สำหรับนำเสนอในวันถัดไป แค่วันแรกก็หมดพลังแล้วครับ ไปพบกับวันที่สองกันครับ


กิจกรรมในวันที่สองของโครงการ Singha English Challenge 2016 เริ่มต้นด้วยกิจกรรมชื่อว่า OTOP or Thailand Famous Product Presentation ซึ่งก็คือการนำเสนอขายสินค้า OTOP โดยใช้ความรู้ที่เรียนมาเมื่อวานและเตรียมตัวเมื่อคืนจนถึงประมาณตีสี่ (ถ้าแม่อยู่ด้วยคงถามว่า กับการเรียนหนูทุ่มเทอย่างนี้มั้ยลูก?”) ก่อนเริ่มก็มีการจับฉลากลำดับการนำเสนอกันครับ เดชะบุญ! พวกเราทีม Reminisce ได้นำเสนอเป็นทีมแรกครับ ณ ตอนนั้นความตื่นเต้นหายไป จะมีก็แต่ความกดดันเข้ามาแทนที่ แต่ก็ทำกันอย่างเต็มที่ครับ และในที่สุดการนำเสนอก็ผ่านไปได้ด้วยดี ส่วนในช่วงบ่ายนั้นก็คือกิจกรรมที่ผมรอคอย นั่นก็คือ workshop ในหัวข้อ Speech Deliverance โดยพี่เอ๋พัชรี รักษาวงษ์ จาก NHK World, ASEAN News, และเป็นPresenter - Southeast Asia Bulletin ไอดอลของผมเองครับคนนี้ โดยได้ทำกิจกรรมในส่วนของการฝึกเป็นผู้ประกาศข่าวภาคภาษาอังกฤษ ได้ฝึกทักษะการอ่านข่าวว่าควรอ่านอย่างไร มองกล้องยังไง และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิค ที่สำคัญเป็นทีมอาสาสมัครขึ้นบนเวทีด้วยนะครับ และหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมนี้ก็เป็นกิจกรรมท้ายสุดของค่ำคืนที่สอง นั่นก็คือกิจกรรม International Night ซึ่งเป็นงานเลี้ยงที่ทุกๆทีมจะแต่งตัวกันมาใน theme ก็คือ International ซึ่งพวกเราก็แต่งก็ไปแบบเรียบร้อย เก๋ๆ ตามแบบฉบับสากล และมีการแสดงจากแต่ละทีมเพื่อสื่อถึงความเป็น international ทีมพวกเราก็ได้แสดงใน theme ที่มีชื่อว่า International Christmas โดยสื่อถึงกิจกรรมวันคริสต์มาสที่ได้จัดขึ้นในหลายๆประเทศทั่วโลก โดยมีเวลาแสดงทีมละ 1 นาทีเท่านั้น (มัน challenge ก็ตรงนี้แหละครับ) และปิดท้ายด้วยการแดนซ์อย่างสนุกสนาน พร้อมกับรับการบ้านชิ้นใหญ่และเป็นชิ้นท้ายสุดสำหรับค่ายนี้ นั่นก็คือ The Challenging Live TV Show


เช้าวันสุดท้ายเริ่มด้วยกิจกรรม The Challenging Live TV Showก็คือการให้จัดรายการทีวีโชว์ขึ้นมาทีมละหนึ่งรายกาที่เกี่ยวข้องกับ ASEAN โดยที่ทีมของผมจับฉลากได้หัวข้อ Game Show โดยต้องจัดเกมโชว์เกี่ยวกับ ASEAN โดยรายการจะออกกากาศในทีวีประเทศอียิปต์ (challenge ตรงที่คนอียิปต์ต้องรู้เรื่อง ASEAN ทำไมนี่แหละครับ) พวกเราจึงใช้เวลาทั้งคืนก่อนจะเช้าอีกวันในการเตรียมการทั้งหมด และออกมาเป็นรายการ King of The Thrill เป็นการเปิดภาพแล้วทายว่าเป็นสถานที่ไหน บุคคลใด อาหารอะไร หรือธนบัตรสกุลเงินใดในประเทศอาเซียน ซึ่งเป็นการนำเสนอแบบ battle กับอีกทีมที่ทำเกมโชว์เช่นเดียวกัน โดยได้รับคำชมจากคณะกรรมการเป็นอย่างมาก และผลคือชนะ battle ในครั้งนี้ด้วยนะครับ (เอ้า ปรบมือ!!) เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกิจกรรมทั้งหมดและจบด้วยพิธีปิดอย่างเป็นทางการ


ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นกิจกรรมคร่าวๆครับ และอยากจะฝากถึงทุกๆคนนะครับว่ากิจกรรม Singha English Challenge ไม่ได้เป็นแค่กิจกรรมการแข่งขันทักษะภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่เป็นการเปิดโลกกว้างแห่งการเรียนรู้ สู่การใช้ภาษาอังกฤษในยุคปัจจุบัน ให้ได้เห็นว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากสำหรับทุกๆคน และทุกสาขาอาชีพ โดยทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนควรมีติดตัว ในฐานะนิสิตวิชาเอกภาษาอังกฤษยิ่งตระหนักไปอีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เกียวข้องกับภาษาอังกฤษที่เรายังไม่รู้ และอยากแนะนำให้ทุกคนที่อยากได้ประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในห้องเรียน ได้สมัครเข้าร่วมกิจกรรม Singha English Challenge ได้ในปีต่อไปนะครับ สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณอาจารย์ทุกๆท่านที่ให้การสนับสนุนพวกเราทีม Reminisce ให้ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ


                                                                                               แบ๊ต ฐิติพงศ์ 

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Enriching experience: Singha English Challenge






วัน เมื่อกี๊พี่ที่ Singha Challenge โทรมาบอกว่าทีมเราผ่านเข้ารอบสุดท้ายเว้ยแกทันทีที่แบ๊ต หนึ่งในสมาชิกทีม reminisce  บอกข่าว ใจฉันก็สั่นรัวไปด้วยความสงสัยว่ามันคือเรื่องจริงหรือเปล่า ฉันทักแชทเฟซแบ๊ตไปอีกรอบว่าเราเข้ารอบจริงๆหรือ แบ๊ตย้ำอีกรอบราวกับใช้ฆ้อนตอกตะปูในใจฉัน ฉันนั่งนับถอยหลัง พวกเรามีเวลาในการเตรียมตัวเพียงแค่ไม่ถึงอาทิตย์ และโจทย์ที่เราได้รับมานั้นมันยากเหลือเกิน แต่พวกเราก็เตรียมงานกันทั้งคืน เพื่อให้ออกมาดีที่สุด นอกจากเรื่องการแข่งแล้ว พวกเรายังคงเป็นห่วงเรื่องงบประมาณอีกด้วย แต่แล้วเปรียบดั่งสววรค์ที่โปรดประทานดลใจให้ทางภาควิชาสาขาภาษาตะวันตกช่วยสนับสนุนเป็นจำนวนหนึ่ง พวกเราทั้งสี่คน รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อไฟในตัวถูกจุดพรึ่บขึ้นทั้งสี่คน กระเป๋าพร้อม ตั๋วเครื่องบินพร้อม เงินพร้อม ใจ(ต้อง)พร้อม พวกเราสี่คน ก็ทะยานขึ้นฟ้า มุ่งสู่เมืองกรุง เดินตามฝันของเรา



                คืนก่อนวันแข่งขัน สิ่งที่พวกเราทำคือ การนั่งเตรียมงานนำเสนอสินค้าโอทอปที่แต่ละคนเตรียมมา ใช้เวลาล่วงเลยเกินไปจนถึงหลังเที่ยงคืน ทั้งๆที่ต่างคนต่างตระหนักว่าต้องตื่นแต่เช้า เพื่อจะไปลงทะเบียนให้ทันแปดโมงเช้า ทุกสคริปของพวกเราในทีม ถูกปรับแต่งให้อยู่ในธีมเดียวกัน เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับทีม เครื่องแต่งกายเราพร้อม สินค้าพร้อม สคริปต์พร้อม ทุกอย่างที่เราวาดฝันมานั้นกำลังไปได้ดี แต่แล้วเมื่อถึงเวลาที่จะต้องนำเสนอ ทีมงานกลับเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง จากที่ต้องนำเสนอสินค้าคนละ1ชิ้น กลายเป็นว่า ทีมละ 1 ชิ้น สคริปถูกเปลี่ยน ทุกอย่างต้องใช้เวลาคิดเพียงแค่ 3 นาที พร้อมกับเวลานำเสนอสินค้า ภายใน 1 นาที เวลานั้นเม็ดเหงื่อของทุกคนผุดตามรูขุมขน แต่เมื่อเรามองไปรอบๆ แล้วนึกย้อนไปตอนที่แต่ละทีมแนะนำตัวเอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพวกความมั่นใจมามาก คาดว่าในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่โตของพวกเขาเหล่านั้นคงเต็มไปด้วยความมั่นใจ reminisce ของพวกเราตัดสินใจสู้ และเมื่อเวลานำเสนอ เราก็ทำออกมาอย่างเต็มที่ยิ้มรับไปกับมันแล้วพร้อมสู้ในภารกิจต่อไป



ช่วงบ่ายของวัน เป็นกิจกรรม walk rally ในแต่ละภารกิจสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทักษะการพูดภาษาอังกฤษ ความเป็นทีมเวิร์ค และความรู้รอบตัว พวกเราทั้งสี่คนพร้อมสู้ในทุกภารกิจจนผ่านมาทั้งได้อย่างง่ายได้ และยากเย็นยิ่งกว่าการนั่งเรียนวิชาวิทย์เทคฯ สมัยปี1ใหม่ๆ เมื่อกิจกรรมจบพวกเราทุกคนมุ่งสู่โรงแรมพร้อมใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นในการนอน แต่ละโชคชะตาก็เล่นตลก สิ่งที่พวกเราได้ประสบในคืนแรกนั้นไม่ใช่การนอนหลับบนเตียงนุ่ม และแอร์เย็นๆ แต่กลับเป็นการเตรียมงานนำเสนอในวันพรุ่งนี้ สินค้าโอทอปอีกแล้วค่ะทุกคน อาจจะฟังเหมือนง่าย แต่ไม่ใช่เลย แต่ละทีมจะต้องสวมบาบาทของการเป็นพนักงานขายระหว่างประเทศ ที่ต้องทำวิจัยทั้งด้านประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมของประเทศที่เราเลือกเพื่อจะนำสินค้าที่มีไปขาย ในเวลาแค่ไม่กี่นาที ค่ำคืนนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ การนั่งนึกถึงคาบเรียนของ อ.ดร.พิธยาธร ทุกอย่างที่อาจารย์พร่ำบอก พร่ำสอน มันตอกย้ำให้เราเห็นชัดแล้วว่า ในโลกของความเป็นจริง การนำเสนองาน ไม่ใช่แค่ยืนสวยๆ แต่เราต้องแบกรับทุกอย่างและถ่ายทอดทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรและตัวเราเองให้ได้มากที่สุด



                และแล้วก็ถึงเวลาของการนำเสนองาน ทีมเราซึ่งเป็นทีมที่พกความดวงดีมาจากดินแดนสองทะเลเป็นทีมแรกที่ต้องนำเสนอ ความรู้สึกตอนนั้น พร้อมหรือไม่พร้อมก็คือต้องพร้อม พวกเราสี่คนเดินเรียงหน้าเข้าห้องเย็นและนำเสนอผลงานในธีมของแอร์ไลน์ โชคช่วยที่คณะกรรมการชอบไอเดียของเรา  เมื่อนำเสนอเสร็จแล้ว เราจึงมีเวลาว่างทั้งวัน แต่แล้วก็ต้องมานั่งเตรียมการแสดงในธีม International night life สิ่งที่พวกเรานำเสนอคือ Christmas ถ้าถามถึงสาเหตุ ตอบได้เลยว่า ไม่รู้จริงๆค่ะ การแสดงจบ งานเลี้ยงจบ แต่ความท้าทายของการแข่งขันนี้ยังไม่จบค่ะ ก่อนนอนทีมงานได้แจ้งโจทย์การตัดสินในรอบสุดท้าย โดยจะต้องจับฉลากชนิดของการแสดง สิ่งที่เราได้คือ game show โดยจะต้องนำเสนอข้อมูลด้าน ประวัติศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ บุคคล และวัฒนธรรมของอาเซียน ในประเทศอียิปต์ เป็นอีกคืนที่พวกเราต้องผ่านมันไปให้ได้ คืนนั้นสมาชิกต่างงัดกลยุทธ์ทุกอย่างออกมา เพราะความยิ่งใหญ่ของการแข่งขันรอบนี้คือเราจะต้องแข่งกับทีมอื่นเพื่อให้ได้คะแนนมา พวกเราพร้อม สื่อพร้อม ข้อมูลพร้อม แต่สิ่งที่ไม่พร้อมคือ ใจ เพราะกังวลว่าเราจะได้แข่งกับใคร

                และแล้วช่วงเวลาของการแข่งขันก็มาถึง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทุกประโยคที่สมาชิกพูดบนเวทีนั้น คิดกันเองสดๆ และมีการซ้อมเพียงแค่ 3 ครั้ง บอกเลยว่าความรู้สึกตอนนั้น wish me luck ค่ะ จังหวะการก้าวเท้าขึ้นเวที ตอนนั้นโยนความกังวลทุกอย่างทิ้งและเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด ทุกวินาทีที่ใช้ไปสมาชิกแต่ละคนใช้อย่างคุ้มค่า และผลที่ออกมาก็เกินคุ้ม คณะกรรมการชื่นชอบ ชมเชยสมาชิกทุกคนในทีม ความรู้สึกตอนนั้นคือโล่งใจมากที่ความตั้งใจของพวกเราทุกคนไม่สูญเปล่า



                สุดท้ายนี้ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในทีม reminisce  อยากจะขอขอบคุณภาควิชาสาขาตะวันตก พี่เบเต้ พี่เมย์ พี่นิว และพี่แคท ที่ดูแลพวกเราและให้คำแนะนำพวกเราเป็นอย่างดี ขอบคุณเพื่อน และกำลังใจจากทุกคน ถึงแม้การแข่งขันครั้งนี้พวกเราจะไม่ได้รางวัลกลับมา แต่พวกเราได้มิตรภาพ ประสบการณ์ และได้เปิดโลกกว้าง ให้พวกเราได้ตระหนักและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้มากขึ้น เพราะประสบการณ์หาซื้อไม่ได้ เราจึงต้องยอมเสี่ยงเพื่อได้ลิ้มรสมันสักครั้ง
                                                                                  
                                                                                            นส.วันนูร์อัสมา 
                                                                                          The Reminisce Team, TSU, Songkhla

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ความทรงจำหน้าร้อน 2 ปีก่อน (เมย. 2014)



ขอบคุณน้องแจ๋ม@Chartlajam Sanga ที่ทำให้ภาพความทรงจำ ของการได้ทำงานที่แหวกแนวสุดในชีวิตช่วงปี 2014 กลับมาอีกครั้ง

ยังเอามาเล่าให้นิสิตฟังจนปัจจุบันว่าครั้งหนึ่งเคยเดินบนพรมแดงที่สยามพารากอน ในงาน Thailand International Film Destination 2014
ปีนั้นการประกวด Thailand Amazing Film Challenge ประกาศหาผู้ประสานงานกองถ่ายหนังต่างประเทศ โดยไม่จำกัดอายุ (ซึ่งจริงๆแล้ว มีแต่วัยนิสิตและคนที่จบใหม่ๆแทบทั้งนั้นที่มาสมัคร 55)
เราดีใจมาก จะได้โอกาสเข้าวงการบันเทิงก็คราวนี้ อีโมติคอน smile ยิ่งรู้ว่าจะได้กระทบไหล่ดารา (ห่างๆ) แบบว่านั่งเป็นส่วนหนึ่งของการมอบรางวัลให้ดาราอินเตอร์ & ดาราไทย ได้เห็นเหล่าดาราที่เคยเห็นแต่ในจอ อย่าง หญิง รฐา พลอย บอย ปกรณ์ ยิ่งหาเวลาเพื่อมาทำงานพิเศษ 10 วัน ณ กทม. & ชัยภูมิ โดยใช้วันลาพักผ่อน
งานนี้เน้นการประสานงานกับสถานที่ และผู้คน รวมทั้งดูแลความเรียบร้อยของกองถ่าย ซึ่งประกอบด้วยผู้กำกับหนุ่มอวบๆจากฟิลิปปินส์ โป๊บ (ศิษย์เอก) และน้องอ๋อ (นางเอก)
ขอแนะนำงาน part-time ชิ้นนี้ไว้สำหรับผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษขั้นสื่อสารระดับดี สนใจอยากเรียนรู้และมีประสบการณ์การทำงานในกองถ่าย คุณจะได้ประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การจัดการปัญหากับคน (โชคดีที่ทีมเรา รักใคร่กลมเกลียว เลยมีแต่เรื่องสนุกกับเรื่องกินอาหารอีสานเป็นหลัก)
ขอบคุณทีมงานบ.ค้างคาวไทย และน้องแจ๊บที่ใจดี ให้โอกาสการทำงานร่วมในครั้งนี้
แถมตอนนี้น้องจ๋อมแจ๋ม (1 ในผู้ประสานงานกองถ่ายติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ก็มาทำงานที่สงขลา ใกล้ๆกัน เราเลยยังได้พูดถึงความทรงจำครั้งนี้กันอยู่)
PS: I can't remember the name of the woman next to me.  She's very nice, a bit quiet & soft-spoken woman who was very taken care of by her mum. 

็Hanoi again: So freezing in Feb.








the International Capacity Building Seminar “Fighting Youth Unemployment with Social Innovation”, Hanoi, Vietnam, 21st – 27th February 2016.


การเข้าค่ายนี้ทำให้ได้เรียนรู้จากเพื่อนๆทั้ง 35 คนจาก 8 ประเทศ ( เปรู โครเอเชีย ไทย เวียดนาม ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย บัลกาเรีย)  แทบทุกคนมีความคิดดีๆมานำเสนอและแลกเปลี่ยนกัน ได้เห็นปัญหาและการแก้ปัญหาของแต่ละประเทศ หลายๆอย่างนำมาปรับใช้กับประเทศ ชุมชนของตนเองได้

หลายๆปัญหาคล้ายกับของไทย เช่น
--การทิ้งขยะไม่เลือกที่ของพลเมืองอินโดนีเซีย (การปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องนี้ของทั้งไทย + อินโดนีเซีย ยังต้องรณรงค์กันอีกเยอะ เพื่อสร้างคุณภาพให้เกิดขึ้นในหมู่เยาวชน)
-- สังคมผู้สูงวัยของโครเอเชีย + ญี่ปุ่น (ประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมสูงวัยในอีกไม่ช้า ทำให้เห็นว่าปัญหานี้กำลังกลายเป็นปัญหาของโลก เมื่อจำนวนผู้สูงวัยเพิ่มอย่างรวดเร็ว ในขณะที่วัยทำงานเริ่มลดลง)
-- ปัญหา teen mum ของไทย ซึ่งหลายๆประเทศรวมทั้งเวียดนาม การทำแท้งเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ในขณะที่ประเทศไทยมุ่งเน้นเรื่องการห้ามท้องก่อนแต่ง เพื่อลดปัญหานี้ แต่ก็ยังไม่ได้ผล ทำให้สถิติจำนวนแม่วัยรุ่นสูงติดอันดับโลก






ค่ายสอนให้ชื่นชมและยอมรับความต่างของแต่ละวัฒนธรรม โดยเฉพาะการจัด Intercultural Evening ที่แต่ละประเทศได้นำเสนอผ่านเกม การแสดง อาหาร รูปภาพ  แต่ละประเทศล้วนมีความสวยงามและวัฒนธรรมที่คนในประเทศภาคภูมิใจ เมื่อได้นำเสนอและได้รับความชื่นชมจากเพื่อนต่างประเทศ ทำให้เกิดความดีใจ+และภาคภูมิใจ



วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เรียนรู้อาหารไทย....สุขใจ จริงจริง











                ตลอดภาคการศึกษาที่ 2/2558  นักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์จำนวน 7 คน ได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมไทยหลากหลายด้านด้วยกัน เช่น การทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติ  การแต่งกายด้วยชุดไทย-รำไทย  และการทำอาหาร  ในด้านการทำอาหารในชั้นเรียนนั้น อาจารย์ผู้สอนจะให้ผู้เรียนมีสิทธิ์เลือกทำอาหารไทยที่อยากรับประทานซึ่งมีทั้งสิ้น 3 รายการ ได้แก่  ส้มตำไทย  ขนมจีนน้ำยากะทิ และข้าวเหนียวมูนมะม่วง
                ส้มตำ เป็นอาหารที่นักศึกษาจีนชอบมาก เพราะมีเครื่องปรุงหลายอย่างและให้รสชาติอร่อย ทุกคนได้ลงมือตำด้วยตนเองคนละครกอย่างสนุกสนาน  ทุกคนทำส้มตำโดยใส่พริกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะว่าคนจีนไม่ชอบทานอาหารรสเผ็ด และไม่นิยมใส่น้ำปลา จะใส่เกลือแทน แต่รสชาติที่ได้ก็อร่อยไม่แพ้การใส่น้ำปลาเลยทีเดียว

                ขนมจีนน้ำยากะทิ  ผู้สอนได้เตรียมเครื่องปรุงมาให้พร้อม จากนั้นจะอธิบายและทำเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาจีนดู ซึ่งนักศึกษาจีนไม่ได้ลงมือทำเหมือนกับการทำส้มตำ แต่นักศึกษาก็เข้าใจ ส่วนที่นักศึกษาจีนได้ลงมือทำคือ การต้มไข่ ปอกไข่ ล้างผัก-จัดผัก และเมื่อปรุงเสร็จทุกคนก็ได้รับประทานขนมจีนร่วมกันอย่างมีความสุข

                ข้าวเหนียวมูนมะม่วงเป็นอาหารหวานที่นักศึกษาจีนชอบมาก และอยากทำเป็นที่สุด แต่ว่าอุปกรณ์ในการทำไม่ค่อยพร้อมเพรียงนัก คือ ไม่มีหม้อหุงข้าวเหนียวโดยเฉพาะ แต่จะใช้หม้อทำสุกี้นึ่งแทน ดังนั้นจึงทำให้ใช้เวลาในการนึ่งข้าวเหนียวเป็นเวลานานแม้ว่าจะแช่ข้าวค้างคืนไว้แล้วก็ตาม แต่สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี คิดว่าจะไม่ได้ทานข้าวเหนียวมูนที่อร่อยแล้วเชียว



                การเรียนรู้วิธีการทำอาหารไทยทั้งสามครั้งนี้ ทำให้นักศึกษาจีนได้มีโอกาสฝึกทำ เห็นแบบอย่างจากผู้สอนและได้ชิมรสชาติอาหารด้วยตนเอง ซึ่งอาหารที่ทำทั้งอาหารคาวและอาหารหวานจะปรับรสชาติให้สอดคล้องกับความต้องการหรือความชอบของพวกเขาเป็นส่วนใหญ่ เช่น ส้มตำหรือน้ำยากะทิก็จะไม่ให้เผ็ดมาก และข้าวเหนียวมูนก็จะไม่ให้มีรสชาติหวานจนเกินไป ซึ่งจะแตกต่างจากรสชาติดั้งเดิมของคนไทยที่นิยมรสชาติที่จัดจ้านมากกว่า  อย่างไรก็ตามแต่ การเรียนรู้อาหารไทยทั้งสามครั้งนี้เป็นสิ่งที่สร้างความรู้ ความสุขและความประทับใจระหว่างผู้สอนและผู้เรียนได้เป็นอย่างดียิ่ง

                                                                                               เล่าเรื่องโดย อ.เอ๋ สมิทธิชา (ผู้สอน) 
----------------------------------------------

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ขอบคุณนักกิจกรรม (เพราะเราคือนักกิจกรรม)








เรื่องมีอยู่ว่า...

วันเสาร์ที่ 23/4/59 เห็นข้อความจาก FB: TSU Society ว่า อ.วิริยะ จากเว็บการศึกษาชื่อดัง www.eduzone.com จะมาพูดให้นิสิตนักกิจกรรมปี 58 ฟังในหัวข้อ "มหาวิทยาลัย มาหาอะไร" ในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ 24/4/59 ที่จะถึง 

ตื่นเต้นๆ

เราส่งข้อความไปบอกอดีตนายกลิฟต์ (นายกองค์การนิสิตปี 57) ว่าเราอยากเข้าฟังด้วย เพราะเคยฟังท่านพูดมาก่อน 2 ครั้งแล้ว แต่ก็ยังติดใจอยากมาฟังอีก

อ้าว ...ลิฟต์กลับชวนให้เป็นผู้เสวนาร่วมบนเวที ช่วงเช้า ซึ่งเป็นการเล่าประสบการณ์ของผู้ที่เห็นการทำกิจกรรมของนิสิตในมหาวิทยาลัย จากมุมของอาจารย์ & นักกิจกรรม โดยมีลิฟต์เป็น 1 ในผู้นำการเสวนา
การมาพูดให้แรงบันดาลใจนิสิตถือเป็นเรื่องหนึ่งที่เรามักไม่ปฏิเสธ ดีใจที่หลายคนมาคุยหลังเวทีและขอคำแนะนำเรื่องการทำกิจกรรมและการเรียนทุกครั้ง








ดีใจที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนและเรียนรู้จากนักกิจกรรมคนอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นคณบดี คณะมนุษยศาสตร์ฯ ที่สปิริตแรงกล้า เพิ่งกลับมาจากการไปร่วมงานศพที่ชุมพรตอนตี 4 ก็ยังมาพูดให้นิสิตฟัง / อ.ติ๊ก (นิติศาสตร์) ที่นั่งรถมาจากบ้านที่ตรัง เพื่อมาร่วมงานนี้โดยเฉพาะ / นิสิตเขาช่อง + โซตัส ที่มาเล่าประสบการณ์ของรุ่นพี่ที่ผ่านการทำกิจกรรมมาอย่างโชกโชน ถึงวันนี้การทำกิจกรรมที่ผ่านมา ได้หล่อหลอมให้พวกเขาคิดอย่างผู้ใหญ่ และเห็นความสำคัญของการทำกิจกรรมเพื่อสร้างตัวตน คนรุ่นใหม่


(อันนี้ไม่เกี่ยว...อิๆ)
ดีใจที่นิสิตเลือกภาพตอนกำลังอ่านหนังสือ เป็นภาพตัวแทนผู้ร่วมเสวนา มันน่าจะสื่อถึงความเป็นเราได้ดี เพราะหากนิสิตรู้จักตัวตนของเราจริงๆ ภาพนักกิจกรรมจะมาคู่กับการเป็นนักอ่าน (คาดว่าลิฟต์น่าจะเป็นคนเลือกภาพนี้)


ยินดีกับลิฟต์ด้วย ที่ผลจากการทำกิจกรรม แสดงภาวะผู้นำในวันนี้ ทำให้อาจารย์วิริยะ ชักชวนลิฟต์เข้าทำงานในบริษัททันที

นี่ล่ะ นักกิจกรรมตัวจริง ย่อมไม่ทิ้งลายผู้นำ อีโมติคอน wink

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

long holiday: clear clutters



ก่อนจะสอบปลายภาค มีวันหยุดยาว ตั้งแต่ 5-9 พค.59 ให้เราได้เคลียร์งาน

นานๆจะหยุดหลายวัน แล้วเราไม่ต้องไปไหน ทำให้รู้สึกโปร่งสบาย 55 เข้ามานั่งทำงานแบบชิลล์ๆที่สนง.ทุกวัน จนนิสิตคิดว่าขยัน อิๆ (ก็ไม่ขนาดน๊าน..)

ทำงานเสร็จไปแล้วหลายอย่างเลยล่ะ เย้ๆ++

1. กรอกคะแนนเก็บนิสิตวิชาอังกฤษ 2 (40%) กลุ่ม 13 ( เอกชีววิทยา คณิต ภูมิศาสตร์)
2. กรอกคะแนนเก็บนิสิตวิชาการอ่าน Reading Principles (40%)

เหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะนี่ควรเป็นสิ่งที่ทำเสร็จก่อนนิสิตจะสอบวันที่ 17 / 11 พค. 2559
เทอมนี้สอนแค่ 2 วิชา เราไม่ควรปล่อยให้งานคั่งค้าง ต้องสร้างนิสัยเคลียร์งาน ทำงานเรียบร้อยตามเวลา ฮึบๆ

3. ส่งใบจองการสอบ TOEFL ITP ซึ่งจะจัดให้บุคคลภายนอกรอบแรก วันเสาร์ 14/5/59 เวลา 9.30 - 12.00 น.
จำนวนผู้สอบ 12 คน (ซึ่งเรากับนุชช่วยกันโทร เพื่อสอบถามให้แน่ใจว่าจะสอบไหม โอนเงินหรือยัง ตอนนี้โครงการจัดสอบเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ทั้งการสมัครออนไลน์ทางเว็บ)

(บุคคลภายนอกสอบราคา 1,700 บ. / บุคคลภายใน 1500 บ. / นิสิต 1300 บ.)

เพิ่มผู้สอบมาอีกคน เป็น 13 คน เมื่อเช้านี้ (อันนี้เกิดจากความผิดพลาดเล็กน้อยที่ซานแจ้งว่าให้โอนเงิน+สมัคร ภายใน 7 พค. ซึ่งมันช้าเกินไป พวกเรากำหนดกันไว้วันที่ 4 พ.ค. เพื่อให้มีเวลาแจ้งศูนย์สอบ / โอนเงิน / จัดส่งข้อสอบมาสงขลา

3.  เข้าไปตอบ blog ของการอบรมหลักสูตรสำหรับผู้บริหาร จนเสร็จ จำนวนเรียนทั้งหมด 125 ชม. และเรียนครั้งละ 2 วัน (พฤ. + ศ.) หลังจากนั้นก็ต้องทำการบ้านด้วยการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมรายงาน ส่วนงานเดี่ยวคือการเข้าไปสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้หลังจากเรียนจบแต่ละอาทิตย์

4. หาคะแนนสอบโทอิคให้นัทกับบิว (กศบ.ปี 5) จนเจอ (หาไม่ยากอย่างที่คิด) เพื่อที่ทั้งสองคนจะได้เอาไว้สมัครงาน คะแนนมีผล 2 ปี ทำให้พวกเขายังใช้มันได้จนกว่าจะ ก.ย.2016 นี้ (สู้ๆค่ะนิสิต)

5. นิสิตกศบ.ที่ผ่านรอบประเทศ โครงการ Singha English Challenge 2016 ส่งการบ้าน(เล่าประสบการณ์ที่ได้รับจากการทำกิจกรรมรอบสุดท้ายที่กทม.) เราเลยเอามาแปะให้นิสิตใน TSUWESTERN ได้อ่านและเก็บไว้เป็นประสบการณ์

6. ช่วยหา host family ให้ Florence & Kaff ชาวฝรั่งเศส ซึ่งมาเป็นอาสาฯสวนสัตว์สงขลา โดยมีต้น ณัฐพงศ์ เป็นเจ้าบ้าน

7. ช่วยธรตรวจข้อสอบ quiz นิสิตวิชาอังกฤษ 2 ระหว่างฆ่าเวลาดูละครช่อง 7 (ขุนกระทิง)
เสียดายเรื่อง ผักบุ้งกับกุ้งนาง จบไปแล้ว เราติดมันมาก ต้องพยายามกลับบ้านให้ทัน 6.30 น.เพื่อจะดูเรื่องนี้ ตอนนี้เรื่องแฝดๆก็มาอีก 1 คือ "แฝดล่องหน" แต่ว่าโชคดี ( ?) ที่มันไม่สนุกเลย เราก็เลยไม่ติด

-------------
ของแถมคือมานั่งสนง.ทำให้ได้ดูซีรี่: ไดอารี่ตุ๊ด ขำก๊ากมากๆ ดูเพลินกำลังดี ฮี่ๆ :)

ยิ่งเยอะ ยิ่งมากประสบการณ์: 2nd Singha English Challenge








นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่นี่เป็นครั้งที่สอง !!!
          ในการเข้าร่วมกับโครงการ Singha English challenge เป็นครั้งที่สองของดิฉันและเหล่าผองเพื่อน บางคนอาจสงสัยว่า ไปมาแล้วก็รู้อยู่แล้วว่ากิจกรรมมันจะเป็นยังไง จะไปอีกทำไม? ตอนแรกยอมรับว่า เออ เราจะสมัครกันไปทำไมวะ เคยไปแล้วนิ แต่ก็อยากจะลองทำอะไรสนุกๆหาประสบการณ์หรือเจอคนใหม่ๆบ้าง เพราะพอปีห้าก็ต้องออกฝึกสอน ชีวิตคงวิ่งวุ่นแต่ในโรงเรียน ไม่ได้ทำกิจกรรมแบบนี้อีกแล้ว เลยลองสมัครอีกครั้งหนึ่ง เย้! แล้วก็ติดเข้ารอบอีกครั้ง

          ขอข้ามมาตอนที่เริ่มโครงการเลยแล้วกัน เพื่อไม่ให้เสียเวลาอ่าน (อิๆ) วันแรกก็จะเป็นการ work shop ในเรื่องของการพรีเซ้นสินค้า การพูดโน้มน้าวให้คนเชื่อ ซึ่งขอฟันธงเลยว่าในคณะเรายิ่งถ้าเป็นศึกษาศาสตร์แล้วคงไม่มีคอร์สนี้หรอกเพราะเราก็ไม่ได้จะจบไปเป็นเซลล์ขายของหรอก หรือว่าไปคิดโฆษณา แต่เอาจริงๆแล้วมันยากกว่าที่คิด เฮ้ย เราเรียนเอกอิ้งมาก็ไม่เคยต้องที่จะต้องมาคิดวิธีขายสินค้า แต่พอได้ลองทำแล้วก็นับว่าสนุกกว่าที่คิด ถึงจะไม่ได้รางวัลแต่ก็ได้มีการสุมหัวกับเพื่อนทำในสิ่งใหม่ๆ บ้าง

          หลังจากนั้นก็จะเป็นการ walk rally ซึ่งสนุกมากกก... และก็เหนื่อยมากด้วยเช่นกัน มีฐานต่างๆให้ทำ นับว่าท้าทายความสามารถเน้นๆเลย ตั้งแต่ให้ทำกับข้าวตามคำสั่งจาก teacher จาก British council สำเนียงก็อังกริ๊ด อังกฤษ แต่ก็ผ่านมาได้แถมสนุกอีกต่างหาก หลังจากนั้นก็ต้องวิ่งไปมารอบบริษัทด้วยอากาศที่ร้อนมากๆแต่ที่สำคัญกว่านั้น ก็รู้สึกว่าเราไม่ได้ทรมานแต่พวกเราสนุกกันมากต่างหาก หัวเราะกับเหมือนบ้า นับว่าต้องลองเลยแหละ

          การไปโครงการนี้นั้นไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว คือ ได้ให้มีการรวมกลุ่มใหม่กับเพื่อนๆที่มาจากต่างสถาบัน ซึ่งพอรู้ตอนแรกเอาจริงๆว่าแบะปากไม่อยากจากกลุ่มเดิมเลย เพราะแต่ละทีมนิ มาแบบเริ่ดจริงๆกลัวจะเข้ากับเพื่อนไม่ได้ ในส่วนของตัวดิฉันเองนั้น ได้เข้าร่วมกับ เด็กจากจุฬาลงกรณ์ มหาลัยขอนแก่น ราชภัฎอุบลราชธานี ได้รวมตัวกันเพื่อพรีเซ้นสินค้าโอท๊อปออกมาในรูปแบบของโฆษณาที่มีฉายๆอยู่ให้เราเห็น โดยได้รับการแนะนำจากคุณ  Daniel Fraser  พิธีกรจากรายการหลงรักยิ้ม (ช่อง 5)  และฝรั่งหลงกรุง ทางช่องไทยพีบีเอส


ซึ่งเชื่อมั้ยว่าคนที่คิด plot ของโฆษณานั้น คือตัวดิฉันเอง และเพื่อนๆใหม่นั้นก็เห็นดีเห็นงามด้วย และเป็นที่น่ายินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่งคือ กลุ่มของเราได้รางวัลที่ 1 จ้า เป็นอะไรที่ไม่คาดฝัน ได้กระเป๋าฟรีจากโครงการสิงห์มาหนึ่งใบ ดีใจเหมือนได้ทอง 55 หลังจากที่ดีใจกันแล้ว ก็กลับสู่โหมดเครียดกันเลยทีเดียว ที่เราจะต้องไปกลุ่มเดิมไปคิดการพรีเซ้นงานในประเทศที่ได้รับมอบหมาย นับว่าการไปแข่งครั้งนี้เหนื่อยและเครียดกว่าครั้งก่อนจริงๆ (ไม่ได้โม้) แต่สุดท้ายก็ผ่านกันไปได้ตามสไตล์เด็ก ม.ทักษิณ และในช่วงบ่ายก็เป็น work shop จากคุณนีน่า พิธีกร และนักข่าวจากหลายรายการ ได้แนะนำแนวทางการนำเสนอข่าวแบบมืออาชีพ
   
             

          ในคืนวันที่สองก็จะเป็น party night ให้ทุกคนใส่ชุดตาม theme ของกลุ่ม กลุ่มของเราก็บ้าแหวกแนวแบบหาสาระไม่เจอ คือแต่งแนวซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ก็ทำเอาคนอื่นฮือฮาน่าดู คืนนี้เราก็ได้ปลดปล่อยเต้นไปกับเพื่อนๆอย่างเมามันส์ซึ่งเราทั้งหมดก็หารู้ไม่ว่ามีการมอบหมายงานให้ทำหลังจากเสร็จงานปาร์ตี้ ฮึๆ ก็หืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว เพรางานที่จะต้องทำในวันสุดท้ายนั้น ยากและยากมาก

          กลุ่มของดิฉันนั้นได้นำเสนอกันเป็นกลุ่มแรก ซึ่งยอมรับว่าตื่นเต้นมาก เพราพวกเรานอนน้อย แถมยังไม่ได้ซ้อมและโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีปัญหา ตอนนั้นได้นอนกัน ตี 5 กว่าๆ และต้องตื่นมาเจ็ดโมงเพื่อเตรียมการ เป็นอะไรที่ไม่เคยเจอมาก่อน และสิ่งนี้เป็นเรื่องที่จะสอนเราได้ดีในการเตรียมการให้พร้อมไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่การนำเสนอนั้นพวกเราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว



          สุดท้ายแล้วการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ เราได้รับประสบการณ์ใหม่ๆมากกมายก่ายกองแบบมองแล้วจะเห็นว่ามีกองเป็นเนินภูเขา (เยอะละ 55) ยอมรับว่ามีทำผิดหรือไม่ดีเท่าที่ควรเยอะ แต่สิ่งนี้แหละจะสอนให้เราปรับตัว ได้เห็นว่าตนเองมีศักยภาพแค่ไหน เมื่อไปเจอกับเพื่อนข้างนอกที่แตกต่างออกไป ได้เปิดโลกเปิดหูเปิดตามากขึ้นว่า ควรจะพยายามให้มากกว่านี้ เพราะ มีคนที่ดีและเก่งกว่าเยอะ โอกาสดีๆมักป้อนให้คนที่พยายามมากกว่าเสมอ ดังนั้นนับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่คิดว่าคุ้มค่าจริงๆที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ ><

                                                                              พี่นิว จริยา


วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

งานเสริม : PR ประชาสัมพันธ์ สาขา & คณะ



งานหลักคือการเป็นผู้ช่วยคณบดีฝ่ายพัฒนานิสิต & วิเทศสัมพันธ์ ทำให้งานสอนลดลง เหลือเพียง 2 วิชา (หรือ 6 คาบ / 1 สัปดาห์) แต่นั่นไม่ได้หมายความว่างานเราจะลดน้อยลง เพราะหน้าที่ของฝ่ายพัฒนานิสิตครอบจักรวาลมาก ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้นิสิตทำกิจกรรม ส่งเสริมให้พวกเขาใฝ่รู้ มีจิตสาธารณะ เป็นที่ปรึกษาด้านการทำกิจกรรม push แกมบังคับ ให้นิสิตบางคนเกิดความกล้าที่จะทำกิจกรรมนอกชั้นเรียน มองหาทุน หรือสมัครทุน ปลุกปั้นกันทุกรูปแบบ

ปิดเทอม เอ๊ย ปิดช่วงสั้นๆ 5-9 พค.59 ทำให้มีเวลานั่งนิ่งๆ อยู่กับที่ (ในที่นี้คือไม่ไปต่างจังหวัด) เราเลยมีเวลามาเขียนบล๊อค ซึ่งจริงๆเราตั้งใจว่าใน 1 เดือน จะต้องเขียนให้ได้อย่างน้อย 2 เรื่อง ( น้อยมากนะ ถ้าเทียบกับจำนวน 30-31 วัน)

วันนี้ post ทาง FB: TSUWESTERN ไปหลายเรื่อง ด้วยความตั้งใจว่าอยากใช้ FB page อันนี้ในการสื่อสารกับนิสิตในเอก เพื่อให้เห็นว่ากิจกรรมในสาขาภาษาตะวันตกของพวกเรามีอะไรบ้าง หรือมีกิจกรรมน่าสนใจภายนอกอะไรบ้างที่นิสิตควรจะได้ติดตาม

1. โพสท์เรื่องตำแหน่งว่างของโรงแรมดุสิตธานี กระบี่บีชรีสอร์ท ( F & B, FO)
2. ตำแหน่งว่างที่โรงแรมอนันตรา ลายัน ภูเก็ต (ทำให้เรารู้ว่าที่นี่มีการเรียกบางอาชีพต่างออกไปจากที่เราเคยรับรู้ เราว่ามันคงทำให้ความรู้สึกว่าเป็นอาชีพที่อาจจะดูไม่น่าทำ ดูดีขึ้น เช่น เรียก butler ซะใหม่ว่า senior villa host หรือเรียก concierge ว่า discovery host

**จะบอกว่า butler งานที่ต้องดูแลแขก VVIP ตลอดเวลานี่เงินดีมาก ทิป(น่าจะ)หนักมาก ซาบีดี (นิสิตเอกอังกฤษ ซึ่งทำงานนี้ตั้งแต่ตอนเรียนจบ ตอนนี้สามารถเก็บเงินเพื่อไปเที่ยวอเมริกา หรือต่างประเทศได้แล้ว ทั้งที่ตอนเรียนเป็นนิสิตที่ฐานะยากจน ได้รับทุนการศึกษาจากอ.จามรี และเคยมีปัญหาการผัดผ่อนค่าเทอม จนค่าปรับทะลุถึง 4000 บ.)


ทั้งแอน & มิว (รหัส 52) ทำงานโรงแรมตั้งแต่เรียนจบเอกอังกฤษ แอนทำฝ่าย HR ส่วนมิวทำหน้า front ทั้งคู่ยังใจดีกับน้องๆ บอกข่าวสารการสมัครงานจากทางโรงแรมให้น้องๆเอกอังกฤษ
เป็นความน่ารักของทั้งคู่ เพราะหากเราจะมองหางาน เราคงกวาดไปทั่ว แต่เมื่อรู้จากรุ่นพี่แบบเฉพาะเจาะจงแบบนี้ การได้งานก็จะสูงขึ้น

เมื่อคืนเราส่งข้อความไปถามบูว่าว่างเจอกันที่ตรัง ช่วงวันที่ 6-7 มิย.ไหม เลยรู้ว่าบูออกจากงานที่โรงแรม Holiday Inn, Krabi แล้ว เราเลยถามว่าบูชอบทำงานโรงแรมแนวไหน และหลังจากนั้นเราก็ส่งข้อความไปสอบถาม แอน มิว และตุ๊ยตุ่ย ( Ritz Calton Hotel, Krabi)

น่าดีใจ ที่ทั้ง 3 ตอบข้อความทันที ทำให้เราดีใจทุกครั้งที่มีโอกาสได้เป็นสื่อกลางในการช่วยหางานให้เพื่อนๆ และนิสิต

---------------

กลุ่ม Singha English Challenge รอบ 24 ทีมสุดท้ายระดับประเทศ ฉวีวรรณ + สุภาพร ส่งเรียงความประสบการณ์การเข้าร่วมระหว่างวันที่ 23-25/4/59 มาแล้ว เราเลยแก้ไขภาษาเล็กน้อย และแปะไว้ใน TSUWESTERN ด้วยความคิดว่านิสิตที่สนใจปีหน้าจะได้ลองสนามบ้าง




Enriching experience from a finalist of Singha English Challenge


Congratulation! You are 24 teams qualified the FINAL ROUND 2016!

I still remember that exciting moment. Although this was the second time of my team and me in Singha English Challenge Program 2016, we all were delighted to get this chance again. The activities in program were mainly about integrating our English skill to communicate with foreigners according to the designated situations and time limitation. We enjoyed this program so much because our duty was not only finishing the mission by our own team but we have to also interact with other participants : students from different university, Singha company staff and teachers from British council to complete each work. Therefore, what we got from Singha English Challenge was more than increasing English skill but they were opportunity to broaden our attitude and build the connection with new friends. 

                                                                                            ---Supaphon
-----------------------------------


According to participation in Singha English Challenge,
I gain several experiences from this campaign. At the beginning that I got a massage from Singha, I felt so excited and worried again because it was the second time for our team to join this camp. When we arrived there, we met friends from many universities. They are totally smart and confident to do every activity. For this reason, it forced us to be more confident to join the activities.
The activities were very challenging in which you have to complete presentation challenge. I had use much English in this camp because it is important that you have to be able to communicate proficiently because there were no clue of what we’re going to do, how to use language and how to present our thought or our products.
Furthermore, there were also fun activities like walk rally in Singha Cooperation Farm , but I felt so exhausted when I had done the activities. I had done many challenge activities and I thought that they gave me more confidence to do such strange things. I highly recommend that students in English major or may be from other faculties should participate in this campaign. It will give you fruitful experiences which you cannot find in a classroom.
Finally, I would like to say many thanks to all support from Western Language Department and my beloved teachers like Aj. Rueyruen and Aj.Diyaporn.
                                                                                       --Kat




วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ฺBook review by Mew Jirarat: อยากเป็นไกด์ ไม่ไกลเกินก้าว





อยากเป็นไกด์ ไม่ไกลเกินก้าว ภาคไกด์ต่างประเทศ โดยคุณภราดร วิมลมาลย์ 
เป็นหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ของไกด์นำทัวร์ไทยในต่างแดน 
จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้รู้ว่าการเป็นไกด์ไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ
 แต่การจะเป็นไกด์ได้นั้นต้องมีความอดทน เพราะลูกทัวร์ที่มานั้นแตกต่างกัน 
บางคนอาจจะเป็นคนดี มีระเบียนวินัย หรืออาจจะจู้จี้ขี้บ่น ตรงและไม่ตรงเวลา 
ไกด์จึงต้องมีความอดทนสูง และยังต้องมีความรู้รอบตัวด้วย 
เพราะลูกทัวร์อาจจะถามคำถามอะไรมาก็ได้ 
ยิ่งไปกว่านั้นคือต้องเป็นคนที่มีปฏิภาณไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ 
อย่างเช่นตอนที่ผู้เขียนนำลูกทัวร์ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ระหว่างรอเวลาก็ได้โทรศัพท์ไปที่ร้านอาหาร 3-4 ครั้ง แต่ไม่มีคนรับสาย 
จึงตัดสินใจให้เวลาลูกทัวร์อิสระครึ่งชั่วโมงในการเก็บภาพ
 ส่วนตัวเองก็นั่งรถแท็กซี่ไปที่ร้าน ปรากฏว่าร้านปิดเนื่องในวันวิสาขบูชา ทุกคนไปร่วมงานกันที่วัด ไกด์จึงโทรไปที่วัดจนได้คุยกับเจ้าของร้าน จึงได้รู้ว่าบริษัทที่ไทยไม่ได้ยืนยันการจองร้านไว้ ทางร้านจึงไม่รู้ว่าจะมาหรือไม่มา ไกด์จึงขอร้องให้ทางร้านช่วย โชคดีที่ทางร้านตอบตกลง ทริปวันนั้นจึงผ่านไปด้วยดี ในบทสุดท้ายของหนังสือได้แนะนำการเตรียมตัวไปเที่ยวต่างประเทศด้วย ว่าต้องทำอะไร ควรเตรียมตัวยังไงบ้าง 

สำหรับใครที่อยากเป็นไกด์ก็ลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านดู หรือคนที่รักการท่องเที่ยวก็หามาอ่านได้เช่นกันค่ะ