วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เรียงความ: ประสบการณ์อาสา ณ โสสะ

                                                                                                        31/1/58

หลายๆ คนเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อมีแม่เป็นผู้เลี้ยงดูและให้การสนับสนุน มีสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ดีสำหรับการเติบโต ในขณะเดียวกันก็ยังมีเด็กอีกหลายๆ คนที่เติบโตมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แย่ พ่อแม่ทิ้งไป ไม่มีใครเหลียวแล สถานที่สุดท้ายที่พวกเขามาอาศัยคือหมู่บ้านเด็กกำพร้า

                ผมพูดได้เลยว่าผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เกิดมาโชคดี มีครอบครัวที่สมบูรณ์ครอบครัวหนึ่งก็ว่าได้ มีโอกาสได้รับการศึกษาดีๆ ทั้งโรงเรียนและระดับมหาวิทยาลัย สิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาผมโอกาสได้ไปดูการเป็นอยู่ของน้องๆที่หมู่บ้านเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งในหาดใหญ่ คือหมู่บ้านเด็กโสสะ ณ สถานที่แห่งนี้ น้องๆจะมาจากหลายๆจังหวัดมาอยู่รวมกันเป็นบ้าน แต่ละบ้านจะมีพี่เลี้ยงคอยดูแล น้องๆเขาเรียกกันว่าแม่ครับ แม่หนึ่งคนประจำในแต่ละบ้านนี้เข้าต้องดูแลเด็กครั้งหนึ่งทีละหลายๆคน คนเพียงคนเดียวดูแลคนหลายๆ คนแน่นอนว่าการดูแลคงจะทั่วถึงยาก  ผมจะเล่าให้ฟังคร่าวๆ นะครับว่าวันนั้นผมไปช่วยแบ่งเบาภาระแม่คนนี้ยังไงบ้าง

                “ พี่ๆ หนูขอขี่คอพี่หน่อย”  เมื่อเดินทางถึงหมู่บ้านครั้งแรกมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งตัวเล็กๆ มาขอขี่คอผมครับ ขณะที่น้องขี่คอก็ได้คุยกับน้อง ผมรับรู้ได้ถึงความไร้เดียงสา ความร่าเริงสดใส หลายๆคำถามที่ผมได้ถามไป ผมกลับมาคิดกับตัวเองเสมอว่าเราโชคดีกว่าน้องเขามากๆเลย น้องเขาข้าวเช้าไม่เคยได้กิน ของเล่นก็ไม่มีให้เล่น น้องคนนี้ชื่อ “เพลง” ครับ วันนั้นเขาติดผมมากถึงกับขนาดที่ว่าจะขึ้นรถกลับด้วยครับ

                นอกจากนี้ผมก็ได้ให้น้องคนอื่นๆ เขียนตามคำบอก อ่านนิทานให้น้องเขาฟังบ้าง ให้น้องท่อง A – Z ทายปริศนาจากคำ รวมถึงพับจรวดปาแข่งกับน้องๆ สนุกดีครับ มีน้องๆหลายคนชื่นชอบกีฬาฟุตบอล แต่น่าเสียดายที่น้องเขาไม่มีลูกฟุตบอลให้ฝึกฝนทักษะ
               

เกือบลืมบอกไปครับว่ากิจกรรมครั้งนี้ผมมีโอกาสได้รู้จักกับกลุ่มนิสิตชาวจีนด้วย แต่ละคนก็น่ารักไม่แพ้กับเด็กๆเลยครับ ต้องขอขอบคุณ อ.ดิญะพร  ที่เชิญชวนผม ซึ่งถ้ามีโอกาสและเวลาว่างอีกผมเข้าร่วมแน่นอนครับ
                                                ---------------------------

เรียงความ: ประสบการณ์อาสา ณ โสสะ




เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ฉันกับเพื่อนในเอกภาษาอังกฤษอีก 2 คน และเพื่อนนักเรียนชาวจีน รวมทั้งอาจารย์นก ดิญะพร พวกเราได้ไปเยี่ยมน้องๆเด็กกำพร้า บ้านเด็กโสสะ ที่หาดใหญ่ การได้ไปร่วมเล่นและทำกิจกรรมพูดคุยกับน้องๆในวันนั้น ทำให้ฉันได้รับประสบการณ์และความประทับใจในหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้เห็นและมีโอกาสได้ทำ

สำหรับฉัน การได้ไปเยี่ยมน้องๆในครั้งนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกสงสาร เศร้าใจ ที่เห็นน้องๆบางคนดูเหงาๆก่อนที่พวกเราจะเข้าไปเล่นกับพวกน้องๆ และฉันก็มีความสุขที่สามารถทำให้น้องๆได้มีรอยยิ้ม เวลามาทำกิจกรรม พูดคุย และเล่น กับพวกเรา จากการที่ได้ไปเยี่ยมน้องๆในวันนั้น ฉันอยากบอกว่าน้องๆที่นั่นเป็นเด็กดีและน่ารักมาก ฉันรู้สึกดีใจที่มีน้องๆมาชวนฉันเล่นกับพวกเขา บางคนก็มากอดคอฉัน บางคนก็มาขอให้เล่านิทาน หรืออ่านหนังสือให้ฟัง  ในระหว่างที่ฉันเดินทางกลับจากบ้านเด็กโสสะ การมีโอกาสได้ไปที่นั่นมันทำให้ฉันหันกลับมามองย้อนดูตัวเองว่า ตัวฉันเองโชคดีมากที่เกิดมามีพ่อแม่ คอยให้ความรัก เลี้ยงดู เอาใจใส่ และเติบโตมาจนทุกวันนี้ และก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อนึกถึงภาพของน้องๆและได้ยินเรื่องของน้องคนหนึ่งที่ถูกคนเป็นแม่นำมาฝากเอาไว้ที่นี้ แต่เหตุผลกลับฟังดูแย่มาก ฉันรู้สึกสงสารน้องคนนั้นมากและฉันคิดว่าน้องๆที่นั้นพวกเขาหลายคนคงขาดความรักจากผู้เป็นพ่อแม่ ทำให้ฉันรู้สึกอยากอยากแบ่งปัน ความรัก อบอุ่น ให้กับน้องๆ ให้พวกเขาได้ มีรอยยิ้มสดใส และมีความสุข ถึงแม้ว่า จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฉันก็ดีใจ ที่มีส่วนร่วมทำให้น้องๆดูร่าเริง และมีเสียงหัวเราะ ซึ่งวันนั้นก็เป็นวันที่ทำให้ฉันเกิดความทรงจำดีๆและมีความสุขมากๆ


สุดท้ายนี้ ฉันอยากบอกว่าถ้าหากใครได้มีโอกาส หรือมีเวลาว่าง ฉันอยากให้พวกคุณได้ลองไปสัมผัส พูดคุย หรือทำกิจกรรมร่วมกับน้องๆดูสักครั้ง ฉันเชื่อว่ามันจะทำให้คุณมองเห็นอะไรหลายอย่างมากมาย และถ้าเราลองคิด เราก็จะได้ข้อคิดที่ดีหลายข้อ และหนึ่งในนั้น สำหรับตัวฉัน คือ การมีสติ การรู้จักคิดให้รอบคอบ การใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง  และการคิดถึงสิ่งที่จะตามมาหากเราไม่คิดให้ดี ให้ถี่ถ้วน ก่อนจะทำอะไรลงไป เพราะบางทีความผิดพลาด มันอาจจะไม่ได้ส่งผลแค่ที่เรา แต่มันส่งผลถึงคนอื่นด้วย และอาจจะกลายเป็นปัญหาหนึ่งของสังคม ไม่ต้องนึกถึงอะไรที่ไหนให้ไกลเลย  คุณคิดว่าที่น้องๆพวกนี้ต้องกลายมาเป็นเด็กกำพร้าเพราะอะไร? ไม่ใช่เพราะความไม่รู้จักคิดให้ดี หรือ ขาดความรับผิดชอบหรอกหรือที่เป็นสาเหตุ ดังนั้น จงเตือนตัวเองเสมอว่าให้มีสติ และนึกถึงผลที่จะตามมาในสิ่งที่เราจะกระทำด้วยเช่นกัน

                                                                                 วิชิตา ศศบ. เอกอังกฤษ ปี 3 

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เรียงความโครงการส่งเสริมการอ่าน: บ้านสงขลา ( 9)



           จากการที่ไปสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า ความประทับใจที่สัมผัสได้เลยคือ มีความรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาสถานสงเคราะห์ ได้มาช่วยเหลือในสิ่งที่พอมีกำลัง ที่ช่วยได้แก่น้องๆที่สถานที่แห่งนี้ ประทับใจมากที่เห็นน้องๆชื่นชอบในสิ่งที่เราทำ เช่น เราอ่านนิทานให้เขาฟัง เขาดูมีความตั้งใจและสนใจในสิ่งที่เราอ่าน เขาดูมีความหวัง เขามีความสุขกับสิ่งที่เราทำให้  

          ดิฉันมั่นใจว่าแม้ดิฉันจะไม่ได้เข้าไปหาเด็กได้ทุกคน เข้าไปหาได้เพียงบางคน แต่สัมผัสได้เลยว่า สถานที่แห่งนี้ได้พยายามเติมความอบอุ่นให้แก่เด็กๆ เด็กๆดูสนุกสนาน น้อยคนนักที่จะซึมเศร้า เด็กๆ ดูสนิทสนมกับผู้ที่ดูแลพวกเขา โดยดิฉันได้ยินเขาเรียกบุคคลเหล่านั้นว่า แม่ เด็กๆดูมีความเคารพในแม่ของพวกเขา และใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้อย่างสนุกสนาน ร่าเริงเฉกเช่นเด็กปกติทั่วไป                                                                                                                    

การไปครั้งนี้นอกจากจะประทับใจในตัวเด็กแล้วๆ ยังได้ประสบการณ์ดีๆอีกมากมาย ทำให้เรารู้ว่า เวลาย่อมมีค่าเสมอ ถ้าเราใช้ให้ถูกต้อง เด็กเหล่านี้อาจจะดื้อบ้างแต่ทุกอย่าง ในชีวิตพวกเขาถูกจัดเป็นระบบ ด้วยคำว่าเวลามาเกี่ยวข้อง พวกเขามีเวลาทานอาหาร เวลาไปโรงเรียน เวลาทำการบ้าน เวลาเล่น ทุกอย่างจึงทำให้เห็นว่าเวลานั้นสำคัญ ไม่ว่าเราจะเป็นใครอยู่ที่ไหนก็ตาม

                                                                                           ปานลดา ศศบ.ภาษาไทย ปี 3 

------------------------------------------------------------------------------------------------

เรียงความโครงการส่งเสริมการอ่าน: บ้านสงขลา ( 8)





 
 


ประสบการณ์อาสา ณ บ้านสงขลา
                สภาพสังคมในปัจจุบันถือเป็นสังคมที่ประสบกับปัญหาในหลายๆด้าน ทั้งในด้านของเศรษฐกิจ การเมืองการปกครองและความเป็นอยู่ของคนในสังคม ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้เด็กหลายๆคนขาดการดูแลจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด บางคนก็ถูกทอดทิ้งตั้งแต่ยังเป็นเด็ก หรือที่เราเรียกกันว่า เด็กกำพร้าเด็กเหล่านี้ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งภาวะขาดแคลน การถูกเอารัดเอาเปรียบ การถูกทอดทิ้งและปัญหาต่างๆอีกมากมาย ที่เขาเหล่านั้นต้องเผชิญหน้าและต้องทนยอมรับชะตากรรม
                โดยปกติแล้ว ครอบครัวที่สมบูรณ์นั้น ต้องประกอบไปด้วย พ่อ แม่ และลูก แต่เด็กบางคน เขาต้องเติบโตมาโดยที่ขาดพ่อไร้แม่ ถึงแม้ว่าเขาเหล่านั้นจะสามารถเติบโตได้เหมือนเด็กทั่วๆไปก็ตาม แต่สิ่งที่เขาต่างไปจากคนอื่นก็คือ พัฒนาการทางด้านจิตใจ ความรู้สึก ความคิด ความสุข เขาขาดคนที่จะมาช่วยหล่อหลอม ให้ความรัก ความอบอุ่น และเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดคอยอบรมสั่งสอนเขาให้เติบโตขึ้นมาอย่างเด็กคนอื่นและโดยทั่วไปเมื่อเด็กขาดแม่ก็เท่ากับเขาขาดความมั่นคงในการใช้ชีวิต มีความเสี่ยงในหลายๆด้าน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาเสี่ยงที่จะกลายเป็นปัญหาของสังคมได้มากกว่าเด็กที่มีครอบครัว เขามีเพียงครูพี่เลี้ยงที่คอยดูแล สั่งสอนและเป็นคนที่คอยเลี้ยงดูให้เค้าเติบโตขึ้นและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
                ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีการรณรงค์ในเรื่องของปัญหาเด็กและเยาวชน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายๆหน่วยงานที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ให้ความสำคัญกับเรื่องของปัญหาเด็กกำพร้าแต่ถ้าเทียบกับจำนวนของเด็กที่ต้องประสบกับปัญหาเหล่านี้ ความช่วยเหลือจากหน่วยงานก็แทบจะไม่เพียงพอต่อความต้องการหรือเนื่องจากปัญหาของเด็กและเยาวชนเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากและนับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าประเทศจะมีการพัฒนา ก้าวไปข้างหน้า การศึกษาจะกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคแต่ปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้และยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
                หลายๆครั้งที่เรามักจะท้อแท้กับการใช้ชีวิต หรือเหนื่อยล้ากับการทำอะไรสักอย่าง เราอาจจะคิดว่า


ทำไมชีวิตของเราถึงแย่อย่างนี้?หรือเราอาจจะคิดว่า ทำไมเราถึงโชคร้ายจัง?แต่หากเรามองไปถึงสังคมในปัจจุบัน มองเด็กและเยาวชนกลุ่มหนึ่งที่เขาถูกทอดทิ้ง ไม่มีแม้กระทั่งผู้ปกครอง ขาดพ่อไร้แม่ เขาต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆมากมายที่เข้ามาในชีวิต เมื่อเรามองย้อนไปแล้วเราจะรู้ว่าเราโชคดีแค่ไหนที่เรามีครอบครัวที่สมบูรณ์ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่ดี  ได้เติบโตมาจากครอบครัวที่สมบูรณ์ให้ความอบอุ่นเลี้ยงดูเรามาอย่างดี เมื่อเราคิดเช่นนี้ก็จะทำให้เรามีแรงผลักดันที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

                เมื่อเรามีโอกาสที่ดีในหลายๆเรื่อง ทั้งในเรื่องครอบครัว การใช้ชีวิต การศึกษา เราก็ไม่ควรที่จะมองข้ามปัญหาสังคมเหล่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องของปัญหาเด็กและเยาวชน เราควรจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เช่น เวลาว่างจากการเรียน ไปทำหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ โดยการรู้จักสละเวลา รู้จักการให้ ให้ความรัก ความอบอุ่น ความรู้แก่เด็กๆที่เขาขาดโอกาสในหลายๆด้าน ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องช่วยเหลือเขาด้วยกำลังทรัพย์เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นที่เราจะให้เขาได้ นั่นก็คือ กำลังกาย กำลังใจ ที่เราสามารถให้เขาได้ด้วยความยินดีและเต็มใจ

                จากการที่ดิฉันได้มีโอกาสไปช่วยเหลือ ดูแลเด็กๆ มีโอกาสได้ไปพูดคุย เล่านิทานให้น้องๆฟัง สอนการบ้านและเล่นกับพวกเขาเหล่านั้น ทำให้ดิฉันรู้เลยว่า ยังมีคนอีกจำนวนมาก ที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากสังคม ต้องการความรัก ความอบอุ่น เพราะชีวิตเขาเติบโตขึ้นมาอย่างน่าสงสาร ชีวิตที่ขาดพ่อไร้แม่ ต้องเผชิญกับปัญหาที่รายล้อมเข้ามาในชีวิต เขาต้องการเพื่อน ต้องการความรักและความอบอุ่น หลายๆครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มจากพวกเขาเหล่านั้นทำให้ดิฉันมีความสุขเป็นอันมาก รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรอยยิ้มเล็กๆนั้น ดีใจที่ทำให้เขาเกิดความสุขและสนุกไปกับสิ่งที่ดิฉันเต็มใจและยินดีที่จะทำให้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการช่วยเหลือเพียงเล็กๆน้อยๆก็ตาม และดิฉันก็เชื่อแน่ว่า เด็กๆเหล่านั้นก็ต้องมีความสุขมากๆเช่นกัน ที่มีพวกเราเข้าไปมอบความรักความเป็นมิตรให้แก่พวกเขา
                ประสบการณ์ของการได้มีโอกาสเข้าไปดูแลน้องๆ ทำให้ดิฉันรู้จักกับการเป็นผู้ให้มากยิ่งขึ้น ทำให้เรารู้จักกับความอดทน ความเสียสละ ความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันและสิ่งสำคัญ คือทำให้ดิฉันมีกำลังใจในการเรียนมีแรงผลักดันในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้เราเป็นคนที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น การที่เรารู้จักทั้งการเป็นผู้ให้และผู้รับที่ดีนั้นจะทำให้เราเกิดรอยยิ้มแห่งความสุข ทั้งสุขที่ได้เป็นผู้ให้และสุขที่ได้เป็นผู้รับ 

                สิ่งตอบแทนที่มีค่ามากที่สุดสำหรับดิฉันนั่นก็คือ รอยยิ้มของเด็กๆ มันทำให้ดิฉันรู้สึกยิ้มได้ตลอดเวลาที่ได้ทำกิจกรรมกับพวกเขา รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก รู้เพียงแค่ว่า อยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องๆมีรอยยิ้ม มีความสุข และถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปดูแลน้องๆอีก ถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ
แค่วันละ
1 ถึง 2 ชั่วโมงก็ตาม แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ความประทับใจ และความสุขที่เอ่อล้นอยู่ในหัวใจ

                                                                                                         ทรรษรีย์      ศศบ. ภาษาไทย 



               



           


เรียงความโครงการส่งเสริมการอ่าน: บ้านสงขลา (7)




                จากการไปสถานสงเคราะห์บ้านเด็กกำพร้าในครั้งนี้ ดิฉันมีความประทับใจมากมาย ในครั้งแรกที่เพื่อนประชาสัมพันธ์ว่าจะไปทำกิจกรรมบ้านเด็กกำพร้า ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะเป็นสถานที่ที่ดิฉันนั้นอยากไปมากเพียงแต่ไม่มีโอกาสที่ได้ไป แต่ครั้งนี้ดิฉันมีโอกาสไปกิจกรรมเป็นครั้งแรก 

              ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นและมีความประทับใจเป็นอย่างมากที่ได้เจอกับน้องๆทุกๆคน ถึงแม้ว่าเด็กๆบางคนอาจจะดูแข็งกระด้างแต่ดิฉันและเพื่อนๆก็พร้อมที่จะมอบรอยยิ้มและความอบอุ่นให้กับเด็กๆเหล่านี้ กิจกรรมที่ดิฉันได้ทำก็คืออ่านนิทานให้เด็กๆฟัง ซึ่งเด็กๆก็สนุกมาก ถึงจะเหนื่อยบ้างแต่แค่ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ เพียงแค่นี้ความรู้สึกเหนื่อยก็หายไปแต่กลับเป็นการภาคภูมิใจมากกว่าที่อย่างน้อยเราสามารถทำประโยชน์ให้ผู้อื่นได้


                และถ้ามีกิจกรรมดีๆแบบนี้อีก ดิฉันก็ไม่พลาดที่จะไปร่วมทำกิจกรรมขอขอบคุณอาจารย์ดิญะพรที่มีโครงการดีๆแบบนี้ และมันยังทำให้ดิฉันได้เข้าใจถึงคำว่า
สุขใจผู้ให้ อิ่มใจผู้รับอย่างแท้จริง ขอบคุณค่ะ

                                                                                                            กนกวรรณ ศศบ. ภาษาไทย ปี 3 

เรียงความโครงการส่งเสริมการอ่าน: บ้านสงขลา (6)



                จากการไปสถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลาในครั้งนี้ กระผมมีความประทับใจเป็นอย่างมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเยือนที่นี่ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานของเด็ก ๆทั้งเด็กเล็กและเด็กโต และความเมตตา โอบอ้อมอารีจากพี่ ๆ ที่ดูแลน้อง ๆ 

จากการที่กระผมได้สัมผัสกับน้องๆเด็กๆเหล่านั้น มันรับรู้ได้ว่า น้องๆ นั้นต้องการอะไรและขาดอะไรไป กระผมได้ช่วยสอนการบ้านน้อง ๆ ช่วยสอนน้อง ๆ อ่านหนังสือ และได้อ่านหนังสือให้น้อง  ๆ ฟัง กระผมมีความสุขมาก ๆ ครับ ที่ได้มอบสิ่งเหล่านี้ให้แก่น้อง ๆ ได้รับรู้ถึงความน่ารัก ความขี้เกียจและความขยันของน้อง ๆ บางคนบางกลุ่ม ความก้าวร้าว การพูดการจา ทำให้ผมได้รู้ว่าเด็กเหล่านี้มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน รู้สึกเห็นใจน้อง ๆ เพราะเขาเองไม่ได้รับการดูแลจากพ่อแม่ของเขา แต่สิ่งที่ทำให้กระผมประทับใจมากที่สุดคือ กระผมได้อ่านหนังสือให้น้องคนหนึ่งฟัง และเมื่อตอนที่กระผมจะเดินทางกลับ น้องคนนั้นได้เข้ามากอดกระผมและเดินจากไป กระผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าประทับใจและซึ้งใจเป็นอย่างมากครับ

                อย่างไรก็ตาม กระผมอยากให้มีกิจกรรมแบบนี้ทุกวันเพื่อที่จะให้เราได้มอบความอบอุ่นให้กับเด็ก ๆ เหล่านี้ อยากให้เขาได้ในสิ่งที่เขาไม่เคยได้ อยากให้เขาอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข กระผมเชื่อว่าสิ่งที่เราได้ให้ไปกับเด็ก ๆ เหล่านี้มันจะเป็นกำลังใจและแรงผลักดันหนึ่งเพื่อให้เขาได้คิดและได้รู้ว่าถึงแม้เขาจะไม่มีพ่อแม่ แต่เขาก็ยังมีพี่ ๆ ที่สามารถให้ความอบอุ่นกับเขาได้ไม่มากก็น้อย กระผมขอขอบคุณอาจารย์นกเป็นอย่างมากนะครับที่สร้างกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ขึ้นมา ทำให้กระผมได้ร่วมกิจกรรม ขอบคุณครับ

                                                                                                     กัมปนาท ศศบ. เอกภาษาไทย ปี 3 


วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เรียงความโครงการส่งเสริมการอ่าน: บ้านโสสะ (15/2/58)







เมื่อฉันรู้ว่าฉันได้ไปบ้านเด็กกำพร้าโสสะ ฉันรู้ดีใจเป็นอย่างมาก จึงเก็บตุ๊กตาที่ดิฉันใช้แล้วบ้างไม่ใช้แล้วบ้างไปให้น้อง รวมถึงกระปุกออมสินและกระเป๋านักเรียน นี่เป็นบางส่วนที่ฉันอยากมอบให้น้องๆ






                วันอาทิตย์ ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.. 2558 เป็นครั้งที่ฉันได้ไปหมู่บ้านเด็กโสสะ ไม่เคยทำกิจกรรมดีๆแบบนี้มาก่อนเลย ต้องขอบคุณอาจารย์นกและเพื่อนๆ ที่มาทำกิจกรรมกับน้องๆ ทำให้น้องๆหลายคนมีความสุขมากเลย

ฉันสังเกตได้จากสีหน้าท่าทางของพวกเด็กๆ กิจกรรมที่พวกเราได้ทำกันนั้นก็มีร้องเพลงและเต้น ฉันเห็นน้องๆบางกลุ่มชอบกิจกรรมนี้มากเลย ทุกคนมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ฉันเห็นภาพนั้นแล้วก็ยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว 
มาอีกมุมหนึ่ง ฉันนั่งอยู่ส่วนนี้ กำลังสอนน้องๆอ่านหนังสือและเขียนตามคำบอก น้องๆทุกคนเก่งมากเลย เขียนตามคำบอก 15 คำ ส่วนใหญ่ก็ทำกันได้อยู่ประมาณ 12-13 คำ ถือว่าสุดยอดกันเลยทีเดียว 




เมื่อฉันตรวจเสร็จ น้องๆบางคนกำลังทำอะไรสักอย่าง มีไม้มีกระดาษและกาว ฉันสงสัยจึงถามน้องไปว่าทำอะไรกันอยู่ น้องบอกว่ากำลังทำว่าวครับ ฉันเห็นว่าสิ่งที่น้องทำมันน่าสนใจ จึงบอกน้องว่าอยากทำด้วย น้องเลยสอนให้ ฉันเห็นวาดภาพสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง จึงถามอีกว่ามันคืออะไร น้องบอกเป็นสัญลักษณ์ของบ้านโสสะ ฉันบอกน้องว่าเก่งจังเลย น้องบอกว่า พี่ถ้าไม่วาดรูปนี้ว่าวจะไม่ขึ้นนะ ฉันบอกน้อง ฉันวาดไม่เป็น วาดเป็นผีเสื้อได้ไหม มันจะได้บินได้ไง ฉันแอบยิ้ม พอน้องๆทำกันเสร็จก็เอาไปเล่นกัน ส่วนตัวฉันก็มองน้องๆเล่นกันอย่างมีความสุข 



มีคนน้องเดินมาบอกดิฉันว่าว่าวผีเสื้อของพี่มันบินได้นะ พี่ลองมาเล่นดูสิ ฉันออกไปเล่นกับน้อง วิ่งได้ 2-3 รอบก็เหนื่อยแล้ว และหลังจากนั้นกลับมาข้างมานั่งฟังน้องคนหนึ่งร้องเพลงและเปิดคลิปที่เต้นให้ดู ฉันบอกน้องว่ามีความสามารถเยอะจัง เก่งมากเลย น้องก็เขินๆและยิ้มให้ เสร็จแล้วฉันได้ถ่ายรูปกับน้องๆบางส่วนด้วย รู้สึกดี ดีใจมากที่ได้มาในครั้งนี้ ได้ทำอะไรหลายๆอย่างเลย ก่อนกลับดิฉันและอาจารย์นกได้นำพวกสิ่งของไปบริจาคกัน แล้วกลับมาถ่ายรูปรวม จากนั้นถึงเวลาที่ต้องกลับกันแล้ว มีน้องบางส่วนอยากไปกับเรา ขึ้นไปบนรถและไม่ยอมลง น่าสงสารมากค่ะ แต่สุดท้ายน้องก็ลง เราโบกมือบ๊ายบ๊ายกัน สำหรับวันนี้ดิฉันรู้ดีใจอย่างเต็มเปี่ยม มีความสุขมากๆเลยคะ ขอบคุณที่อาจารย์และเพื่อนๆทุกคนอีกครั้ง มีโอกาสครั้งหน้า ดิฉันอยากมาอีกครั้งค่ะ



--------------------


วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เรียงความโครงการส่งเสริมการอ่าน: บ้านสงขลา (5)




จากการที่ได้ลงพื้นที่สถานสงเคราะห์  และได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรม  บุคลิกภาพ  การใช้ชีวิต  รวมทั้งการเข้าสังคมของกลุ่มเด็ก  ทำให้ทราบถึงสภาพแวดล้อม  สังคม  ความเป็นอยู่  ของกลุ่มเด็ก  ซึ่งกลุ่มเด็กมีด้วยกันหลายประเภท  ทั้งวัยเด็ก  วัยรุ่นตอนต้น  และวัยรุ่นตอนปลาย  โดยพฤติกรรมของกลุ่มเด็กเหล่านี้  ที่เห็นได้อย่างชัดเจน  คือ  การต้องการความอบอุ่น  ความเอาใจใส่  การดูแล  สังเกตได้จากการที่กลุ่มเด็กเข้ามามีปฏิสัมพันธ์  เช่น  การเข้าโอบกอด  การทำความรู้จัก  การเข้ามาพูดคุยสนิทชิดเชื้อ  อีกทั้งยังมีการเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมในด้านการเล่านิทาน  การวาดภาพระบายสี  การตอบคำถาม  การวัดปัญญาจากการตั้งประเด็นปัญหา  เป็นต้น  ซึ่งจะเห็นได้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่กลุ่มเด็กต้องการเรียกร้องความสนใจ  เช่น  มีพฤติกรรมของเด็กคนหนึ่ง  ที่มีลักษณะเป็นเด็กพิเศษ  โดยมีพฤติกรรมที่เรียกร้องความสนใจจากคุณครู  เพื่อน ๆ  และคนรอบข้าง  หากไม่ได้รับการเอาใจใส่  จะมีพฤติกรรมในลักษณะด้านลบ  คือ  โวยวาย  โมโห  ร้องไห้  ไม่มีสติ  จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมในลักษณะนี้เป็นการเรียกร้องความสนใจ 

ความประทับใจในการได้ลงพื้นที่ครั้งนี้  คือ  การที่ได้เห็นความสามัคคีของกลุ่มเด็ก  การช่วยเหลือแบ่งปันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน  เนื่องจากได้รับการเลี้ยงดูปลูกฝังจากครูและบุคคลรอบข้างภายในสถานสงเคราะห์แห่งนี้  โดยนับว่าเป็นสิ่งที่ควรได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมาก  เพื่อทำให้กลุ่มเด็กเกิดความรู้สึกอยากกระทำพฤติกรรมเหล่านี้ต่อไป  ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับการอบรมสั่งสอนจากครู  คนรอบข้าง  และเพื่อน ๆ ด้วย   อีกทั้งสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน  คือ  การที่ครูแต่ละคนมีจิตใจสาธารณะ  ทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์และเต็มใจ  ทำให้การอบรมเลี้ยงดูกลุ่มเด็กเป็นไปในทางที่ดีและเหมาะสม  ส่งผลทำให้เด็กมีความเคารพนับถือ  เชื่อฟัง  ปฏิบัติตามคำสอนของครูอย่างเต็มใจ  และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ  การที่ได้เห็นบุคคลเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้อย่างมีความสุขในโลกแห่งความเป็นจริงมากที่สุด

--------------------------เนตรนภิส กศบ.เอกไทย ปี 3-----------------------------------------------

เรียงความโครงการส่งเสริมการอ่าน: บ้านสงขลา (4)



สถานที่แห่งนี้ที่ใครเขาเรียกกันว่า สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา  
ที่แห่งนี้ยังมีเด็ก ๆ หลายชีวิตที่ยังรอคอย  และโหยหาไออุ่น  ความรัก  และความสุข  
ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ขาด พวกเขานั้นยังรอรับ  รอคนมาเติมเต็มอยู่ 

ครั้งหนึ่งในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา  ดิฉันเคยได้ไปแบ่งปันความสุขแก่เด็ก ๆ เหล่านั้น 
สิ่งแรกที่สามารถให้แก่กันและส่งถึงกันได้คือ  “รอยยิ้ม”  จากคนที่ไม่เคยรู้จักกันก็สามารถขยับความสัมพันธ์สานไมตรีต่อกันหลังจากนี้ได้ไม่ยาก  ฉันเห็นรอยยิ้มที่แปะไว้บนใบหน้าน้อย ๆ และรับรู้ความหมายนัยน์ตาดวงน้อยทั้งคู่ที่ต่างรับความสุขที่ได้หยิบยื่นให้อย่างไม่ลังเล  ด้วยความไร้เดียงสาของเด็กชวนพูดคุยได้ทุกเรื่องเรื่อย ๆ จนสนิทกันระดับหนึ่ง  ความรู้สึกในวันนี้ที่ฉันรับรู้ได้คือ  ความอบอุ่น  เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา  เป็นความรู้สึกที่ประทับใจ

ครั้งหนึ่งที่ฉันสามารถสร้างความสุขให้พวกเขาได้  เป็นความสุขที่ได้แบ่งปันโดยไม่ต้องจ่ายเงิน  
สามารถจดบันทึกไว้ในใจของเด็ก ๆ ได้และตัวฉันร่วมด้วย  เป็นภาพความทรงจำที่ถูกพิมพ์ไว้ในใจ 
ที่หวนกลับไปนึกถึงทีไรก็จะยิ้มออกมาได้ทุกที  แม้เวลาที่เราได้พบปะนั้นจะน้อยชั่วโมง  
แต่ทุกเวลาที่อยู่ที่แห่งนี้ถูกใช้ไปโดยไม่เสียเปล่า  คำพูดจา  เสียงหัวเราะ  เสียงเพลงที่โห่ร้อง 
ท่าเต้นที่โยกย้ายของน้อง ๆ  อ้อมกอดที่น้องๆวิ่งเข้ามากอด  การบ้านที่ได้สอนให้  และคำบอกลาจากกัน 
ล้วนแล้วเป็นการสร้างความสุขอย่างเล็ก ๆ ที่เรียกว่า  “ความอบอุ่น”  ที่มีให้กันแก่กันได้  
และฉันจะเก็บภาพความประทับใจเหล่านี้ไว้ตลอดไป      

---------------------ศศินิภา ศึกษาศาสตร์ เอกไทย ปี 3 -----------------------------------------------

เรียงความโครงการส่งเสริมการอ่าน: บ้านสงขลา (3)



จากที่ดิฉันได้ไปที่สถานสงเคราะห์สงขลา  ได้เห็นน้องๆทุกคนที่นั่นน่ารักมากและน่าสงสาร      
 ซึ่งจากการที่ดิฉันได้พูดคุยกับน้องๆ  แล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้มีโอกาสกว่าน้องๆที่นี่  
ทุกคนมีแววตาที่เศร้าหมอง  ดูแล้วรู้ได้เลยว่าเด็กขาดความรักความอบอุ่นเป็นอย่างมาก  
แต่จากการที่ได้พูดกับน้องๆ  หลายๆ  คนซึ่งทางสถานสงเคราะห์ได้ให้ความช่วยเหลือน้องๆเป็นอย่างดี  
ทั้งด้านการศึกษา  ด้านสุขภาพ  อาหารการกินและที่อยู่อาศัย  ถึงแม้ว่าเด็กอาจจะมีทุกอย่างที่พอดำรงชีวิตได้ตามปัจจัย 4  แต่ล้วนที่ต้องการความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่เหมือนเด็กทั่วไปที่ควรจะได้รับ  

เด็กที่นี้มีความน่าสงสารซึ่งผิดจากเด็กที่อยู่ข้างนอกที่ได้รับโอกาสและการเลี้ยงดูที่ทะนุถนอมเป็นอย่างดีจากพ่อแม่   จากการที่ดิฉันได้เข้าไปสัมผัสกับน้องๆที่นี้  ความรู้สึกแรกที่รู้ได้เลยคือ  รู้สึกแย่ที่เห็นน้องๆตัวเล็กๆที่ร้องไห้  ถ้าเป็นฉันที่ร้องไห้ก็คงมีพ่อแม่มาคอยปลอบแต่น้องๆที่นี้มีแค่พี่เลี้ยงที่คอบปลอบ  ซึ่งพี่เลี้ยงก็มีไม่มากและดูแลเด็กๆได้ไม่ทั่วถึงเห็นแล้วสงสารมาก

  อยากให้ใครๆหลายๆคนที่มีโอกาสดีกว่าน้องๆเหล่านี้มาเห็นแล้วเก็บไปคิดว่าตัวเองทำได้เหมาะสมกับโอกาสที่พ่อแม่มอบให้หรือยัง  เพราะเด็กที่เกิดมาพร้อมมักทำตัวไม่ดี  ส่วนเด็กที่ลำบากมักทำตัวดีเพื่อที่ดึงตัวเองให้สูงขึ้นจากเดิม  ความรู้สึกและประทับใจที่ได้รับในครั้งนี้คือการให้โอกาสคนอื่นและมองคนอื่นด้วยใจที่บริสุทธิ์และเป็นผู้ให้ที่ดี  แค่นี้ชีวิตของเราก็จะมีความสุข

---------------------ชฎารัตน์ คณะมนุษยศาสตร์ เอกไทย ปี 3-----------------------------

เรียงความโครงการส่งเสริมการอ่าน: บ้านสงขลา 13/2/58 (2)





จากที่ได้ไปสถานสงเคราะห์เด็กสงขลา  ความประทับใจที่ได้รับจากการที่ได้สัมผัสกับน้องๆที่อยู่ในสถานสงเคราะห์  คือรอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กๆ  ที่ไม่รู้ว่าตัวเองมาจากไหน  เป็นลูกใครและทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ ครั้งแรกที่ฉันมองน้องๆรู้ได้เลยว่าทุกคนต้องการความเอาใจใส่  สนใจและความรักความอบอุ่น  

ตอนที่ฉันสอนน้องระบายสีการ์ตูนทุกคนต่างแย่งกันนั่งใกล้ฉัน  ความรู้สึกตอนนี้มันแย่มากที่เห็นน้องๆต่างแย่งกันเพื่อที่จะต้องการความสนใจและความอบอุ่น  และมีน้องคนหนึ่งซึ่งรู้สึกเหมือนจะมีอาการผิดปกติที่ค่อนข้างจะมีนิสัยที่ต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ  โดยที่น้องคนนี้ต้องการให้ใครๆสนใจตัวเองเป็นพิเศษกว่าเด็กคนอื่นๆ  สถานสงเคราะห์แห่งนี้ได้ดูแลและการช่วยเด็ก ๆ น้องๆ เป็นอย่างดีในทุกด้านที่จะให้ได้ แต่เห็นว่าที่ทุกคนจะต้องการคือความอบอุ่นมากกว่า  อย่างอื่นที่ทางสถานสงเคราะห์มอบให้  เพราะมันธรรมดาของชีวิตมนุษย์ที่ต้องการความรักความเอาใจใส่จากพ่อแม่และผู้ที่เป็นที่รัก  

ทุกอย่างอาจจะหาซื้อได้จากที่โน่นที่นั่นแต่ความรักความอบอุ่น  ความเข้าใจ  อาจไม่มีที่ซื้อขายซึ่งคงจะเป็นสิ่งเดียวที่น้องๆที่นี่ต้องการมากกว่าอะไรทั้งสิ้น  ทั้งความประทับใจและรอยยิ้มของน้องๆที่ยิ้มในวันนั้นทำให้ฉันคิดอะไรได้หลายๆอย่างและจะยังคงเป็นแรงผลักดันให้ฉันมีกำลังใจในวันที่ฉันคิดว่าตัวเองแย่ที่สุด  เพราะความจริงแล้วมีคนที่เขาแย่และไม่มีโอกาสมากเท่าเรา

----------------------------จันทิมา ศึกษาศาสตร์ เอกไทย ปี 3----------------------------------

เรียงความโครงการส่งเสริมการอ่าน: บ้านสงขลา 13/2/57








เมื่อวันศุกร์  ที่  13  กุมภาพันธ์  พ.ศ.  2558  ดิฉันได้ร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ที่สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา  ที่ๆมีเด็กน้อย ๆ รอคอยความรัก  การดูแล  การเอาใจใส่และโอกาสจากสังคม  น้อง ๆ เหล่านั้นคือเด็กที่เกิดมาพร้อมกับความไม่พร้อมทั้งด้านครอบครัว  ฐานะการเงิน  รวมไปถึงฐานะทางสังคม  

การไปครั้งนี้ของดิฉัน  เป็นเหตุการณ์อย่างหนึ่งในชีวิตที่รู้สึกมีความสุขกับการเป็นผู้ให้  
ให้โดยมีผลตอบแทนเป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากการได้เห็นรอยยิ้มของน้อง ๆ 
รอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจไร้การปรุงแต่งใด ๆ  รอยยิ้มที่ใสซื่อ  บริสุทธิ์  ไร้เดียงสา 
รวมไปถึง แววตาที่สดใสที่ถูกถ่ายทอดมาสู่ดิฉัน  

การไปสถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลาในครั้งนี้ดิฉันอาจจะช่วยอะไรได้ไม่มากแต่ดิฉันก็ดีใจที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้น้อง ๆ เหล่านั้นได้  การที่ดิฉันได้แบ่งปันความสุขและรอยยิ้มให้น้อง ๆ สิ่งเหล่านั้นทำให้ดิฉันได้รับความรู้สึกที่หลากหลายกลับมาเช่นกัน  เพราะมันสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับดิฉัน รวมไปถึงความอบอุ่น  การปล่อยวางและมีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า  และยังทำให้ดิฉันรู้สึกว่าชีวิตทุกชีวิตนั้นมีคุณค่าที่เท่าเทียมกัน  

นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ประทับใจอีกเรื่องหนึ่งคือ  นอกจากนี้อีกหนึ่งความประทับใจที่เกิดขึ้นคือ  การได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อน ๆซึ่งโอกาสที่จะได้ทำกิจกรรมแบบนี้ร่วมกันนั้นมีน้อย  เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ  เมื่อได้ทำกิจกรรมร่วมกันทำให้ได้สร้างสัมพันธภาพร่วมกันให้มีความทรงจำเพิ่มขึ้น  ขอบคุณโอกาสดี ๆ ที่ดิฉันได้รับที่ทำให้ดิฉันกลายเป็นความทรงจำดี ๆ ของน้อง ๆ เหล่านั้น


----------------------------------------เนตรนที ศึกษาศาสตร์ เอกไทย ปี 3----------------------

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

International Student Leadership Program : TSU & USM











 







International Student's Leadership Program between Thaksin University, Thailand & Universiti Sains Malaysia, 17/2/15.
Hope all students & staff from both institutions all enjoyed the program yesterday. It's a good opportunity to learn and exchange ideas with 35 USM student leaders & staff. Thankfully, we have got new ideas for the development of our student organization.




เมื่อวานตอนเย็นเปลี่ยนหน้าที่จากผู้ช่วยคณบดีฝ่ายพัฒนานิสิตและวิเทศสัมพันธ์ ไปเป็นผู้ช่วยนายก...ลิฟท์ (นายกองค์การนิสิต)และน้องสา (เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการนิสิต) ดำเนินการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้มาเยือนจากมหาวิทยาลัย USM, Malaysia จำนวน 35 คน และนำทัวร์ห้องสมุด / มหาวิทยาลัย
จากการพูดคุย แลกเปลี่ยน พบว่ากิจกรรมขององค์การนิสิตทั้ง 2 สถาบัน ไม่ต่างกันมากนัก มีเพียงเงินที่ USM ลงทุนกับกิจกรรมของนิสิตเยอะมากแต่ก็ฝึกให้นิสิตไปหาสปอนเซอร์เพื่อนำมาทำกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัยเองด้วย เช่นการจัดงาน expo เพื่อฝึกนิสิตให้รู้จักการทำธุรกิจและการทำงานจากประสบการณ์จริง
นิสิตที่นั่นยังได้รับ transcript การทำกิจกรรมนอกชั้นเรียน นอกเหนือจากใบปริญญาอีกด้วย เหมือนกับที่ ม.ทักษิณ ที่นิสิตต้องผ่านกิจกรรมนอกชั้นเรียน 100 ชม. การปลูกจิตสำนึกด้านจิตอาสาเป็นเรื่องหลักของมหาวิทยาลัยที่นั่นเหมือนกันนะเนี่ย ยกตัวอย่างเช่น ตอนเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่รัฐกลันตันเมื่อปีที่แล้ว นิสิตมาเลย์รวมตัวกันถึง 25,000 คน (ทั่วประเทศ) เพื่อลงพื้นที่ช่วยทำความสะอาด + ให้กำลังใจผู้ประสบภัย






ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงพลังจิตอาสาจากเยาวชนต่างแดน แค่ 1 คน มารวมตัวกันก็สามารถสร้างปรากฎการณ์จิตอาสาให้เลื่องลือ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะมีนิสิตจำนวนมากขนาดนี้มาทำงานร่วมกันได้ในคราวเดียว